ฝาหม้อน้ำ อันตราย! ที่หลายคนมองข้าม

อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งในรถยนต์ ที่หลายคนมองเห็นอยู่เสมอๆ เวลาเปิดฝากระโปรง แต่ก็แค่มองผ่าน ไม่ได้สนใจที่จะตรวจดูสภาพว่า มีความเสื่อมขนาดไหน นั่นก็คือ ฝาหม้อน้ำ ที่แปะอยู่บนหม้อน้ำ ที่ผู้ใช้รถมักให้ความสำคัญมากกว่า มักตรวจเช็กระดับน้ำในหม้อพักน้ำมากกว่าที่จะไปจับต้องลูบคลำเจ้าฝาหม้อน้ำที่ว่านี้

ฝาหม้อน้ำ เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมของ หม้อน้ำ มีหน้าที่ควบคุมแรงดันภายในหม้อน้ำให้คงที่ เมื่อแรงดันภายในหม้อน้ำเพิ่มสูงขึ้น (นึกภาพกาต้มน้ำที่กำลังเดือด หากฝากาต้มน้ำไม่มีรูระบาย แรงดันก็จะดันฝากระเด็นออกมา) ฝาหม้อน้ำซึ่งมีสปริงเป็นส่วนประกอบ จะทำหน้าที่ยกเพื่อเปิดทางให้ แรงดัน ถูกระบายออกไปยัง ถังพักน้ำ และเมื่ออุณหภูมิภายในหม้อน้ำเย็นลง น้ำในถังพักที่มีปริมาณมากขึ้น จะถูกดูดกลับไปยังหม้อน้ำอีกครั้ง

ถ้าถามว่า หากไม่มีเจ้าฝาหม้อน้ำ หรือฝาหม้อน้ำถูกปิดตาย หรือฝาหม้อน้ำชำรุด สิ่งมที่จะเกิดก็คือ แรงดันในหม้อน้ำเมื่อน้ำเดือดจัดๆ จะหาทางระบายออก ถ้าไม่มีที่ระบาย ก็จะดันหม้อน้ำให้แตก หรือส่วนหนึ่งใดที่น้ำวิ่งผ่านให้แตกออกได้

ตัวเลขบนฝาหม้อน้ำคืออะไร

ที่เราเห็นตัวเลขกำกับบนฝาหม้อน้ำ ไม่ว่าจะเป็น 0.9 bar, 1.3 barมั่ง หรือมากกว่านั้น หรือบางฝาก็มีหน่วยวัดเป็น ปอนด์/ตรน.หรือบางฝาก็เป็นหน่วย kpa เลขพวกนี้คือ ตัวกำหนดแรงดัน ว่าแรงดันเท่าไหร่ถึงจะระบายแรงดันทิ้งไปยังถังพักน้ำ

ซึ่งหลายคนพอเห็นตัวเลขเยอะ รถซิ่งชอบใช้ ก็อยากใช้ตาม แต่หารู้ไม่ว่า หม้อน้ำที่เราใช้อยู่มันไม่สามารถรับแรงดันที่มากกว่าเดิมได้ พอเจอฝาที่มีค่าแรงดันเยอะๆ น้ำก็จะเดือดมาก เดือดนาน หาทางออกตรง ฝา ไม่ได้ ก็จะไปหาทางออกตรงอื่นแทน ฉะนั้นใช้ฝาหม้อน้ำที่มีค่าแรงดันเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมได้เล็กน้อย

ซื้อ ฝาหม้อน้ำ อย่าลืมตรวจเช็ก แบบ ด้วย

จริงๆ แล้วไม่ว่าใช้รถรุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ส่วนใหญ่ฝาหม้อใช้ทดแทนกันได้เกือบหมด ถ้าหากจะไปซื้อเอง ควรเช็กก่อนว่า รถเราใช้ฝาหม้อน้ำแบบ จุกเล็ก หรือ จุกใหญ่ ความต่างหลักๆ มีเท่านี้ซึ่งมันใส่แทนกันไม่ได้ เพราะมันจะใส่ไม่เข้า ไม่พอดี

ส่วนราคาก็ซื้อหากันได้ตั้งแต่ร้อยบาท ไปจนหลายร้อยบาท เอาแบบดีๆ ราคาสมเหตุสมผล ไม่ใช่ของแต่งซิ่ง แบรนด์เนมสำนักดัง ไม่เกิน 500 บาทถือว่าใช้ทน ใช้ดี มีคุณภาพ
เวลาเลือกซื้อ ก็ควรจะดูวัสดุเป็นหลักในการพิจารณา เช่นเนื้อยางมีความอ่อนนุ่ม ไม่แข็งด้าน หน้าตาของวัสดุที่ใช้ผลิต ดูมีราคาหน่อย พวกนี้มองด้วยตาเปล่าก็พอรู้

สุดท้ายแล้ว การตรวจเช็ก หรือเปลี่ยน ไม่มีกำหนดระยะตายตัว แต่ควรตรวจเช็กบ้างเป็นครั้งคราว ตอนเครื่องเย็น ก็ให้หมุนฝาหม้อน้ำออกมาดู สภาพยาง แข็งตัวมั้ย ฉีกขาดเปื่อยยุ่ยมั้ย หรือสภาพสปริง มีสนิมเกาะหรือเปล่า ยังเด้งดึ๋งอยู่มั้ยก็พอ ดังนั้นเพื่อความสบายใจ และอย่าละเลยอุปกรณ์ชิ้นนี้ 2-3 ปีควรจะเปลี่ยนใหม่ก็ถือ โอเค กับค่าตัวไม่กี่ร้อยบาทไทย