รีวิว : NISSAN Navara Calibre Double Cab LE 5AT กะบะที่พร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์

ผมว่าในช่วงปีนี้สงครามรถกระบะ 1 ตันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะแต่ละค่ายต่างก็งัดทีเด็ดออกมาให้กลุ่มลูกค้าของตนกันแบบไม่อั้น ซึ่ง NISSAN ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ไม่น้อย ด้วยรูปลักษณะที่แข็งแกร่ง ดุดัน บ่งบอกถึงรถกะบะสายพันธุ์ใหม่ที่พร้อมลุย ผมจึงนำ NISSAN Navara Calibre Double Cab LE 5AT ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด อีโค พาวเวอร์ (Eco Power) มาทดสอบ เพราะนอกจากจะเป็นรถกะบะที่พร้อมลุยได้ทุกสถานการณ์แล้ว ยังสามารถใช้กับครอบครัวคนเมืองได้อีกด้วย

 

 แกร่งทุกอนูของการออกแบบ

หลังจากที่ไปรับรถมาจากทาง PR NISSAN ผมก็เริ่มเห็นถึงเอกลักษณ์ความแข็งแกร่งที่สะท้อนออกมาจากการออกแบบ ที่เป็นเหลี่ยมสันและสง่างาม แต่ในรุ่นนี้มีการเสริมราวหลังคาสปอร์ต (ROOF RAIL) เพื่อสร้างความโดดเด่นให้เป็นตัวลุยมากขึ้น ขยับมาด้านข้างสิ่งแรกที่สะดุดตาจะเป็นกระจกมองข้างโครเมี่ยมขนาดใหญ่ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว (SIDE TUNING LAMP) ขยับมาด้านล่างจะเห็นคิ้วล้อสไตล์ออฟโรดที่ออกแบบให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวรถ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งในจุดนี้เมื่อจับคู่กับบันไดข้างสไตล์ออฟโรด ทำให้ตัวรถด้านข้างออกมาโดดเด่นในสไตล์แกร่งตามที่ NISSAN วางคอนเซ็ปให้เป็นตัวลุยของคนเมือง   โดยรวมในด้านการออกแบบของคันนี้ผมว่าเค้าชัดเจนมาก ใครที่ชอบรถกระบะที่มองแล้วดุดัน แกร่ง พร้อมลุย  NAVARA ออกแบบมาชัดสุดๆ แล้วครับ

มาพร้อมความสะดวกสบายแบบรถหรู

มาชมภายในบ้างดีกว่าเริ่มจากคอนโซลหน้า ที่เน้นออกแบบให้ดูแข็งแกร่ง ใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในชิ้นงานพลาสติกให้ดูเป็นออฟโรดนิดๆ  แต่แผงหน้าปัดอาศัยความโค้งมนของมาตรวัดทรงกลม 4 ชุด คือ มาตรวัดรอบ และมาตรวัดความเร็ว ซึ่งมีจอดิจิตอลขนาดเล็กรวมอยู่ด้วย ด้านข้างซ้าย – ขวาเป็นมาตรวัดขนาดเล็กบอกอุณหภูมิ และ ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง พวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มด้วยยูรีเธนที่ออกแบบให้คล้ายเป็นหนังเรียบสลับกับหนังรู ช่วยให้ดูดีขึ้น และจับกระชับมือ ที่ก้านฝั่งขวาติดตั้งสวิตช์ควบคุมระบบ CRUISE CONTROL ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก พร้อมไฟเตือนบนแผงหน้าปัดเมื่อเปิดใช้ ระบบความปลอดภัยมีแอร์แบ็กคู่หน้ามาให้ด้วย

คอนโซลกลาง

ติดตั้งชุดเครื่องเล่นดีวีดีระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว (DVD TOUCH SCREEN) ต่ำลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมระบบแอร์ คอนโซลเกียร์ออกแบบเรียบๆ มีช่องใส่ของ ที่วางแก้ว/ขวดน้ำ กล่องเก็บของพร้อมฝาปิดเป็นที่เท้าแขนในตัว เบาะผู้ขับกว้างนั่งสบายสามารถปรับ สูง – ต่ำ ได้ที่นั่งด้านหลังก็ไม่แคบถือว่าเป็นกระบะสี่ประตูที่นั่งสบาย กุญแจรีโมทคอนโทรลป้องกันการโจรกรรมจากกุญแจผี พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย และระบบป้องกันการโจรกรรมสมบูรณ์แบบ อิมโมบิไลซ์เซอร์ (Immobilizer) โดยรวมของภายในดีไซน์เรียบๆ เน้นการใช้งานที่สะดวกสบายมากกว่าความหวือหวาในการออกแบบ

อัตราเร่งแบบต่อเนื่่อง

ก่อนที่จะออกไปทดสอบสมรรถนะกันเราไปรู้จักเครื่องยนต์ YD25DDTi Mid Power Commonrai ที่ติดตัวคันนี้มาก่อนดีกว่า เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลแบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน (VNT) และอินเตอร์คูลเลอร์ ความจุกระบอกสูบ 2,488 ซีซี. ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบคอมมอนเรลควบคุมด้วย ECCS 32 บิท ให้แรงม้าสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 356 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด แบบ L TYPE ชุดเกียร์ขนาดเล็กน้ำหนักเบา ประมวลผลและควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (BUILT-IN COMPUTER) ควบคุมการทำงานของชุดเกียร์โดยตรง ด้วยการปรับเปลี่ยนแรงดันน้ำมันภายในชุดเกียร์ เพื่อปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับทุกรูปแบบการขับขี่
ในการทดสอบครั้งนี้ผมใช้ระยะทาง 600 กม. เรียกได้ว่าไกลมากทีเดียว เพราะผมต้องการทราบถึงสมรรถนะอันแท้จริงของรถคันนี้ ในเรื่องอัตราเร่งไม่ได้กระชากจนหลังติดเบาะ แต่ถ้าคุณมองที่เรือนไมล์เข็มความเร็วจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จะไปช้าลงก็เมื่อความเร็วอยู่  160 กม./ชม. แต่ก็ยังสามารถไหลไปได้อีกจนถึง 175 กม./ชม. ในเรื่องของอัตราเร่ง ผมว่า นิ่มนวลครับ คงเป็นผลมาจากระบบเกียร์ที่มีการควบคุมจาก BUILT-IN COMPUTER มาถึงสิ่งที่แฟนพันธุ์แท้เครื่องยนต์ดีเซลอยากทราบมากที่สุด คือ เรื่องอัตราบริโภคน้ำมันในความเร็วเฉลี่ย 100 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 234 กม. ผมใช้เงินไป 357 บาทครับ (ราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 27.49 บาท)

 แข็ง แรง แกร่ง

ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง  ส่วนด้านหลังแบบแหนบซ้อนพร้อมช็อคอัพ  รุ่น 4 ประตูที่เรานำมาทดสอบ เน้นที่การโดยสารเป็นหลัก จะมีการปรับช่วงล่างให้นั่งสบายขึ้น แต่ก็คงต้องบอกว่า ยังแข็งไปสักหน่อยยิ่งเมื่อขับบนทางขรุขระหรือเป็นหลุมเป็นบ่อ ต้องเบาคันเร่งสักหน่อย แต่ข้อดีก็มีอยู่เยอะ เพราะช่วงล่างชุดนี้เป็นช่วงล่างที่แข็งแกร่งมาก เรื่องที่จะพาไปลุยบุกป่าฝ่าดงเหมาะมาก หรือในความเร็วสูงก็ไว้ใจได้ครับนิ่งดี  พอมาบวกกับพวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ ยิ่งทำให้การควบคุมแม่นยำทั้งในการเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งต่างๆ เรียกได้ว่าคล่องตัวจนลืมไปเลยว่ารถเราคันใหญ่มาก
 NISSAN Navara Calibre Double Cab LE 5AT ในราคา 802,000 บาท ถ้าคุณเป็นผู้บริโภคที่รักรถกระบะ 1 ตัน ที่มีรูปลักษณะดุดัน แข็งแกร่ง สมรรถนะที่พร้อมจะพาคุณลุยไปได้ทุกที่ มาลองสัมผัสกันดูทุกโชว์ของ NISSAN  ทั่วประเทศ