รีวิว : HONDA Civic Hybrid ( ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ) เส้นทางกรุงเทพฯ – ดอนหอยหลอด ซึ่งมีทั้งสภาพการจราจรหลายรูปแบบเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

หลังจาก HONDA Civic Hybrid ( ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด ) เปิดตัวอย่างร้อนแรงในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และวันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีที่ทางฮอนด้าได้จัดกิจกรรมการทดสอบสมรรถนะ ให้แก่สื่อมวลชน โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – ดอนหอยหลอด ซึ่งมีทั้งสภาพการจราจรหลายรูปแบบเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

 

HONDA Civic Hybrid ( ฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด )

โชว์จุดเด่นนำเทรนด์เพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการเป็นรถยนต์ Hybrid รุ่นแรกที่ผลิตในประประเทศไทย ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน รับประกันในระบบ Hybrid นานถึง 5 ปี และรับประกันแบตเตอรี่นานถึง 10 ปี ในเรื่องของการออกแบบมีหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีเป็นทุนอยู่แล้ว ตั้งแต่ในรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร แต่มีการปรับในส่วนของกระจังหน้าให้มีช่องรับอากาศที่เล็กลง ช่วยให้ลดแรงต้านจากการปะทะของอากาศด้านหน้า เติมเลนส์สี Clear Blue เพื่อสะท้อนความทันสมัย ส่วนไฟหน้าใช้โปรเจ็คเตอร์ตกแต่งด้วยกรอบสีฟ้า เพื่อแสดงถึงความเป็น Hybrid ไฟท้ายแบบ LED ตกแต่งด้วยเลนส์สี Clear Blue ปิดท้ายด้วยสัญลักษณ์ Hybrid เพื่อแสดงตัวตน

 

 

เครื่องยนต์

ในส่วนเครื่องยนต์ใช้ระบบไฮบริด Integrated Motor Assist หรือ IMA ของฮอนด้า ที่มีระบบการทำงานแบบคู่ขนาน ผสานการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 8 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 132 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที โดยคู่มากับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ขนาด 17.2 กิโลวัตต์ เทียบเท่ากำลังเครื่องยนต์ 23 แรงม้า ที่ 1,546-3,000 รอบ/นาที และให้แรงบิดสูงสุดที่ 106 นิวตันเมตร ที่ 500-1,540 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผันต่อเนื่อง CVT ซึ่งเป็นการใช้เครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ใน HONDA CRZ มาพัฒนาต่อในส่วนของระบบการเปิดปิดของวาล์ว เคลือบสารลดแรงเสียดทานของลูกสูบ ปรับแรงม้าลงเพื่อให้เหมาะสมกับความเป็นซีดาน ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามีการเพิ่มความเข้มข้นของกระแสแม่เหล็กให้มีแรงบิดที่มากขึ้น แบตเตอรี่ใช้แบบลิเธียมไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่ให้กำลังไฟที่สูงกว่า ในระบบปรับอากาศมีการใช้คอมเพรสเซอร์ 2 ตัว ระบบส่งกำลังแบบ CVT เพิ่มเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและปรับแรงดันน้ำมันใหม่

 

ระบบ Hybrid คู่ขนาน

หรือ “Parallel Hybrid” เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนและเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกตัวและเร่งแซง และเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่ไม่เกิน 70 กม./ชม. เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่ EV Mode ซึ่งจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ทำให้ไม่มีการปล่อยก๊าซพิษออกมา ซึ่งระยะเวลาในการเข้าสู่ EV Mode นั่นจะขึ้นอยู่กับพลังงานในแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญ ส่วนระบบ Idling Stop ที่ช่วยหยุดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถหยุดนิ่ง จุดนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานอย่างสูงสุด แม้เครื่องยนต์จะดับแต่คอมเพรสเซอร์แอร์ยังทำงานเช่นเดิมทำให้อุณหภูมิในห้องโดยสารเย็นสบายอย่างต่อเนื่อง และด้วยแบตเตอรี่ใหม่ถ้ามีกำลังไฟบรรจุอยู่เต็ม จะสามารถอยู่ในระบบนี้ได้นานถึง 2 นาที

ในระบบ “Parallel Hybrid” จะนำพลังงานที่สูญเสียไปในช่วงลดความเร็วหรือเบรก เปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริด เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไปเพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีระบบ Eco Assist ระบบแนะนำการขับขี่แบบประหยัดเชื้อเพลิง และ ECON Mode ที่โดดเด่นในเรื่องความประหยัดเชื้อเพลิงมาให้เช่นเดิม

 

ในการทดสอบนี้สื่อมวลชนจะมีโอกาสสัมผัสประมาณท่านละ 50 กม. แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้ คือ อัตราเร่งที่โดดเด่น แม้จะมีพิกัดเพียง 1.5 ลิตรในเรื่องอัตเร่งไม่แพ้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแน่ๆ แถมมีอัตเร่งที่ไหลลื่น ต่อเนื่องจากระบบเกียร์ CVT ที่มีการลดแรงดึงจากสายพานลงด้วยการลดแรงดันด้านข้างพูเลย์ พร้อมทั้งเปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้ายและความกว้างของช่วงเปลี่ยนเกียร์ ส่วนอัตราการใช้เชื้อเพลิงทางฮอนด้าแจ้งว่าประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารุ่น Civic 1.8 ลิตรถึง 49 % หรือ 22.7 กม./ลิตร ซึ่งเป็นการทดสอบภายในของ HONDA ตามมาตราฐานแบบ Euro Mode ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองอาจจะแตกต่างตามการขับขี่และสภาพแวดล้อมนะครับ

เรื่องระบบช่วงล่างมีการปรับปรุงใหม่ ให้สามารถรองรับน้ำหนักของแบตเตอรี่ได้ แต่สิ่งที่ได้มาในการพัฒนาครั้งนี้ คือ ความนิ่มนวล และการควบคุมที่ดีกว่าเดิม และยังมีล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายใหม่ที่มีน้ำหนักเบาและช่วยลดการหมุนวนของอากาศได้ดี ที่สำคัญยังมีการปรับปรุงชิ้นส่วนของใต้ท้องรถ เพิ่มขนาดของพลาสติกให้อากาศไหลออกด้านท้ายได้รวดเร็วมากขึ้น ระบบเบรกเปลี่ยนมาใช้แบบไฮดรอลิก ซึ่งนอกจากจะเป็นระบบห้ามล้อแล้วยังสามารถคืนพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ด้วย

สุดท้าย HONDA Civic Hybrid ในความรู้สึกผมถือว่าเป็นการนำข้อบกพร่องในรุ่น JAZZ HYBRID และ CRZ ในการใช้งานในประเทศไทย ซึ่งมีความแตกต่างจากประเทศผู้ผลิตทั้งในด้านอุณหภูมิอากาศ ลักษณะนิสัยของผู้ขับขี่ และสภาพการจราจร มาปรับปรุงพัฒนาให้ HONDA Civic Hybrid สมบรูณ์แบบและตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยมากขึ้น ทำให้เล็งเห็นว่าฮอนด้าเองยืนหยัดที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์บนพื้นฐาน “เทคโนโลยีที่ชาญฉลาด คำนึงถึงความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีความคงทน คุณภาพที่ดี และความน่าเชื่อถือในตัวผลิตภัณฑ์” เป็นที่ตั้งตลอดมา

ขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ iAMCAR VARIETY e-MAGAZINE ได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้เสมอมา หากท่านที่สนใจ ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่นคือ Hybrid และ Hybrid Navi เชิญสัมผัสด้วยตนเองทุกโชว์รูมทั่วประเทศของฮอนด้าครับ


บทความแนะนำ

รีวิว : HONDA Jazz Hybrid และ HONDA Civic  Hybrid กับกิจกรรม HONDA Hybrid Fuel Challenge

Grand Opening HONDA  Civic Hybrid

Honda จัดกิจกรรม The Perfect Experience with New Honda Accord Hybrid