บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดฉากอีกหนึ่งปีแห่งความสำเร็จ ฉลองการประกอบรถยนต์ทะลุหลัก 100,000 คัน พร้อมเผยโฉมนวัตกรรมยานยนต์รุ่นใหม่ครบครัน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองการประกอบรถยนต์ทะลุหลัก 100,000 คัน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนการส่งมอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และมินิ รวมสูงสุดกว่า 11,030 คัน ในเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2560 คิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปีที่ 39% และถือเป็นครั้งแรกที่สร้างสถิติยอดขายรวมต่อปีด้วยตัวเลขหลักหมื่น โดยเฉพาะบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ที่สร้างผลงานน่าประทับใจด้วยตัวเลขอัตราการเติบโตปีต่อปีถึง 43% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเครือข่ายบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก และบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้เริ่มต้นศักราช 2561 อย่างสวยงาม ด้วยการสร้างสถิติยอดการส่งมอบรวมสูงสุด 816 คันในเดือนมกราคม คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 10% ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ได้สร้างผลงานครั้งสำคัญ เติบโตขึ้นถึง 36% ด้วยยอดการส่งมอบมอเตอร์ไซค์รวม 150 คันในเดือนเดียวกัน

นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ได้ฉลองความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยการประกอบยนตรกรรมหรูในเครือบีเอ็มดับเบิลยูครบ 100,000 คัน ขณะที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ใหม่หลายรุ่นก็ได้ถูกเผยโฉมล่วงหน้า ก่อนเปิดตัวต่อสาธารณชนในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 39 ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

ในปี 2561 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ในการนำเทคโนโลยียานยนต์และประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือชั้นและล้ำสมัยมามอบให้กับลูกค้าชาวไทยมร.สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว นอกจากยอดขายรวมที่ก้าวขึ้นสู่หลักหมื่นเป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ความสำเร็จครั้งสำคัญของเราในการประกอบยนตรกรรมครบ 100,000 คันในประเทศไทย ยังเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นต่อตลาดประเทศไทยของเราอีกด้วย ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะต่อยอดความสำเร็จนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง ภายใต้การนำของ มร.คริสเตียน วิดมานน์ ผู้รับตำแหน่งประธานคนต่อไป ด้วยการสนับสนุนจากนวัตกรรมการผลิตที่เหนือชั้นและสุดยอดประสบการณ์ในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู

ยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2561 นี้ นำทัพโดย บีเอ็มดับเบิลยู X2 รถยนต์ตระกูลซีรีส์ X รุ่นล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู 530i Touring M Sport ที่มาพร้อมการผสมผสานทั้งความสะดวกสบายที่เหนือชั้นและความปราดเปรียวแบบรถสปอร์ตอย่างลงตัว ความแรงจากสนามแข่งกับ บีเอ็มดับเบิลยู M4 CS และบีเอ็มดับเบิลยู M5 ใหม่ ที่สุดของความสง่างามและขุมพลังเครื่องยนต์

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จะเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่หลากหลายรุ่นให้แก่นักบิดชาวไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS และ บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่และประสิทธิภาพที่เหนือกว่าเดิมในทุกรุ่น

ปี 2561 นี้ จะเป็นปีที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับแฟนบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย ด้วยหลากหลายยนตรกรรมรุ่นใหม่และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องมร. สเตฟาน กล่าว ในวันนี้ เราได้ประกาศถึงการเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์แห่งอนาคต ที่ได้ขับเคลื่อนบีเอ็มดับเบิลยูในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์พรีเมียมมาโดยตลอด ไม่เฉพาะในแง่ของประสิทธิภาพบนท้องถนนเท่านั้น แต่รวมถึงในฐานะผู้นำแห่งนวัตกรรมล้ำสมัยด้วยเช่นกัน

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในการประกอบยนตรกรรมครบ 100,000 คัน พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตที่สดใสและเปี่ยมด้วยพลังงานสะอาดยิ่งขึ้น

โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง ก้าวสู่อีกหนึ่งหลักชัยแห่งความสำเร็จ ด้วยการประกอบยนตรกรรมบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ครบ 100,000 คัน ก่อนก้าวเข้าสู่ปีที่ 18 ของการผลิต โดยในอนาคต โรงงานแห่งนี้จะขยายศักยภาพการผลิตภายใต้กลยุทธ์ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของทรัพยากรบุคคลและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง

ตลอดปี พ.ศ. 2561 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะมุ่งสร้างรากฐานเพื่ออนาคตด้วยโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง (HVB) โดยพนักงานจากโรงงานแห่งนี้จะได้เข้าร่วมการอบรมซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เพื่อพัฒนาทักษะพิเศษสำหรับการประกอบแบตเตอรี่สุดไฮเทคนี้ โปรแกรมอบรมทักษะพิเศษนี้จะครอบคลุมทั้งความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์และกระบวนการที่ล้ำหน้าต่างๆ เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การเตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ และการทดสอบไฟฟ้าแรงสูง โดยก่อนหน้านี้ มีพนักงานจำนวนหนึ่งที่ได้เข้ารับการอบรมภายใต้หลักสูตรนี้ในประเทศเยอรมนี จนสำเร็จหลักสูตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หนึ่งในเสาหลักของกลยุทธ์ระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือมุ่งสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายนี้อย่างเต็มที่เช่นกันมร. เจฟฟรีย์ กอดิอาโน กรรมการผู้จัดการและประธานบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าว หลังจากประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด สำเร็จไปถึง 4 รุ่น ก้าวต่อไปของเราคือการเตรียมความพร้อมสำหรับแบตเตอรี่แรงดันสูง พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำยุคอื่นๆ ภายในปี 2562

นอกจากแบตเตอรี่แรงดันสูงแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังเปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีอีกหลายชนิด เพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญ คุณภาพ และความประณีตในสายการผลิต ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตแบบ Additive Manufacturing หรือการพิมพ์แบบสามมิติ เพื่อการผลิตชิ้นส่วนตามความต้องการเฉพาะของลูกค้า หรือการนำหุ่นยนต์มาใช้งานในโรงงาน เพื่อพัฒนาระบบสนับสนุนการผลิตที่ยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น เทคโนโลยีเสมือนจริงแบบ 3D และ AR ช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่มีความล้ำสมัยให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิต โดยจะช่วยลดปริมาณงานที่ต้องใช้กำลังมากหรืออาจก่อให้เกิดปัญหาทางสรีระลง ทั้งยังเพิ่มโอกาสให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ทักษะความเชี่ยวชาญ ของตนให้ถึงขีดสุด

ตลอดปี พ.ศ. 2561 นี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะสานต่อการลงทุนในด้านทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดย มร. เจฟฟรีย์ กล่าวว่า ภายใต้การริเริ่มโครงการการศึกษาระบบทวิภาคี ที่มุ่งเน้นการสร้างเสริมความรู้ความสามารถในด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ (Mechatronics)ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) เราได้ผสานการศึกษาเทคโนโลยีแห่งอนาคตเข้าไปในหลักสูตรพื้นฐาน เช่น การประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง เป็นต้น นอกจากการศึกษาเทคโนโลยีสำหรับงานด้านวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ และเทคโนโลยีการควบคุมการทำงานของเครื่องจักรกล (CNC) การออกแบบชิ้นส่วน (CAD) รวมทั้งการผลิต (CAM) โดยใช้คอมพิวเตอร์ เรายังร่วมมือกับบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน (TGGS) เพื่อฝึกสอนการเขียนโปรแกรมสำหรับรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ (Automated Guide Vehicle) และเทคโนโลยีแบตเตอรี่รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด โดยโครงการเหล่านี้ถือเป็นการเสริมศักยภาพของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน

ในขณะเดียวกัน โรงงานที่ระยองแห่งนี้ยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายเพื่อความยั่งยืนอย่างไม่หยุดยั้ง หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จในการไม่ทิ้งวัสดุเหลือใช้สู่สิ่งแวดล้อม (Zero waste) ในปี 2559 การนำเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกมาปฏิบัติใช้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการผลิตพลังงานไว้ใช้เอง ยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนในระยะยาวทั่วพื้นที่โดยรอบของโรงงานอีกด้วย

ปีนี้เป็นอีกปีในการสร้างความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สปิริตที่แรงกล้าของทีมงานของเราได้ช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพในการผลิต ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และทำให้เราได้รับความไว้วางใจในฐานะหนึ่งในโรงงานที่มีความสามารถในการปรับตัวมากที่สุดในเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยทักษะ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ทุกคน เราจึงสามารถมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหนือระดับ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าของเรามร. เจฟฟรีย์ กล่าว

บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย

ปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีสำคัญสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย เช่นกัน โดยหนึ่งในความสำเร็จอันโดดเด่นในปีที่ผ่านมา คือการเปิดตัว BMW FREEDOM CHOICE บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ที่มาพร้อมการรับประกันมูลค่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในอนาคตตั้งแต่วันแรกของระยะเวลาสัญญา เปิดทางเลือกให้แก่ลูกค้าในการจัดการกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสัญญา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูอย่างสมบูรณ์แบบ หรือการเริ่มต้นสัญญาใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันใหม่

ความร่วมมือทางธุรกิจอันแข็งแกร่งจากทุกหน่วยงานในบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย รวมทั้งเครือข่ายผู้จำหน่ายของเรา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราสามารถสร้างผลงานอันน่าประทับใจได้ในปีที่ผ่านมามร. บียอร์น แอนทอนส์สัน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทยกล่าว มูลค่าสินเชื่อในพอร์ตโดยรวมของเรา ถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2560 ที่มูลค่า 4.04 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ยอดสินเชื่อลูกค้าใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็เพิ่มขึ้นถึง 22% หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.25 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา ในปี พ.ศ. 2561 นี้ เรามีความตั้งใจที่จะสานต่อความสำเร็จดังเช่นที่ผ่านมา ด้วยบริการทางการเงินใหม่ ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่นเดียวกับการเปิดตัว BMW FREEDOM CHOICE ในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ในการมอบการเข้าถึงน้ำสะอาดให้แก่คนไทยที่ขาดแคลน ผ่านโครงการแคร์ ฟอร์ วอเตอร์ ภายใต้ความร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ และองค์กรไม่แสวงหากำไรสัญชาติอเมริกา Waves For Water เป้าหมายหลักของโครงการแคร์ ฟอร์ วอเตอร์ คือการยกระดับคุณภาพชีวิต มอบวิถีชีวิตที่ดีขึ้น และรับมือกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ โดยการมอบการเข้าถึงน้ำสะอาดอย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนที่ขาดแคลน รวมถึงการส่งเสริมให้ชาวบ้านเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงประโยชน์ของน้ำสะอาด และฝึกฝนชาวบ้านให้มีความเชี่ยวชาญในการติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องกรองน้ำเพื่อการใช้งานในระยะยาว

ในปีที่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ได้ร่วมกันส่งมอบเครื่องกรองน้ำกว่า 3,434 ชุด ให้แก่ 38 ชุมชนที่ขาดแคลนน้ำสะอาดในประเทศไทย โดย
เครื่องกรองน้ำหนึ่งเครื่องสามารถผลิตน้ำสะอาดสำหรับ
100 คนต่อวัน จึงเท่ากับว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้มอบน้ำสะอาดให้แก่ชาวบ้านแล้วถึง 343,400 คน และอาสาสมัครจากบริษัทฯ ยังได้กลับไปเยี่ยมชุมชนที่ได้รับบริจาคเครื่องกรองน้ำในปีที่ผ่านมา เพื่อสร้างความมั่นใจว่าชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

สิ่งเหล่านี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จพร้อมกับคนไทยมร. บียอร์น แอนทอนส์สันกล่าว


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |