รีวิว : MINI Cooper S Coupe

รถยนต์ที่สามารถสร้างตัวตนได้ทรงคุณค่าสูงสุด คงต้องยกย่องรถจากค่าย MINI เพราะถึงแม้ว่าคุณจะขับรุ่นเก่าสักแค่ไหน ผู้ที่พบเห็นรถ MINI อยู่บนท้องถนนก็มักจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “น่ารัก..อ่ะ” แต่นับปัจจุบันนอกจากรถ MINI จะน่ารักแล้ว ยังมีนวัตกรรมจาก BMW ที่บรรจงใส่เข้าไปในทุกอนุ ดังนั้นเมื่อมีการเปิดตัวสมาชิกลำดับที่ 5 ใน MINI Family ในบอดี้ Coupe เราก็อดไจไม่ไหวที่จะขอนำมาทดสอบสมรรถนะกันกับ MINI Cooper S Coupe

MINI Cooper S Coupe

หลังจากเจ้ารถ MINI ได้รับการดูแล ภายใต้ BMW มาสักพักใหญ่รถ MINI ก็กลายมาเป็นรถยนต์ที่มียอดขายที่ดี เรียกได้ว่าเห็นได้ตามท้องถนน ซึ่งสนนราคา สมรรถนะ เอกลักษณ์ที่ชัดเจนทำให้เป็นที่หมายปองของใครหลายคน แต่ BMW Thailand กลับไม่สามารถเก็บส่วนแบ่งการตลาดของ MINI ในประเทศไทยได้ทั้งหมด โดยต้องแบ่งให้กับเกมาร์เก็ตหลายแห่ง และซ้ำร้ายที่จะต้องแบ่งให้รถจดประกอบที่นำเข้ามาขายกันราคาไม่ถึงล้าน ทั้งๆ ที่รถ MINI รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีที่สูง จึงต้องการการดูแลโดยทีม Service ที่ผ่านการ Traning มาโดยตรง และเครื่องมือที่ทันสมัยเฉพาะรุ่น มาคอยดูแลรถคุณตลอดอายุการใช้งาน แล้วเราจะหาได้จากที่ไหน ถ้าเราไม่ซื้อกับผู้นำเข้าโดยตรง ที่มีบริการหลังการขายรอไว้อยู่แล้ว

Three Box Design

นอกเรื่องไปเยอะแล้ว เรามาดูรถ MINI Cooper S Coupe คันนี้กันดีกว่า จริงๆแล้วรุ่นนี้มีด้วยกันสองทางเลือก คือ MINI Cooper S Coupe และ MINI Cooper Coupe ที่แตกต่างกันอยู่หลายๆ จุดทั้งเครื่องยนต์ ราคา ฯลฯ แต่ในฉบับนี้เรานำ MINI Cooper S Coupe ที่เป็นตัว TOP มาทดสอบกัน รถคันนี้มาแบบ Coupe ภายใต้แนวคิด Three Box Design ที่แบ่งออกเป็นส่วนหน้าในตำแหน่งฝากระโปรง ส่วนกลางในส่วนของผู้ขับขี่ และในส่วนหลังเป็นช่องเก็บสัมภาระและฝาท้าย ความแตกต่างเริ่มตั้งแต่กระจกหน้าและเสา A ที่ค่อนข้างเป็นแนวราบกว่ารถยนต์รุ่นอื่น จึงทำให้หลังคาดูเตี๊ยลง กระจกบานหลังลาดเอียงตามสไตล์ Coupe แต่ที่โดดเด่นคงจะเป็นเรื่องสปอยเลอร์หลังนี้จะทำงานอัตโนมัติที่ความเร็ว 80 กม./ชม. และปรับลงเก็บเข้าที่เดิมเมื่อความเร็วลดต่ำลงกว่า 60 กม./ชม. แถมยังควบคุมได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ด้วยปุ่มบนเพดาน หากถามผมว่าการออกแบบเป็นอย่างไร สำหรับผมรู้สึกแปลกตาดีครับ ความเป็นเอกลักษณ์ MINI มีอยู่ครบถ้วน แต่ความโดดเด่น ความทรงพลัง ความสปอร์ต และความแตกต่าง นั่นแหละครับที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน

MINI Connected

ภายในไม่ได้ต่างจาก MINI ตัวอื่นๆ มากนัก ยังคงสะท้อนเอกลักษณ์ความคลาสสิกไว้เช่นเดิม ทั้ง มาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางแดชบอร์ด พร้อมกับแผงประตูรูปวงรี กับเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้ สามารถเลือกสีของ Color Line ซึ่งเป็นเส้นต่อเนื่องจากมือจับประตูและแดชบอร์ดด้านล่าง เห็นคันเล็กๆ เท่านี้มีพื้นที่สำหรับการจัดเก็บสัมภาระได้ถึง 280 ลิตร สามารถเปิดผนังออกได้จากห้องโดยสารสู่ช่องเก็บสัมภาระช่วยทำให้การบรรทุกของที่มีลักษณะยาว เช่น ถุงกอล์ฟ อย่างง่ายดาย ส่วนที่เก็บของด้านข้างคนขับ (Glove Compartment) ยังเชื่อมต่อกับระบบปรับอากาศ ซึ่งจะช่วยปรับความเย็นให้กับช่องเก็บของด้านข้างคนขับได้ถึง 10 องศาเซลเซียสตลอดระยะเวลาที่ขับเคลื่อน เหมาะแก่การเก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องรักษาอุณหภูมิ เช่น ยา หรือ เครื่องหนังราคาแพง นอกจากนี้เรื่องแสงภายในของ MINI หรือที่เรียกว่า Ambient Light ก็ได้รับการปรับปรุงให้สามารถเลือกได้ถึง 756 เฉดสี เรียกได้ว่าคุณอยากขับรถอารมณ์ไหนก็สามารถปรับได้ตามใจชอบ

ระบบ MINI Connected

แต่ที่น่าสนใจเป็นระบบ MINI Connected สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ iPhone 4 ผ่านระบบ Data GPRS หรือ 3G สามารถใช้โปรแกรม Facebook, Twitter, Web news และ Web radio, ระบบ Bluetooth เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือและไฟล์เพลงจากโทรศัพท์มือถือ เช่น iPhone และ Blackberry, เครื่องเสียง HI FI Harman Kardon 10 ลำโพงและแอมพลิฟายเออร์ 480 วัตต์ พร้อมระบบเชื่อมต่อ USB, และจอมอนิเตอร์ขนาด 6.5 นิ้ว ที่สามารถเล่นวิดีโอไฟล์ผ่านทาง iPhone 4 ได้ โดยใช้ฟังก์ชั่นทั้งหมดควบคุมผ่าน “joystick” ตรงคอนโซลเกียร์ แน่นอนครับการออกแบบภายในเช่นนี้แหละที่เป็นเอกลักษณ์ของ MINI แต่ที่น่าสนใจคงเป็นเทคโนโลยีที่ให้มาครบครัน เรื่องการเก็บเสียงของ MINI Cooper S Coupe ที่เป็นกระจกบานข้างแบบไร้ขอบประตู ในความรู้สึกผมรถประเภทนี้ควรจะมีเสียงเครื่องยนต์เล็ดลอดเข้ามาบ้าง เพื่อสร้างอรรถรสในการขับขี่ที่เร้าใจ เรื่องทัศนวิสัยด้านหน้าดี ด้านข้างดี แต่ด้านหลังกระจกบานเล็กและลาดมากทำให้มองยากสักหน่อย แต่ด้วยรถคันเล็กจึงไม่มีปัญหาในการเข้าจอดครับ

Best 1.6 Engine

นี่แหละครับคือ สิ่งที่น่าสัมผัสที่สุด เครื่องยนต์เบนซินความจุ 1.6 ลิตร พร้อมเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ที่ทำงานร่วมกับระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้าที่ 5,500 รอบและแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตรที่ 1,600-5,000 รอบ และสามารถเพิ่มเป็น 260 นิวตัน-เมตรในขณะเร่งแซงด้วยฟังก์ชั่น Overboost ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น Steptronic และแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัย ในส่วนของเครื่องยนต์ไม่ได้ต่างจากตัวปกติ แต่ด้วยวิศวกรรมการออกแบบทำให้ตัว MINI Cooper S Coupe คล่องตัวกว่าเดิม ทำความเร็วได้ดีกว่ารุ่น HATCH ทั้งๆ ที่ต้องแบกน้ำหนักตัวรถมากกว่ารุ่น HATCH ถึง 25 กิโลกรัม สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 7.1 วินาที ซึ่งดีกว่ารุ่น HATCH อยู่ 0.1 วินาที ส่วนในเรื่องความเร็วสูงสุดทำได้ 224 กม./ชม. แต่ในรุ่น HATCH ทำได้ 223 กม./ชม. ส่วนเรื่องอัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ 14.9 กิโลเมตรต่อลิตรสำหรับ MINI Cooper S Coupe

แม้ตัวเลขระหว่าง Coupe กับ HATCH จะไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่อารมณ์การขับขี่ต่างกันแบบสัมผัสได้ ทั้งในเรื่องอัตราเร่งที่พุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว อย่าเรียกว่า “หลังติดเบาะ” เพราะมันจมเบาะกันเลยทีเดียว จาก 0-200 กม./ชม. เข็มไมล์กวาดอย่างต่อเนื่อง เพียงครู่ก็ทะลุ 200 กม./ชม. อย่างง่ายดาย ระยะทางที่ใช้ทำความเร็วก็เพียงเล็กน้อย

Racing Suspension

ดูเรื่องของระบบขับเคลื่อนล้อหน้าของ MINI Coupe ที่ทำงานร่วมกับช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson และช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ร่วมถึงเทคโนโลยีระบบรักษาเสถียรภาพ DSC Dynamic Stability Control และยังมีการติดตั้ง Anti-roll Bars ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนสำหรับการเข้าโค้ง ส่วนระบบพวงมาลัยแบบ EPS Electric Power Steering ระบบเบรค ABS Anti Brake-locking System, ระบบ EBD Electronic Brake force Distribution, ระบบ CBC Cornering Brake Control, และระบบ Hill Start Assistant หรือระบบออกตัวบนทางลาดชันนั่นเอง

 

 

เรื่องความเกาะถนน ความแม่นยำของพวงมาลัย ศักยภาพในการเข้าโค้งของเจ้า Coupe คงไม่มีใครเถียงผมได้ว่าไม่ดี ไม่เกาะถนน เพียงแต่ว่าตัวเราเองมีศักยภาพในการควบคุมรถคันนี้มากขนาดไหนต่างหาก เพราะมันเหมือนม้าพยศที่คอยให้เรามากำราบ ถ้าคุณ “เอามันอยู่” มันจะพาคุณไปได้เร็วตามที่ต้องการ แต่ถ้าคุณ “เอาไม่อยู่” คุณจะลงจากรถแล้วเดินจากมันไปเอง เพราะมันแรงเกินไปสำหรับคุณ เรื่องที่ว่ากันช่วงล่าง MINI กระด้าง อันนี้จริงครับ แล้วเจ้า Coupe คันนี้ก็กระด้างกว่า HATCH อีก แต่ความรู้สึกผมนี้แหละ คือ มนต์เสน่ห์ที่หาไม่ได้จากรถค่ายอื่นๆ แล้วผมก็เชื่อว่าคนที่รักในความเป็นตัวตน MINI ก็คิดเช่นเดียวกับผม เพราะ MINI เป็นรถเฉพาะกลุ่มคนที่หลงไหลมากกว่าที่จะเอาความคุ้มค่าในราคามาว่ากัน แต่เจ้า Coupe คันนี้ กับสิ่งที่ได้มานั้น สำหรับผมถือว่าคุ้มกับราคาครับ

MINI Cooper S Coupe ราคา 2,890,000 บาท พร้อมโปรแกรม MSI MINI Service Inclusive 3 ปี / 50,000 กม. คงไม่แพงไปสำหรับคนที่หลงไหล แต่สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจอยากเข้ามาเป็นสมาชิกครอบครัว MINI แล้วล่ะก็ จอดรอให้คุณลองเข้าไปสัมผัสแล้วทุกโชว์รูมของ BMW ทั่วประเทศ ครับ

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Mini

แท็กฮิต : , , , , , ,