รีวิว : MINI Cooper D ตัวเล็กจอมประหยัด ที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ คันล่าสุดจากค่าย BMW
จากตำนานประวัติศาสตร์ของรถ MINI ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กที่ผลิตขึ้น โดย “บริติชมอเตอร์คอร์ปอเรชัน (บีเอ็มซี)” ประสบความสำเร็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 จนกระทั่งปี ค.ศ. 2000 เป็นรถที่โด่งดังที่สุดที่ผลิต โดยชาวอังกฤษ ต่อมาเข้าแทนที่โดยรถ New MINI ที่ออกมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 2001 โดย ฺBMW และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา MINI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน ทำให้กลายเป็นรถเล็กที่เปี่ยมด้วยสมรรถนะ ฉบับนี้ผมขอนำ MINI Cooper D คันล่าสุดจากค่าย BMW มาพิสูจน์สมรรถนะกันครับ
ความหรูหรา ที่เป็นกันเอง
ถ้าจะมาเริ่มต้นด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า MINI Cooper D คันนี้คงจะหาความแตกต่างได้ยากถ้าไม่สังเกต จะเด่นชัดที่สุด คงจะต้องไปดูที่โลโก้ “Cooper D” ที่ด้านท้ายรถ ด้วยความเป็น MINI ที่มีการพัฒนาจาก BMW จะเห็นได้ว่ากันชนด้านหน้าปรับใหม่เติมความหรูหราให้มากขึ้น ใช้สีโครเมียมเติมเต็มเข้าไปในส่วนของช่องดักลม พร้อมวางไฟตัดหมอกคู่ในตำแหน่งที่พอดิบพอดี ด้านข้างตัดขอบดำด้านที่ชายล่างตั้งแต่บังโคลนหน้าไปยันท้าย พร้อมกระจกมองข้างและหลังคาสีดำเงา ด้านท้ายวางไฟเบรกดวงที่สามที่กลางกันชนท้าย ทำให้เกิดความโดดเด่นในทุกมุมมอง ส่วนมิติรถยนต์ ยาว/กว้าง/สูง (มิลลิเมตร) 3,723 / 1,683 / 1,407
หากถามว่าการออกแบบ MINI Cooper D เป็นอย่างไรคงต้องบอกว่าเป็นรถที่มีมนต์เสน่ห์ในตัวอยู่แล้ว คนที่เลือกใช้ MINI มาเป็นรถคู่กาย มักจะหลงไหลในความเป็นรถ MINI มากกว่าอื่นใด ส่วนใหญ่แล้ว ล้วนแต่เป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล
ความลงตัวระหว่างคลาสสิกบนโลกไซเบอร์
เปิดประตูมาชมภายในการดีไซน์ยังคงเป็นความคลาสสิกผสมกับเทคโนโลยีชั้นสูงเช่นเดิม พร้อมลดข้อด้อยเรื่องเสียงของเครื่องยนต์ดีเซล โดยปรับลด vibration ลง และลดเสียงจากห้องเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ทำให้เครื่องเดินเงียบได้เป็นอย่างดี ปราศจากอาการสั่นของเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไป ในด้านฟังก์ชั่นมี MINI Connected เชื่อมต่อกับ Facebook, Twitter, Web news และ Web radio เพื่อรองรับการฟังวิทยุจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone โดย MINI Connected และยังได้เพิ่มเติมแอพพลิเคชั่น Driving Excitement เพื่อตอบสนองการขับขี่ในรูปแบบที่สนุกสนานมากขึ้น
เช่น Condition Check ที่ช่วยสอดส่องดูแลระดับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง อุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร รวมทั้งสถานะการทำงานของสปอร์ตโหมด, Force Meter ที่แสดงอัตราการเร่งของ MINI บนกราฟวงกลม และ Digital Sports Instrument ที่แสดงมาตรวัดของกำลังเครื่องและแรงบิดในขณะขับขี่ ซึ่งทั้งหมดนี้จะแสดงผลผ่านมอนิเตอร์ ด้วยกราฟฟิกในรูปแบบเท่ห์ๆ สไตล์ MINI
ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง รักษ์สิ่งแวดล้อม
มาดูความโดดเด่นสูงสุดของ MINI Cooper D กันดีกว่า เพราะความโดดเด่นของรถคันนี้อยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ดีเซลคอมมอนเรล เจนเนอเรชั่นล่าสุดพร้อมเทอร์โบแปรผัน ปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี.
กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,250 รอบต่อนาที
จากที่ได้สัมผัสเครื่องยนต์ แม้จะไม่กระชากหลังติดเบาะในสไตล์ Cooper S หรือ SD แต่อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร /ชั่วโมงอยู่ราวๆ 10 วินาที ในเรื่องความเร็วปลาย 191 กิโลเมตร /ชั่วโมงแบบไม่ต้องรอนาน
ที่น่าสนใจที่สุด คือ อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ย 19.9 กิโลมเมตรต่อลิตร ในความเร็วเฉลี่ยประมาณ 90-100 กม./ชม. จริงๆ แล้วในความรู้สึกผมเครื่องบล็อคนี้เหมาะมากที่จะนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันมากที่สุด ด้วยอัตราเร่งที่ไม่โลดโผนมากเกินไป และยังประหยัดน้ำมันอีกด้วย เนื่องจากรถหรูจากค่าย BMW ถูกพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และยังรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ระบบชาร์จไฟแบตเตอรี่แบบอัตโนมัติจากการเบรก (Brake Energy Re-Generation) ครับ ทำให้ MINI ไม่ใช่รถคันที่สองของคุณอีกต่อไป เพราะตัวเล็กคันนี้พร้อมจะไปกับคุณได้ทุกๆ วัน
นวตกรรมการยึดเกาะชั้นเลิศ
ในส่วนของระบบช่วงล่างเน้นการขับขี่ที่สนุกสนาน เร้าใจ ในสไตล์โก-คาร์ต ด้วยระบบพวงมาลัยแบบ EPS – Electric Power Steering ที่ให้การควบคุมเฉียบคมและแม่นยำเป็นทุนอยู่แล้ว แถมยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันอีกด้วย ทั้งนี้ระบบอิเลคทรอนิคเสริมด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น ระบบรักษาเสถียรภาพ DSC – Dynamic Stability Control, ระบบเบรก ABS – Antilock Braking System, ระบบ EBD – Electronic Brake force Distribution และระบบ CBC – Cornering Brake Control ถ้าคุณเคยสัมผัส MINI ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ที่มีอารมณ์การขับขี่ฝัง DNA ความเร้าใจเอาไว้ทุกรุ่น วางใจได้ทั้งในเรื่องการเกาะถนน การทรงตัวที่เป็นเลิศ แต่ถ้าคุณมองหารถที่นิ่มนวลดังปุยนุ่นคงไม่ใช่เจ้าตัวน้อยคันนี้
ในราคาค่าตัว 2,490,000 บาท กับผลิตภัณฑ์คุณภาพที่คนยอมรับกันทั้งโลก สร้างความโดดเด่น เติมความภูมิฐาน มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ตลอดทุกการเดินทาง MINI Cooper D น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
บทความแนะนำ
