รีวิว : All New SUZUKI Celerio GLX ( ซูซูกิ เซเลริโอ )ความคุ้มค่ากับเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรที่มีอัตราเร่งไม่แพ้ 1.2 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า ใน ราคา รถยนต์ใหม่ 488,000 บาท

นาทีที่สถานการณ์บ้านเมืองร้อนๆ เช่นนี้ เศรษฐกิจล่วงหล่นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคที่คิดจะเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ต้องชะลอดูสถานการณ์กันอีกสักพัก จึงทำให้เหลือผู้บริโภคอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มรถหรูที่ไม่มีปัญหาเดือดร้อนเรื่องสตางค์ กลุ่มที่ 2 คือ จำเป็นต้องซื้อเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น คนกลุ่มนี้ต้องการรถที่คุณภาพดี ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่สูง All New SUZUKI Celerio ” ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ ” จึงเป็นรถอีโคคาร์ที่เข้ามาตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ดี ใน ราคา รถยนต์ใหม่ 488,000 บาท แต่จะประหยัด คุ้มค่า ขนาดไหนตามผมมาชมกันครับ

 

All New SUZUKI Celerio 

“ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” ออกสู่สายตาคนไทยเป็นครั้งแรกในงาน Bangkok International Motor Show ปี 2014 โดยอาศัยพื้นฐานของ A:WIND Concept และเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในงานมหกรรมยานยนต์ Thailand International Motor Expo เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว All New SUZUKI Celerio อาศัยฐานการผลิตที่โรงงานระยอง สำหรับตลาดภายในประเทศไทย และส่งออกสู่ตลาดยุโรปด้วยอีโคคาร์คันใหม่ของค่ายซูซูกิ ถูกวางตำแหน่งให้ผู้บริโภคที่ต้องความคุ้มค่าในตัวผลิตภัณฑ์ เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์คันแรกในชีวิต กลุ่มนักศึกษา กลุ่มครอบครัวที่ต้องการเปลี่ยนจากการใช้จักรยานยนต์มาเป็นรถยนต์ที่มีความปลอดภัยมากกกว่าเดิม เนื่องด้วยการวางราคาของรถยนต์คันนี้จะอยู่ที่ 359,000 – 488,000 บาท พร้อมกับโปรโมชั่นที่ต้องใช้คำว่า “Surprise” โดยจะมีอัตราผ่อน 2,222 บาท ใน 12 เดือนแรก ฟรีประกันภัยชั้น 1 ซึ่งไม่ต่างจากการผ่อนจักรยานยนต์ในท้องตลาด แต่หลังจากผ่อนชำระปีแรกไปแล้ว จะขึ้นอัตราการผ่อนแบบขั้นบันได แถมยังไม่มี “บอลลูน” ให้ต้องหาเงินก้อนใหญ่มาปิดวันหมดสัญญา ดังนั้นจึงเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมากๆ

 

Surprise…การออกแบบ ไม่แพ้ 1.2 ลิตร

การออกแบบของ All New SUZUKI Celerio “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” มาจากการรวม 3 คอนเซปต์ คือ “รูปทรงเปี่ยมพลัง” “ห้องโดยสารกว้างขวาง” และ “คุณภาพยอดเยี่ยม” เข้าด้วยกัน การออกแบบภายนอกเน้นความเรียบง่าย เติมเสน่ห์ด้วยสีสันให้ตัวรถมีชีวิตชีวาให้รู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เห็น หากคุณมองหน้าตรงๆ จะพบกับกระจังหน้าโครเมียมสลับดำที่สบัดปลาย 2 ด้าน ต่อเนื่องกับไฟหน้าที่ให้ความรู้สึกเหมือนยิ้มตลอดเวลา ด้านข้างเห็นถึงความงดงามความต่อเนื่องของเส้นสาย ในการจัดระเบียบของอากาศให้ไหลผ่านได้ดี ส่วนด้านท้ายเน้นส่วนสัดให้ลงตัวในสไตล์รถ 5 ประตู ส่วนขนาดตัวถังยาว 3,600 มม. กว้าง 1,600 มม. สูง 1,540 มม. ระยะฐานล้อยาว 2,425 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถเปล่า 830 กิโลกรัม แต่ในรุ่น GLX ที่นำมาทดสอบจะมีความพิเศษ ตรงที่จะมี Aero Part รอบคันทั้ง สปอยเลอร์หน้า ข้าง หลัง และบนหลังคา มาให้ด้วย จึงทำให้ในรุ่นตัว Top ดูลงตัวโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ส่วนตัวผมรูปลักษณ์ถือว่าเรียบง่ายดีครับ อยากให้โดดเด่นก็คงต้องเลือกสีแรงๆ เท่านั้น แต่ในการดีไซน์ที่เรียบง่ายทางซูซูกิยังคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีของตัวรถทุกอนู เพราะเครื่องยนต์เล็ก เน้นประหยัด หากออกแบบตัวถังไม่เหมาะสมรับรองเร่งก็ไม่ขึ้น กินน้ำมันอีกต่างหาก เรื่องความปลอดภัยมีการใช้ชุดเทคโนโลยีควบคุมประสิทธิภาพเบ็ดเสร็จ (TECT) ของซูซูกิ ซึ่งเป็นการทำให้น้ำหนักเบาและดูดซับแรงกระแทก ใช้โลหะที่ทนแรงดึงสูงอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับคุณสมบัติอื่น อย่างเช่น พื้นที่ยืดหยุ่นรับแรงปะทะ (crumple zone) ที่ซึมซับแรงกระแทก ขณะปะทะ โครงรถที่กระจายแรงปะทะแนวตั้งไปรอบ ๆ อย่างได้ผล และยังมีโครงสร้างห้องโดยสารอันแข็งแกร่งช่วยปกป้องผู้โดยสาร แค่นี้เราก็จะมั่นใจในความปลอดภัยของรถเล็กมากขึ้น

 

Surprise…ด้วยความกว้าง โปร่งสบาย 

การออกแบบภายในโดยทีมพัฒนา CELERIO มุ่งเป้าไปที่ความเรียบง่าย กว้าง โปร่ง โล่ง ร่วมสมัยอยู่เสมอ ใช้งานง่าย จึงเน้นโทนสีดำเป็นหัวใจหลักของการตกแต่งภายใน แต่ตัวเบาะออกแบบให้อารมณ์วัยรุ่นนิดหน่อย ใช้เนื้อผ้าบุเบาะหลักเป็นลายจุดสีเหลือง เพื่อให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ในส่วนของการออกแบบคอนโซลดีไซน์ไม่ได้โฉบเฉี่ยวนัก แต่ว่ามีการใช้เส้นสายหนาบาง ทำให้เกิดมิติที่น่าชวนมอง ประกอบกับการวางตำแหน่งเครื่องเล่น CD พร้อมช่องต่อ USB แบบ Built in ปุ่มควบคุมเครื่องปรับอากาศ ที่ใช้งานแบบง่ายๆ ทำให้เนียนกริบไปทั้งคอนโซล ขยับลงมาที่คอนโซลเกียร์มีการจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะมือ หัวเกียร์มีอยู่ 2 ปุ่มให้ใช้งาน คือ ปุ่มคายล็อค กับปุ่มเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ที่สำคัญที่แป้นเกียร์มีปุ่ม “ปลดล็อค” เกียร์ ให้สามารถใส่เกียร์ว่างเวลาคุณจอดรถขวางคันอื่น มาดูส่วนของมาตรวัดเรือนไมล์ แบ่งเป็น 3 ช่อง มาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ตรงกลาง ฝั่งซ้าย เป็นมาตรวัดรอบขนาดเล็ก ฝั่งขวา เป็นหน้าจอ Digital Multi Information Display แสดงข้อมูล ทั้ง ระยะทางรวม ระยะทาง Trip Meter ทั้ง Trip A และ B อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งแบบ Real Time และแบบเฉลี่ย รวมทั้งระยะทางที่น้ำมันในถัง เหลือพอให้วิ่งต่อไปได้ และสามารถปรับความสว่างของไฟบนแผงหน้าปัดทั้งหมด ส่วนพวงมาลัยแบบ 3 ก้าน หุ้มด้วย ยูรีเทน หน้าตาเหมือนรุ่นพี่สวิฟท์ สามารถปรับระดับได้ ตัวกุญแจเป็นแบบมีสวิตช์รีโมท สั่งล็อก – ปลดล็อกประตูมาให้ในตัว กดเพียงครั้งเดียวปลดล็อคประตูฝั่งคนขับเท่านั้น กดปุ่มปลดล็อก 2 ครั้ง ประตูทั้ง 4 บาน จะถูกปลดล็อกออกทั้งหมด มีระบบ Immobilizer มาให้ด้วย ปิดท้ายภายในด้วยการเซอร์ไพรส์ของความกว้างขวางความจุสำหรับเก็บสัมภาระมากถึง 254 ลิตร สำหรับผมจากที่อยู่ด้านในกับรถ All New SUZUKI Celerio “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” มาเป็นอาทิตย์ วันละ 5-6 ชม. เสน่ห์ยังอยู่ที่ความกว้าง คือ เป็นรถเล็กที่ไม่อึดอัด พื้นที่เหนือศีรษะเหลือเยอะ แม้ตัวผมเองจะสูง 180 ซม. ส่วนภายในถึงแม้จะไม่ได้มีฟังค์ชั่นการใช้งานมากมายนัก แต่สิ่งจำเป็นของผู้ใช้รถในยุคดิจิตอลเช่น ช่อง USB มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งแบบ Real Time และแบบเฉลี่ย และวัดระยะทางที่น้ำมันในถัง เหลือพอให้วิ่งต่อได้ สำหรับแค่นี้ก็ถือว่าพอแล้วที่จะใช้งานในชีวิตประจำวัน ส่วนความปลอดภัยของภายในยังมี Air Bag 2 ใบทั้งที่พวงมาลัยและคอนโซลฝั่งผู้โดยสาร ส่วนเข็มขัดนิรภัยมีให้ครบทั้ง 5 ที่นั่งครับ

 

ขุมพลัง

Surprise…ด้วยความเร็วปลาย 165 กม./ชม.
เปิดฝากระโปรงขุมพลังของ All New SUZUKI Celerio “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” เป็นรหัส K10B แบบ 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 998 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 79.0 x 79.4 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.0 : 1 จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กทรอนิคส์ Multi-Point Injection ให้กำลังสูงสุด 68 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 90 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ CVT ที่ติดตั้งตัวระบายความร้อนของน้ำมันอยู่ในตัว จริงๆ แล้วพูดถึงเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร ความคาดหวังว่าจะแรงคงไม่มีอยู่ในหัวของผม แต่จากที่สัมผัสในเรื่องของอัตราเร่งถือว่าไม่น้อยหน้า 1.2 ลิตร ยิ่งความเร็วจากหยุดนิ่งไปจนถึง 140 กม./ชม. ถ้าเราไม่ทราบมาก่อนว่าเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เราก็คงคิดว่า 1.2 ลิตร เนื่องจากว่าความเร็วปลายเอาแบบไม่ต้องรอไหลเพิ่มอยู่ที่ 165 กม./ชม. (จากเรือนไมล์) ซึ่งในความรู้สึกผม คือ เกินพอแล้ว เพราะรถประเภทนี้เน้นที่จะใช้งานในเมือง แต่ในตลาดเมืองไทยพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป คนต่างจังหวัดซื้อรถประเภทนี้ใช้งานมากขึ้น ขับไป-กลับทำงาน หรือทำธุระจังหวัดใกล้เคียง 80-150 กม. ให้ได้สบายๆนั้น จึงต้องปรับขยับความแรงให้มากขึ้น เผื่อเอาไว้แซงในความเร็วเกิน 100 กม./ชม.บ้าง แต่เครื่องยนต์อย่างเดียวคงจะสร้างอัตราเร่งแบบนี้ไม่ได้ หากไม่ทำงานร่วมกับเกียร์ CVT ที่มีการปรับจูนมาอย่างลงตัวทั้งในรอบความเร็วต้น และปลาย แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ “Sport Mode” ซึ่งเพียงคุณกดปุ่มข้างเกียร์ให้มีสัญลักษณ์ตัว “S” ขึ้นคู่กับตำแหน่ง “D” ที่เรือนไมล์เป็น “Ds” ระบบส่งกำลังจะถูกปรับเปลี่ยนให้สามารถดึงกำลังสูงสุดออกมาใช้ ลากรอบความเร็วได้เพิ่มขึ้น อัตราการทดของสายพานในเกียร์จะทำงานต่อเนื่องในตำแหน่งที่ส่งกำลังให้รถวิ่งไปข้างหน้าได้เร็วที่สุด นอกจากนั้นเวลายกคันเร่งยังจะมีรอบเครื่องยนต์มารอ เพื่อให้มี “Engine Brake” ช่วยในการเบรคให้ง่ายขึ้น หรือหากจะเร่งต่อรอบเครื่องยนต์จะอยู่ในระดับ 3,500 รอบ/นาที ซึ่งเป็นจุดที่แรงบิดมาเต็มที่พอดี จึงทำให้ใช้เวลาน้อยมากที่คุณจะเรียกแรงม้าสูงสุดออกมาในการเร่งแซง สุดท้ายคือ สิ่งที่หลายๆ ท่านอย่างทราบคือ อัตราเฉลี่ยน้ำมันจากที่โรงงานเคลมเอาไว้ว่า 23.5 กม./ลิตร ส่วนตัวผมวิ่งนอกเมืองความเร็วเฉลี่ย 80 กม./ชม. ชิวๆ ไปเรื่อยๆ อยู่ที่ 26.5 กม./ลิตร (แก๊สโซฮอล 95) ครับ

 

Surprise…ด้วยความนิ่ง

มาถึงระบบช่วงล่างที่หลายๆ ท่านมั่นใจในค่ายซูซูกิ แต่ All New SUZUKI Celerio “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” จะมีดีเหมือนพี่ๆ ในค่ายหรือเปล่านี่สิน่าคิด เจ้าตัวนี้อาศัยระบบช่วงล่างหน้าแม็กเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง แบบเดียวกับรุ่นพี่สวิฟท์ พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS รัศมีวงเลี้ยวเพียง 4.7 เมตร ซึ่งทำให้การกลับรถในพื้นที่แคบทำได้ง่ายขึ้น ความโดดเด่นที่ผมเซอร์ไพรส์ คือ การเกาะถนนไม่ได้ต่างจากรุ่นพี่มาก ทั้งที่หน้ายางเพียง 165/14 R14 การเกาะถนนในทางตรงแม้ว่าคุณจะใช้ความเร็วอยู่ 130 กม./ชม. ยังไม่วูบวาบให้รู้สึกกลัว นิ่งสบายๆ อยากจะเปลี่ยนเลนทำได้อย่างมั่นใจ ส่วนทางโค้งหากคุณไม่เข้าโค้งด้วยความเร็วที่โอเว่อร์มากนัก ผมรับรองว่าเอาอยู่แน่นอนครับ ส่วนน้ำหนักพวงมาลัยในจุดนี้ส่งผลที่ดีมากกับการควบคุมในความเร็วสูง แต่ในความเร็วต่ำคุณอาจจะรู้สึกหนักสักนิด ระบบเบรกด้านหน้าดิสท์เบรกพร้อมรูระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก ในรุ่น GLX ที่จะติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD ( Electronics Brake Force Distribution) มาให้ครับ ทำให้มีความปลอดภัยในการขับขี่มีมากขึ้น การหยุดรถจะใช้ระยะทางน้อยลงด้วยครับ

 

All New SUZUKI Celerio GLX “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” ในราคา 488,000 บาท หากจะมองถึงความคุ้มค่ากับเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรที่มีอัตราเร่งไม่แพ้ 1.2 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า ความปลอดภัย ออฟชั่น ความกว้างขวาง ภายในที่ไม่ได้แพ้ 1.2 ลิตร ส่วนตัวผมคงไม่ได้มองว่าเครื่องยนต์ซีซี. เท่าไหร่ แต่คงจะมองกันที่สมรรถนะและสิ่งที่ได้มาว่าเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตจริงของผมหรือไม่ แต่อย่าพึ่งเชื่อผมครับ ไปทดลองขับกันที่โชว์รูมซูซูกิจะดีกว่า เพราะช่วงนี้คุณแค่ลองขับก็ได้บัตรชิงรถ All New SUZUKI Celerio “ออล นิว ซูซูกิ เซเลริโอ” แล้ว น่าจะคุ้มค่ากับการเสียเวลานะครับ แถมถ้าคุณดวงดีอาจไม่ต้องซื้อ เพราะซูซูกิแจกฟรี แจกจริง ถึง 2 คันนะครับ