All New Toyota Commuter การกลับมาของ “รถตู้” ยอดนิยม

โพสต์เมื่อ 12 มิถุนายน 2019 เวลา 19:33 น. หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เอาใจสาวก “รถตู้” ชาวไทย ส่ง All New Toyota Commuter เจนเนอเรชั่น 6 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอความล้ำสมัยเต็มขั้น จากการพัฒนา และออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร เคาะราคาสุดเร้า 999,000 – 1,299,000 บาท

จุดเด่นแห่ง All New Toyota Commuter

New Toyota Commuter เจนเนอเรชั่นล่าสุด มากับการพัฒนายกระดับ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ซึ่งประกอบด้วยการอัพเกรด “คุณภาพ” (Quality), “ความทนทาน” (Durability) และ “ความน่าเชื่อถือ” (Reliability)

ต่อเนื่องด้วยความนุ่มนวล และความคล่องตัวที่ดียิ่งกว่า จากงานดีไซน์ใหม่แบบที่เรียกว่า “เซมิ-บอนเน็ต” (Semi-Bonnet) ซึ่งมีการเปลี่ยนตำแหน่งเครื่องยนต์มาไว้ด้านหน้า ไปจนถึงการวางอุปกรณ์ดูดซับเสียงที่พิถีพิถัน เพื่อสร้างความเงียบภายในห้องโดยสาร

ตามด้วยโครงสร้างแบบวงแหวน (Ring frame) ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และลดการสั่นสะเทือน พร้อมช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบแหนบใหม่ พร้อมปิดท้ายด้วยองศาล้อที่หันได้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีรัศมีวงเลี้ยวแคบเพียง 45 องศา ทำให้ขับขี่ได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ส่วนต่อมา คือ เรื่องของความปลอดภัยล่าสุด กับงานดีไซน์แบบ “เซมิ-บอนเน็ต” (Semi-Bonnet) ที่มีเครื่องยนต์วางด้านหน้า เสริมด้วยคานเหล็กช่วยดูดซับแรงกระแทก และติดตั้งถุงลมเสริมความปลอดภัย พร้อมระบบมาตรฐานที่ครบครัน เช่น ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC

ในเรื่องของสมรรถนะนั้นเกิดขึ้นจากเครื่องยนต์อันทรงพลัง ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งกำลังสูงสุด และแรงบิดสูงสุด ควบคู่ไปกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และสามารถรองรับการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี20 ได้ ในขณะทื่หัวข้อความสะดกวสบายนั้น หายห่วงด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาให้ เพื่อมอบอรรถประโยชน์ด้านการใช้งานได้อย่างแท้จริง

ยกระดับ ด้วยงานดีไซน์สุดเฉียบ และคุณสมบัติครบเครื่อง

Toyota Commuter ใหม่ มีความสะกดสายตาด้วยเรือนร่างใหญ่โตจากโครงสร้างที่ออกแบบใหม่ ปูพรมด้วยงานออกแบบสุดล้ำสมัย และอุปกรณ์ภายนอกที่ครบครัน เช่น ชุดกระจังหน้าโครเมียมอันโฉบเฉี่ยว ประกบด้วยชุดไฟหน้าแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์ ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยให้กับทุกการเดินทาง เสริมความโดดเด่นให้กับมุมมองด้านข้างด้วยล้อขนาด 16 นิ้วดีไซน์ใหม่ ตลอดจนการเพิ่มความปลอดภัยด้วยชุดไฟเบรก 3 ดวง ไปจนถึงกระจกมองข้าง, กระจกมองหลัง และกระจกมองล้อด้านหลัง เพื่อเพิ่มจุดสะท้อนในมุมอับ

ส่วนภายในห้องโดยสาร นำเสนอสุนทรียะใหม่แห่งการเดินทาง ที่เปี่ยมด้วยความผ่อนคลายจากพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง ซึ่งเปิดรับทุกมุมมองได้อย่างเต็มพื้นที่ ซึ่งรองรับได้ถึง 15 ที่นั่ง พร้อมช่องลมแอร์ครบทุกตำแหน่ง และทางออกฉุกเฉิน ทั้งยังเพิ่มความสะดวกสบายต่อการขึ้นลงด้วยการออกแบบบันไดให้มีความกว้าง และมาพร้อมที่จับ ตลอดจนไฟส่องสว่าง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการก้าวขึ้น-ลงรถ

ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกจัดมาให้ครบ เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่เก็บของเหนือศีรษะออกแบบพิเศษที่ช่วยให้เก็บของได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงที่วางแก้วน้ำ และพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งด้านหน้า ในขณะตำแหน่งผู้ขับขี่มากับมาตรวัดพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ MID ที่อ่านค่าได้อย่างชัดเจน ปิดท้ายด้วยกุญแจรีโมท ที่สามารถล็อคและปลดล็อคได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ระบบความปลอดภัยก้าวสู่มาตรฐานใหม่ ซึ่งมอบความมั่นใจได้มากกว่าที่เคย ตั้งแต่โครงสร้างห้องโดยสารที่ได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษ Annular Frame Structure พร้อมด้วยการติดตั้งถุงลมนิรภัย 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วยด้านคนขับ 2 ตำแหน่ง และผู้โดยสารด้านหน้า 1 ตำแหน่ง

ตลอดจนระบบป้องกันการโจรกรรม (Immobilizer Alarm), ไฟกระพริบเมื่อเบรกกระทันหัน (Emergency Stop Signal), ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System), ระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control) ป้องกันรถไหลในขณะออกตัวบนทางลาดชัน เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่

Toyota Commuter ใหม่ ได้รับการอัพเกรดสมรรถนะด้วยขุมพลังใหม่ในรหัส GD แบบดีเซล คอมมอนเรล พ่วงเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ พิกัด 2.8 ลิตร ซึ่งให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,200 รอบต่อนาที

โดยมีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด รองรับด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Macpherson Strut และด้านหลังแบบ Leaf Spring เสริมความมั่นใจในการหยุดยั้งด้วยระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ