ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ จำเป็นแค่ไหน สำหรับรถยุคนี้

จากประสบการณ์งาน instructor ที่สอน และให้คำแนะนำเกี่ยวกับรถยนต์มา หลายต่อหลายคนมักถามหาว่า “รถคันนี้มีระบบเบรกอัตโนมัติไหม” ซึงหลายครั้งมานั่งคิดว่า หลายคนเห็นมาจากโฆษณา สื่อต่างๆ และหลายคนก็ยังไม่เคยสัมผัสจริง (แหงล่ะค่ายรถไหนจะให้ลูกค้าทดสอบจริง) ดังนั้นจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้ในการช่วยไขความกระจ่างให้พิจารณากันเองว่า ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ จำเป็นไหม กับการขับขี่ในปัจจุบันนี้

รู้จักกับ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ กันก่อน

สำหรับระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ หรือ Automatic Brake System หรือชื่ออะไรประมาณนี้ตามแต่เจ้าของแบรนด์จะตั้ง เอาเป็นว่ามันคือ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ในกรณีฉุกเฉิน

ซึ่งการทำงานของระบบที่ว่านี้ก็ตรงตามตัวอยู่แล้วคือ จะช่วยเบรกให้โดยอัตโนมัติ ในกรณีฉุกเฉิน หมายความว่า เมื่อกำลังจะเกิดการชน (ระบบของรถจะตรวจจับเอง) หรือการขับขี่ของผู้ขับ มีความกระชั้นชิดที่จะก่อให้เกิดการชน เมื่อระบบ (จากเซนเซอร์ต่างๆ) ตรวจจับได้ จะทำการเตรียมการเบรกโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วย “เบรก” ในกรณีที่ผู้ขับขี่อาจจะ “เหยียบ” เบรกช้าไป (เสี้ยววินาที) หรือผู้ขับขี่เผอเรอไม่ได้เหยียบเบรก (ในจังหวะที่ต้องเบรกแล้ว)

ถามว่า ทำไมต้องช่วยเบรก

คำตอบอยู่ที่ย่อหน้าที่แล้วคือ หากอยู่ในกรณีกระชั้นชิดที่ผู้ขับขี่โดยปกติ จะต้องเหยียบแป้นเบรกเพื่อลดความเร็วไม่ให้ชนรถคันหน้า แต่การตอบสนองของการที่จะลดความเร็วนั้น กระทำได้ช้าเกินไป หรือผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองที่จะเหยียบเบรก ระบบช่วยเบรกอัตโนมัตินี้ จะเข้ามาทำหน้าที่ “เหยียบเบรก” แทนผู้ขับขี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนที่จะเกิดได้ หรือเป็นการลดทอนความรุนแรงจากการชน

ระบบทำงานอย่างไร

ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติจะทำงาน โดยมีการคำนวณผ่านกล่องสมองกล ซึ่งจะมีเซนเซอร์หลายๆ ตัว เป็นตัวตรวจจับก่อนส่งไปให้กล่อง ECU คำนวณ ในบรรดาเซนเซอร์ตรวจจับนั้น ส่วนใหญ่แล้ว เรดาร์ จะเป็นตัวหลักในการตรวจจับ และมี กล้อง เป็นตัวช่วยตรวจจับด้วย เพื่อส่งไปยังกล่องฯ ให้ประมวลผล โดยมีเซนเซอร์อื่นๆ ร่วมด้วยตามแต่ความละเอียด และความฉลาดของระบบที่ให้มา

เมื่อกล่องฯ ประมวลผลได้แล้วว่า อีกไม่กี่วินาที ด้วยความเร็วขนาดนี้ ถ้าผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกตอนนี้ อาจจะเบรกไม่ทัน เมื่อกล่องฯ คำนวณแล้ว ก็จะส่งคำสั่งนั้นไปที่ระบบเบรก เพื่อให้ปั๊มเบรกมีการขยับตัวรอ ในการที่จะเพิ่มแรงกดเบรกต่อไป

มีระบบนี้แล้ว “ไม่ชน” ใช่ไหม

“เป็นไปได้ว่าจะไม่ชน และอาจจะชน” อย่างที่อธิบาย ระบบนี้ใช้ความเร็วสัมพัทธ์ในการคำนวณ ไม่ได้ใช้ระยะห่างระหว่างรถเรากับรถคันหน้า (หรือวัตถุข้างหน้า) ในการคำนวณ หากจะให้บอกว่าชน หรือไม่ชน คงอธิบายเป็นตัวหนังสือได้ยากหน่อย แต่จะสรุปพอให้เห็นภาพ จากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเองได้เคยทดสอบ ได้สัมผัสจริง ได้แนะนำสื่อสารให้กับลูกค้ามานั้น

เมื่อรถยนต์ หรือวัตถุข้างหน้า หรือคน (อะไรก็ตามแต่ที่ระบบสร้างมาให้ตรวจจับได้) จอดอยู่นิ่ง ด้วยความเร็วของรถเราที่เคลื่อนเข้ามา ถ้าไม่เร็วมากซัก 30-40 กม./ชม.ส่วนใหญ่แล้วจะหลีกเลี่ยงการชนได้ (เบรกทัน) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยร่วมเช่น ความ sensitive ในการตรวจจับของระบบ, สภาพยาง, สภาพพื้นผิวถนน ฯลฯ

ดังนั้นพอจะเห็นภาพคร่าวๆ ได้ว่า หากปราศจากการตอบสนองของผู้ขับขี่ ด้วยความเร็วที่ไม่มาก เบรกอัตโนมัติก็ช่วยได้ทัน ฉะนั้นหากความเร็วสูงขึ้นกว่านี้ การชนเกิดขึ้นแน่ๆ แต่ก็ดีกว่าที่จะแล่นเข้าไปชนโดยไม่ได้รับการเบรกเลย อย่างน้อยก็เป็นการบรรเทาความรุนแรง

ช่วยสรุปหน่อยว่า จำเป็นไหม

ย้อนกลับไปตั้งแต่ intro ตอนต้น ว่าหลายคนมักถามหาว่ารถคันนี้มีระบบนี้ไหม ส่วนใหญ่แล้วเค้าจะใส่มาในรถรุ่นแพงๆ หน่อยประมาณ 1 ล้านอัพ แต่ก็มีให้ใน อีโคคาร์ ยี่ห้อนึ่ง ทั้งนั้นความละเอียดของการทำงานของระบบก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับราคารถด้วย ซึ่งแปรผันกับต้นทุน

สรุปถ้ามีให้มา ก็นับเป็นเรื่องดี มีไว้ช่วยสร้างความอุ่นใจเพิ่ม แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะผู้ขับขี่ควรขับขี่อย่างมีสติ และสมาธิเวลาอยู่หลังพวงมาลัย บางคนพอมีระบบนี้ ก็มักชอบท้าทายระบบ ย่ามใจจนเผอเรอไร้สมาธิเวลาขับขี่ อย่างนี้ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะเกิดอุบัติเหตุไหม แต่ถ้าถามผู้เขียน โดยส่วนตัวแล้วถ้ามีก็ดี เหมือนเป็นตัวช่วยยามที่เราอาจจะเผลอไผลในเศษเสี้ยววินาที แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ร่ำร้องว่าอยากจะมี เอาเป็นว่าขับรถอย่าประมาท อยากมีระบบก็ต้องจ่าย แต่ถ้าไม่อยากจ่ายก็ขับรถอย่างมีสตินะครับ