All New Lexus LS 500 F Sport 2018 (เลกซัส แอลเอส 500 เอฟ สปอร์ต 2018) … เรือธงสายพันธ์สปอร์ตรุ่นล่าสุดจาก เลกซัส

โพสต์เมื่อ 3rd พฤศจิกายน 2017 หมวดหมู่: รถใหม่ต่างประเทศ โดย Poyee Poyee

Lexus LS 500 F Sport 2018 (เลกซัส แอลเอส 500 เอฟ สปอร์ต 2018) เป็นการผสมผสานที่ลงตัวที่สุด ทั้งในเรื่องของ “ความหรูหรา” และ “ความสปอร์ต” ที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ซึ่งนี่แหละคืองานถนัดของเค้าดังจะเห็นได้จากหลายรุ่นที่ผ่านมา และรวมถึงนวัตกรรมล่าสุดที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยเช่นกัน

All New Lexus LS 500 … The F Sport version

ความหรูหรา และความสปอร์ต คือ สิ่งที่ผสมผสาน สไตล์ของเวอร์ชั่น F Sport (เอฟ สปอร์ต) เข้าไปอย่างลงตัวบนพื้นฐานของ Lexus LS 500 (เลกซัส แอลเอส 500) เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งประกอบด้วย กระจังหน้าแบบพิเศษ, ชุดสเกิร์ตด้านข้าง และฝากระโปรงท้ายแบบใหม่ ซึ่งออกแบบให้มีสปอยเลอร์หลังในตัว

โดยไม่ลืมที่จะประทับตรา F Sport (เอฟ สปอร์ต) ลงไปบนตัวถังเพื่อบ่งบอกความพิเศษ ทั้งยังรวมถึงการเปลี่ยนไปใช้ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว ช่วยเพิ่มความสปอร์ตหรูมากขึ้นได้อย่างดี เช่นเดียวกับการนำเสนอโทนสีพิเศษสำหรับเวอร์ชั่น F Sport (เอฟ สปอร์ต) โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีให้เลือกเพียง 2 สี คือ สีขาว White Nova และสีน้ำเงิน Heat Blue

ภายในก็ยังคงมากับสไตล์ของ F Sport (เอฟ สปอร์ต) และมาภายใต้คอนเซ็ปต์ Omotenashi ที่หมายถึง “การบริการด้วยหัวใจสไตล์ญี่ปุ่น” โดยเฉพาะในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จัดมาให้เต็มพิกัดตามฐานะของยนตรกรรมในอนุกรม LS

ไม่ได้มีดีแค่ “หล่อ” แต่ขอ “เร้า” ด้วยเช่นกัน

Lexus LS 500 (เลกซัส แอลเอส 500) เวอร์ชั่น F Sport (เอฟ สปอร์ต) นี้ไม่ได้มี “หล่อ” เป็นอย่างเดียว แต่ยังร้ายกาจด้วยขุมพลังเบนซิน 3.5 ลิตรแบบ V6 Twin Turbocharges ที่พัฒนาขึ้นใหม่ จนมีพละกำลังราวกับเครื่องยนต์ V8 ด้วยตัวเลข 415 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ 599 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรก โดยทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที

ส่วนต่อมา คือ โครงสร้างตัวถังใหม่จากแพลทฟอร์ม GA-L ที่มาจาก Lexus LC Coupe ได้รับการปรับแต่งใหม่ ตามด้วยการติดตั้งระบบ Advanced Chassis Control Technology เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งจะมีฟังค์ชั่น VDIM – Vehicle Dynamics Integrated Management คอยควบคุมระบบเบรก, พวงมาลัย, พละกำลัง และระบบช่วงล่างให้สอดคล้องกัน ตามด้วยการติดตั้งระบบ Variable Gear Ratio Steering สำหรับปรับอัตราทดเกียร์ และระบบ Dynamic Rear Steering ควบคุมการเลี้ยวล้อหลัง

ซึ่งออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างแบบ Air Suspension ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปิดท้ายการยกระดับเสถียรภาพการขับขี่ด้วยยางหน้ากว้างรับกับล้อขนาด 20 นิ้ว ซึ่งด้านหน้ามีขนาด 245/45RF20 และด้านหลังขนาด 275/40RF20 พร้อมกับการอัพเกรดระบบเบรกใหม่ ซึ่งด้านหน้าจะมากับคาลิปเปอร์ขนาด 6 Pot และด้านหลังขนาด 4 Pot