รีวิว : MINI Cooper S Look 2

ถ้าจะมาพูดถึงรถเล็กๆ ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งบนท้องถนน ที่มีสมรรถนะสูงขับสนุกบนท้องถนนและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คงหนีไม่พ้นตระกูลรถ MINI Cooper S Look 2 ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ร้อนแรงและประหยัดขึ้น โดยปรับหน้าตาให้ดูจัดจ้าน โดดเด่น มากขึ้น พร้อมนวัตกรรม “Intelligent Networking” แต่จะมหัศจรรย์ขนาดไหนนั้น…ลองมาชมกันครับ

 

ขยับ-ปรับ ออกแนว “ดุดัน”

MINI คันที่ทุกท่านเห็นอยู่นี้ เราแอบไปขอยืมจากทาง BMW ตั้งแต่ยังไม่ได้ออกสู่ท้องตลาดกันเลยทีเดียว ซึ่งในปีนี้ทาง MINI ส่งรถออกสู่ท้องตลาดหลากหลายรุ่นมากๆ เพื่อตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรัก MINI คันนี้ก็เป็น  Cooper S Look 2 ซึ่งขยับหน้าตาออกมาให้ดูดุดันมากขึ้น โดยเริ่มจากการปรับกันชนหน้าใหม่ ให้มีช่องดักอากาศโครเมี่ยมไว้ช่องกลางของกันชน และขนาบไว้ด้วยไฟสปอร์ทไลน์ซ้าย-ขวา ขยับขึ้นมาเป็นโคมไฟหน้าแบบโคมดำที่ซ่อนไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ไว้ข้างใน ด้านหลังก็ปรับกันชนท้ายใหม่ ซ่อนรังผึ้งไว้ตรงกลาง ฝั่งไฟตัดหมอกที่ล้อมกรอบด้วยโครเมียม เพื่อให้เข้ากับกันชนหน้า พร้อมท่อไอเสียคู่ตรงกลางกันชน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็น Cooper S มองโดยรวมในสายตาผมดุดันดีครับ ถ้าคนที่ชอบรถสไตล์ดุๆ ออกแนวแรงๆ ต้องหลงไหลแน่นอนครับ

 

MINI Connected.

เปิดประตูมาชมภายในกันดีกว่าครับ…การดีไซน์ยังคงเดิม ไม่ว่าจะเป็นที่หลังพวงมาลัยมีชุด Paddle Shift ควบคุมระบบเกียร์ ระบบแสงสว่างภายในรถแบบ Mood Lighting สามารถเลือกปรับระดับสีได้หลากหลายระดับ ตามอารมณ์การขับขี่ก็ยังมีให้อยู่ ด้านความปลอดภัยมีระบบถุงลมนิรภัย Smart Airbags 6 จุด ที่สามารถปรับการทำงานตามระดับแรงปะทะ และ Curtain Airbags สำหรับกระจกด้านข้างก็ยังมีให้เหมือนเดิม

 

ระบบ MINI Connected

มาดูในส่วนที่เด่นที่สุดของคันนี้ดีกว่า คือ การพัฒนาระบบ MINI Connected ตั้งอยู่บนพื้นฐานของไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้ใช้ยุคใหม่ที่มีความต้องการในบริโภคข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง ตลอดจนความต้องการเชื่อมต่อเป็นส่วนหนึ่งของสังคมผ่านโปรแกรม Social Network อย่าง Facebook หรือ Twitter โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ระหว่างการเดินทางผ่านการจราจรแออัดในตัวเมือง ซึ่งในปัจจุบันโทรศัพท์ Smart Phone ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงในชีวิตประจำวัน ของผู้บริโภคเปรียบเสมือนปัจจัยที่ 5 อยู่แล้ว

 

Man-Machine Interface

MINI Connected จึงถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคดังกล่าว อีกทั้งต่อยอดในด้านของ Man-Machine Interface เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและเพิ่มความปลอดภัยขณะขับขี่ในเวลาเดียวกัน ระบบ MINI Connected ทำงานควบคู่ไปกับ Smart Phone (เช่น iPhone 4) ผ่านแอพพลิเคชั่น MINI Connected (ซึ่งสามารถโหลดได้จาก iTunes)

 

 

ในขณะนี้ แอพพลิเคชั่น MINI Connected มีโปรแกรม Facebook, Twitter, Web news, Web radio และ MINIMALISM Analyzer โดยผู้ที่ชื่นชอบเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social Network อย่าง Facebook และ Twitter สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเว็บดังกล่าว และสามารถโพสข้อความและอ่านข้อความผ่านจอแสดงผลบนแดชบอร์ด หรือจะใช้ฟังก์ชั่น Voice Output เพื่อให้ระบบ AI Artificial Intelligence อ่านออกเสียงให้ฟังก็ได้ ในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้ก็สามารถเลือกใช้โปรแกรม Web news เพื่ออัพเดทข่าวสาร ซึ่งสามารถใช้ฟังก์ชั่น Voice Output อ่านออกเสียงให้ฟังได้ โดยที่ไม่ต้องอ่านข้อความบนจอมอนิเตอร์

 

Web radio

ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงหรือข่าวจากสถานีวิทยุจากทั่วโลก หรือสามารถเลือกโปรแกรม RSS newsfeed เพื่ออัพเดทข้อมูลจากเว็บที่ชื่นชอบได้ และในด้านระบบความบันเทิง MINI Connected ยังสามารถเชื่อมต่อกับ iPhone หรือ iPod Touch (iOS 4) ผ่าน MINI Connected PlugIn ที่จะดึงหน้าจอของ iPhone หรือ iPod Touch ที่ผู้ใช้คุ้นเคยขึ้นแสดงบนจอมอนิเตอร์ ทั้งนี้เพื่อให้การใช้งานสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

โปรแกรม MINIMALISM Analyzer

อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับ MINI Connected คือ โปรแกรม MINIMALISM Analyzer ซึ่งทำหน้าที่แสดงผลวิเคราะห์ข้อมูลความประหยัดน้ำมันและการคายไอเสีย คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่คำนวนผ่าน ระบบคอมพิวเตอร์ On-board ของรถมินิ และให้คำแนะนำในการขับเพื่อช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนั้นผลการขับจากโปรแกรม MINIMALISM Analyzer ยังสามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรม MINIMALISM Analyzer ของมินิคันอื่น เพื่อสามารถนำมาเปรียบเทียบหรือแม้กระทั่งเล่นเกมส์แข่งกัน เพื่อสร้างสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านการใช้พลังงานอย่างมี ประสิทธิภาพและการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ให้น้อยลง โอ้..ผมคงไม่ต้องพูดอะไรต่อแล้ว สำหรับคนรัก Social Network คงโดนใจอย่างแรง

 

Sustainability Engine.

คงไม่ต้องกล่าวถึงสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ฟัง เพราะความแรงของเครื่องยนต์ 1.6 บวกเทอร์โบ พาผมไปที่ความเร็ว 225 กม./ชม. แบบสบายๆ แต่ของเล่าให้ฟังนิดนึงแล้วกันว่า…วิศวกรของมินิได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยระบบ เครื่องยนต์ที่ผสมผสาน 3 สุดยอดเทคโนโลยีเพื่อสร้าง เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตรที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในโลก ด้วยเทคโนโลยีระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbo ใช้หลักการแบ่งทางเดินไอเสียเป็นสองช่อง โดยทั้งสองช่องจะทำงานสอดประสานกัน สร้างแรงดันของไอเสียให้อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ เพื่อป้อนเป็นพลังงานขับเคลื่อนใบพัดของระบบเทอร์โบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ Twin-Scroll Turbo จึงเป็นระบบเทอร์โบเดี่ยวที่สามารถให้กำลังอัดอากาศสูงและต่อเนื่องเสมือนกับใช้ระบบเทอร์โบคู่ ซึ่งนอกจากจะมีขนาดกะทัดรัดซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับรถขนาดเล็กอย่างมินิแล้ว ยังเป็นการประหยัดพลังงานโดยเฉพาะในเรื่องของระบบหล่อเย็นของเทอร์โบอีกด้วย

 

VALVETRONIC

ระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VALVETRONIC  ซึ่งมีความสามารถกำหนดระยะเปิด-ปิด และระยะเวลาการเปิดวาล์วอากาศได้แปรผันต่อเนื่องตลอดทุกช่วงรอบตามความต้องการของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถป้อนอากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อการทำงานของทั้งสองระบบดังกล่าวทำงานควบคู่กัน จะส่งผลให้เครื่องยนต์สามารถผลิตกำลังตอบสนองความต้องการในทุกรูปแบบการขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุด และระบบฉีดน้ำมันตรงเข้าสู่กระบอกสูบ Direct Injection ทำให้จุดเด่น 3 สิ่งนี้มารวมกันทำให้มีแรงม้าออกมา 183 แรงม้า กับแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,500 รอบต่อนาที (Overboost) ความแรงขนาดนี้เมื่อมาหารกับน้ำหนัก ก็ไม่แพ้รถสปอร์ตเลยทีเดียว

 

ลงตัวเหมือนเคย

ในส่วนของช่วงล่างยังคงอารมณ์ของรถ Go Kart เหมือนเดิม ด้วยช่วงล่างที่ถูกเซ็ตมาค่อนข้างแข็งเพื่อสมรรถนะในการขับขี่ แต่อาจจะทำให้ผู้ขับรู้สึกถึงความกระด้างอยู่บ้างในการขับขี่ในเมือง หรือบนสภาพถนนที่ไม่ค่อยเรียบ แต่ในรุ่นนี้ส่วนตัวผม…ผมคิดว่านิ่มขับสบายกว่ารุ่นเดิมนะครับ ซึ่งในเรื่องนี้ผมไม่แน่ใจจริงๆ ครับ ว่าในส่วนของช็อคอัพมีการปรับเซ็ตให้นิ่มขึ้นหรือเปล่า แต่การเกาะถนนยังชัวร์เหมือนเดิม การเข้าโค้งคมกริบครับ พวงมาลัยทำงานอย่างแม่นยำ ที่เหลือเป็นฝีมือกับใจของคุณแล้วว่าจะเรียกสมรรถนะการขับขี่ออกมาได้แค่ไหน ส่วนประกอบที่ทำให้ช่วงล่างเหนียวแน่นหนึบขนาดนี้ ประกอบไปด้วย ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แบบ Single-Joint McPherson Spring Strut Axle With Anti-Drive ด้านหลังอิสระ แบบ Longitudinal Struts With Centrally-Pivoted Control Arms ระบบเบรคเป็นดิสค์เบรค 4 ล้อ พร้อมระบบ Brake Assist ที่ช่วยเพิ่มแรงเบรคในกรณีเบรคฉุกเฉิน ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค ABS (Anti Brake Lock System) ระบบควบคุมเบรคขณะเข้าโค้ง CBC (Cornering Brake Control) และระบบกระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brakeforce Distribution) และยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพ DSC ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระบบ Brake Assist และ Hill Assist อีกด้วย และยังมีล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยาง Runflat

    แม้ค่าตัวจะมีการขยับขึ้นมานิดหน่อยเป็น 3,090,000 บาท แต่ก็มีโปรแกรม MSI MINI Service Inclusive 3 ปี / 50,000 กิโลเมตร มาให้ พร้อมกับนวัตกรรม MINI Connected เพิ่มเติมจากความสุดยอดด้านสมรรถนะเครื่องยนต์ การเกาะถนน และอัตลักษณ์ ที่ MINI คงไว้เช่นเดิม สำหรับคนรัก MINI แล้วผมว่าตัดสินใจไม่ยากครับ