รีวิว : Toyota Fortuner GR Sport 2.8 4WD บทสรุป หลังขับทดสอบ ยืนยันได้ว่า เฟิร์ม ขึ้นเยอะ น่าจะโดนใจสายสปอร์ต

หลังการปรับโฉม โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มาได้ครบปี ทางโตโยต้าได้ทำการกระตุ้นตลาดด้วยรุ่นพิเศษใหม่ Toyota Fortuner GR Sport 2.8 4WD รถยนต์ Sport Premium PPV ที่เอาใจคนชอบความสปอร์ต ด้วยการตกแต่งในแนวสปอร์ต พร้อมกับการปรับปรุงสมรรถนะให้มีความสปอร์ตตามคอนเซ็ปท์ที่วางเอาไว้ด้วย

และนี่คือ บทสรุป หลังการขับทดสอบ Toyota Fortuner GR Sport 2.8 4WD ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผิดแผกไปจากรุ่นปกติที่วางจำหน่าย น่าเล่น น่าใช้ขนาดไหน สรุปรวมมาให้แล้วในการทดลองขับขี่ครั้งนี้

1. สำหรับ Fortuner GR Sport จัดเป็นรุ่นพิเศษ ที่ถือเป็นรุ่นท้อปก็ว่าได้ เพราะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ดีเซล เทอร์โบ บล็อกใหญ่สุดแล้วในไลน์อัพฟอร์จูนเนอร์ ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ถ้าไม่ถูกใจแนวสปอร์ต ก็ยังมีรุ่นท้อปในชื่อ Legender เป็นตัวขายอยู่

2. การปรับภาพลักษณ์ให้ดูสปอร์ต จะให้สีดำเข้ามาเติมอารมณ์ตรงนี้ กระจังหน้าสีดำเงา ตรงเบ้าสปอตไลท์เพิ่มดีไซน์เล็กน้อย มีเส้นสาย และเบ้าใหญ่ขึ้น ช่วงชายล่างของกันชนก็ด้วยที่ดูแตกต่างนิดหน่อย พร้อมเสริมด้วยโลโก้ GR sport มือจับประตูจากเดิมจะเป็นสีโครเมียม เปลี่ยนมาเป็นสีเดียวกับตัวรถ รวมไปถึงสปอยเลอร์หลังที่ได้ดีไซน์ใหม่

3. ล้อแม็กอัลลอยขนาด 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20 ยางยี่ห้อเดิม รุ่นเกือบเดิมคือ เดิมเป็น Grandtrex PT3 แต่ใน GR Sport จะเป็น Grandtrex PT3A จากดันลอป โดยที่ลายล้อแม็กนั้นเป็นลายเดิม แต่ถูกทำสีดำพิเศษใหม่ทั้งวง ทำให้มองแล้วแปลกตา ดูดุ โหดขึ้น

4. ใน GR Sport ได้เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense เพิ่มเข้ามาใหม่ 2 ออปชั่นคือ Blind Spot Monitor ช่วยเตือนวัตถุในมุมอับสายตา ซึ่งน่าจะให้มานานแล้ว และ Rear Cross traffic Alert ช่วยเตือนขณะถอยหลัง ซึ่งเป็นเตือนอย่างเดียว ยังไม่ได้มาพร้อมกับการช่วยเบรกอัตโนมัติ

5. ภายในห้องโดยสารดู เฉียบ ขึ้น จากการใช้วัสดุ และโทนสี ให้อารมณ์สปอร์ตจากการความ ขรึม ดุ ด้วยโทนสีดำตัดกับการเดินด้ายแดง มาตรวัดเปลี่ยนเข็มเป็นสีแดง นี่ถ้าไฟเรืองแสงที่ปุ่ม หรือสวิทช์ต่างๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วย จะดูร้อนแรงกว่านี้

6. เบาะนั่งเป็นอีกจุดเด่น นอกจากการใช้วัสดุผ้า suede แบบรูผสมกับส่วนที่เป็นหนัง พร้อมโลโก้ GR sport แล้ว มีความกระชับดี ไม่ไหลไปตามแรงเหวี่ยง เนื้อฟองน้ำแน่น นั่งขับนานๆ ไม่ปวดหลัง

7. กล้อง 360 องศา หรือ panoramic view monitor อยู่ในระดับที่ชัดเจนทีเดียว ภาพจะขึ้นตอนวิ่งความเร็วต่ำไม่เกิน 15 กม./ชม.เมื่อเปิดไฟเลี้ยว เสียดายตรงที่ถ้าไม่เปิดไฟเลี้ยว แต่อยากเปิดดูวิวรอบคัน เค้าไม่ได้ต่อสวิทช์แยกมาให้ แต่ต้องเข้าไปกดเลือกในหน้าจอทัชสกรีน ซึ่งกดหลายเมนูกว่าจะเข้าถึง ถ้าได้ปุ่มกดเป็นสวิทช์ออกมาจะสะดวกกว่านี้

8. พวงมาลัยหุ้มหนังใหม่แบบมีรู มาพร้อม center mark และโลโก้ GR sport อวบจับกระชับ แต่ถ้าถามถึงฟีลลิ่งเวลาหมุนพวงมาลัย ยังให้ความรู้สึก ตึงมือ มีน้ำหนักอยู่ ไม่ต่างจากในรุ่น Legender

9. ช่วงล่างนับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ เพราะถูกปรับเซ็ตมาใหม่ โดยช็อคอัพเปลี่ยนใหม่ เดิมเป็นแบบ Twin Tube เปลี่ยนมาเป็นแบบ Mono Tube กระบอกใหญ่ขึ้น คาลิเปอร์เบรกทำเป็นสีแดงพร้อมติดโลโก้ GR sport โดยปีที่ตอนไมเนอร์เชนจ์ก็ได้ปรับเซ็ตช่วงล่างมาแล้วในระดับนึงให้มีความคมขึ้น กระชับขึ้นด้วยการลดช่องว่างของรอยต่อบูชต่างๆ

10. บนพื้นถนนเรียบโดยเฉพาะไฮเวย์จะรู้สึกว่า นิ่ง แข็งขึ้นเล็กน้อย ไม่กระด้าง การขับผ่าน เส้นชะลอความเร็ว ที่มีหลายๆ แถบ ในช่วงความเร็วต่ำยังพอรู้สึกถึงตัวถังนิดเดียว ส่วนในความเร็วสูงราว 90-100 กม./ชม.ขึ้นไป จะรูดผ่านแบบแทบไม่รู้สึกสะเทือนขึ้นมาถึงตัวถัง จะรับรู้แต่เสียงที่รูดผ่านยาง และสลัดอาการสะเทือนออกไปตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว

11. การเข้าโค้งไม่ต้องลดความเร็วลงมาก ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ โค้งเอสซ้ายแล้วต่อด้วยขวา จากมอเตอร์เวย์เบี่ยงขึ้นทางไป เทอมินอล ของสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้เขียน เข้า-ออกโค้งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม.โดยขับอยู่ในเลนเดียว ไม่มีตัดเลน ยางยังไม่ส่งเสียงร้อง และรถก็สามารถเข้า-ออกได้ในอาการที่ยังมั่นใจ ตัวรถไม่มีอาการโยนให้รู้สึกหวาดเสียว

12. การขับรูดผ่าน ตัวดักความเร็ว หรือลูกระนาด ทำได้ดีเมื่อล้อหน้าขับผ่านลูกระนาด แต่พอด้านหลังขึ้นแล้ว จะออกอาการโดดไปนิด น่าจะเนื่องมาจาก ช่วงยืด ของช่วงล่างหลังมีความกระชับ ดังนั้นควรจะลดความเร็วลงหน่อยเวลาขับผ่านลูกระนาด

13. บนทางขรุขระที่เป็นดิน หิน โคลน ลูกรัง เก็บอาการได้ดีในระดับนึงไม่ต่างจาก Legender เท่าไหร่ แต่ถ้าให้เทียบกับ Revo GR sport ผู้เขียนว่า รีโว่สามารถใช้ความเร็วได้มากกว่าในการขับบนทางลูกรัง

14. ถ้าไม่นับการลุยทางออฟโรด GR Sport จะให้ความรู้สึก นิ่งกว่า กระด้างกว่า Legender เล็กน้อยบนทางเรียบ หรือถนนลาดยาง ถนนคอนกรีตทั่วไป คนที่ เมารถเก่ง น่าจะถูกใจมากกว่า เพราะอาการโคลงน้อยมากๆ

15. คันที่ได้มาทดสอบนี้ เป็นสีดำ มีค่าตัวอยู่ที่ 1,879,000 บาท ซึ่งจ่ายเพิ่มจาก Legender 4 หมื่นบาท แต่ถ้าเลือกสีอื่นเช่น สีแดง หรือสีขาว จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 2 หมื่น เนื่องจาก GR Sport จะเป็นหลังคาทูโทนสีดำ ดังนั้นใครที่เลือกสีดำก็จะจ่ายค่าตัวถูกกว่า เพราะหลังคาเป็นสีเดียวกับตัวรถอยู่แล้ว

 

 

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Toyota

แท็กฮิต : , , , ,