รีวิว : Toyota Hilux Revo Smart Cab 2015 ( โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว สมาร์ท แคป ) มั่นใจได้ทุกสถานการณ์ ทดสอบทุกรูปแบบทั้ง On road และ Off road ตอบโจทย์ทุกสภาพถนน ใน ราคา รถยนต์ใหม่ 599,000 บาท เริ่มต้น

หลังจากการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ทั่วประเทศของ TOYOTA Hilux Revo ” โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว ” แล้ว ก็มาต่อกันเลยกับการทดสอบของสื่อมวลชนในรุ่นของ 4 ประตู หรือ Double Cab ซึ่งมีกระแสหลายๆข่าวจาก Social Network จนถือเป็นประเด็นร้อนของตลาดกระบะหนึ่งตันเลยทีเดียว เพื่อเป็นการแถลงของเท็จจริงให้กระจ่างแจ้งกันไป ทางโตโยต้า (ประเทศไทย) จัดการทดสอบแบบยิ่งใหญ่ให้ Toyota Hilux Revo Smart Cab ” โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว สมาร์ทแค็บ ” ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 

 TOYOTA Hilux Revo Smart Cab

การทดสอบ TOYOTA Hilux Revo Smart Cab “โตโยต้า รีโว สมาร์ทแค็บ” สำหรับสื่อมวลชนในครั้งนี้เป็นถือเป็นอีกครั้งที่เรียกได้ว่า “สมบรูณ์แบบ” เนื่องจากมีทั้งสนามการทดสอบแบบ Off Road , On Track และการใช้งานจริงบนท้องถนนถือได้ว่าครบถ้วนครับ ก่อนจะไปเริ่มทดสอบผมขอแนะนำตัวผลิตภัณฑ์ในรู้จักกันคร่าวๆ สำหรับ TOYOTA Hilux Revo Smart Cab มีรุ่นย่อยให้เลือกถึง 14 รุ่นด้วยกัน คือ แบบขับเคลื่อนสองล้อ, ขับเคลื่อนสองล้อยกสูง (Prerunner) และรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมถึงเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร, 2.8 ลิตร และเครื่องยนต์เบนซิน ในรุ่น Top 2.8 G 4WD ติดตั้งไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลกเตอร์ฮาโลเจน พร้อมไฟ Daytime Running Light ควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ พร้อมระบบ Follow-me-home สำหรับหน่วงเวลาปิดไฟหน้า เหมาะสำหรับส่องสว่างขณะเดินเข้าบ้าน ส่วนของกระจังหน้าเป็นแบบโครเมี่ยมออกแบบให้รับกับชุดไฟหน้า โดยตัวกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ ติดตั้งไฟตัดหมอกไว้ด้านล่างกันชน กระจกมองข้างเป็นแบบโครเมี่ยม พร้อมไฟเลี้ยวสามารถปรับและพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้า ขณะที่ไฟท้ายยังถูกติดตั้งด้วยไฟตัดหมอกมาให้ด้วย

 

เรีอนไมล์แบบเรืองแสง Optitron

ห้องโดยสารคุมโทนด้วยสีดำ เบาะนั่งแบบผ้าสามารถปรับสูง-ต่ำฝั่งคนขับได้ คอนโซลหน้าติดตั้งเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส รองรับแผ่น DVD 1 แผ่น มีพอร์ต USB/AUX มาให้ รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์ผ่านบลูทูธ และยังสามารถเชื่อมต่อแบบ A2DP เพื่อเล่นเพลงในโทรศัพท์ได้ ขับกำลังเสียงผ่านลำโพง 6 จุดรอบคัน รวมถึงติดตั้งระบบนำทางและกล้องมองหลัง ในส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบอัตโนมัติ ปุ่มควบคุมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบลูกบิด ใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม กล่องเก็บของด้านหน้าเป็นแบบ 2 ชั้น โดยชั้นบนยังสามารถใช้เป็น Cool Box สำหรับเก็บเครื่องดื่มเย็นๆได้ ข้างในจะมีช่องลมแอร์คอยเป่าความเย็นเข้ามายังกล่อง เรีอนไมล์แบบเรืองแสง Optitron พร้อมติดตั้งหน้าจอ MID แบบกราฟฟิกสามารถบอกรายละเอียดการขับขี่, ระบบนำทาง, ระบบเครื่องเสียง เป็นต้น พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นหุ้มด้วยหนัง ติดตั้งปุ่มสำหรับควบคุมเครื่องเสียง, โทรศัพท์ และปุ่มควบคุมหน้าจอ MID โดยตัวพวงมาลัยเองยังสามารถปรับได้แบบ 4 ทิศทาง ทั้งขึ้นลง-เข้าออกด้วย

 

รีดความแรงด้วน VN Turbo

      เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV (High) หัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่นแบบคอมมอนเรล มา พร้อม VN Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมระบบ iMT อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร รหัส 1GD-FTV (High) หัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่นแบบคอมมอนเรล มาพร้อม VN Turbo และอินเตอร์คูลเลอร์ ขยับกำลังสูงสุดเป็น 177 แรงม้า (PS) ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 6 สปีด และอัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift ส่วนระบบความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 3 จุด ติดตั้งระบบเบรก ABS/EBD เข็มขัดนิรภัยพร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พร้อมเสริมคานนิรภัยด้านข้างให้ด้วย

 

เริ่มการทดสอบในแบบที่ 1 จะเป็นการขับในแทร็ก

รู้จักตัวรถกันไปแล้วมาเริ่มการทดสอบในแบบที่ 1 จะเป็นการขับในแทร็ก สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ซึ่งเป็นการทดสอบในเรื่องของการควบคุมพวงมาลัย การตอบสนองของช่วงล่างในการเข้าโค้งรูปแบบต่างๆ หรือจะเป็นการเปลี่ยนเลนแบบฉับพลัน และที่สำคัญคือ ตัวทีเด็ดของระบบ iMT ซึ่งเข้ามาชดเชยรอบเครื่องยนต์ในขณะที่คุณเปลี่ยนเกียร์ขึ้น-ลง ประโยชน์ของระบบนี้ทำให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วมากขึ้น จังหวะการเปลี่ยนก็นุ่มนวลมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องระบบช่วงล่างนั้นถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของกระบะเมืองไทยเนื่องจากอาการท้ายเหวี่ยงหรือ Over Steer ซึ่งกระบะท้ายเบาๆ มักจะเป็นเวลาเข้าโค้งหรือออกจากโค้งแรงๆ แต่สำหรับ TOYOTA Hilux Revo Smart Cab “โตโยต้า รีโว สมาร์ทแค็บ” หายเป็นปลิดทิ้งครับ ในสนามเราได้ขับกันท่านละ 2 รอบ ซึ่งจะใช้ Eco Mode กับ Power Mode ผลัดกันคนละรอบเพื่อให้เห็นพละกำลังที่ Power Mode สร้างออกมาได้อย่างชัดเจน กำลังเครื่องยนต์ถูกส่งผ่านไปยังล้อแบบรวดเร็วขึ้น สังเกตได้จากเวลาออกจากโค้งเรากดคันเร่งจมออกจากโค้งเช่นเดิม ตำแหน่งเดิม แต่จะสังเกตได้ว่าความเร็วที่ปลายโค้งจะมากกว่าเดิม

 

ทดสอบการขับขี่แบบ Off Road

จากนั้นเรายังได้ทดสอบการขับขี่แบบ Off Road โดยใช้รุ่น 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อ ในสถานีนี้มีการทำสนามขึ้นมาใหม่ มีทั้งการลุยโคลน, ฝ่าแอ่งน้ำ, ขึ้น-ลงเนินชันรูปแบบต่างๆ ในการทดสอบเราใช้โหมดการขับขี่แบบ 4L ซึ่งเน้นการเรียกแรงบิดมากเป็นพิเศษให้ลงสู่ระบบขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ อุปสรรคแรกเป็นการฝ่าดินโคลนเหลวๆ ไปพร้อมกับการปีนป่ายเนินสลับซ้าย – ขวา Revo ไม่ต้องใช้ทักษะการขับขี่มากมาย เพียงคุณควบคุมคันเร่งควบคู่ไปกับการควบคุมทิศทางพวงมาลัยเท่านั้นเราก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ต่อมาเป็นเนินชันเพื่อทดสอบระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (DAC) โดยในโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4L จะช่วยรักษาแรงดันเบรกเพื่อออกตัวบนทางลาดชันเป็นเวลา 3 วินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบคันเร่งออกไปโดยไม่ทำให้รถไหล ขณะที่โหมดขับเคลื่อนแบบ 4H และ 2WD จะรักษาแรงดันเบรกไว้ไม่เกิน 3 วินาที หรือจนกว่าผู้ขับขี่จะเหยียบคันเร่งออกไป ส่วนระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน DAC ตัวระบบจะสั่งลดความเร็วลงทันทีเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบว่ามีการลงทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงเบรกเข้าช่วย เพียงแต่คอยควบคุมพวงมาลัยเท่านั้นเอง ซึ่งความเร็วของตัวรถจะขึ้นอยู่กับองศาความชันที่เป็นอยู่ในขณะนั้น ยิ่งชันมากความเร็วจะยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

 

ทดสอบบนถนนจริง โดยมุ่งหน้ากลับมายังกรุงเทพฯ

ปิดท้ายการทดสอบบนถนนจริง โดยมุ่งหน้ากลับมายังกรุงเทพฯ ซึ่งคันที่ผมขับกลับเป็นรุ่น 2.4G เกียร์ธรรมดา ขับเคลื่อนสองล้อ ซึ่งทำอัตราเร่งได้น่าประทับใจทั้งรอบต้นและปลาย ให้อารมณ์การขับขี่สนุก อัตราเร่งในช่วงแซงทำได้ดี ยิ่งเวลา iMT ทำงานร่วมกับ Power Mode การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่น แรงบิดอันมหาศาลเร้าอารมณ์อย่างมากมาย ส่วนระบบช่วงล่างแม้มีการเซ็ตอัพที่แข็งกว่ารุ่นดับเบิ้ลแค็บ เพื่อการบรรทุกน้ำหนักที่มากกว่า แต่ดูดซับแรงสะเทือนยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้กลิ่นอายแบบสปอร์ตนิดๆ ควบคุมง่ายถึงแม้จะอยู่ในความเร็วสูง หากจะว่ากันถึงภาพรวมหลายๆ กระแสมองว่าราคาสูงเกินไปแต่ส่วนตัวผม มองว่ามีรุ่นให้เลือกมากบนพื้นฐานรถเดียวกัน เราก็มาเลือกออฟชั่นที่เราไม่ใช้ออกไปราคาก็จะลดลงมาด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้ามอง Option เดียวกันเมื่อเปรียบเทียบจากรุ่นเดิมก็ต่างกันแค่ 20,000 – 30,000 บาทเท่านั้น แต่ได้พื้นฐานรถที่ใหม่ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ ช่วงล่างใหม่ที่ไว้ใจได้มากขึ้นกว่าเดิมอีก

ราคารถยนต์ใหม่ Toyota Hilux Revo Smart Cab

รุ่น  4X2 2.4J ราคารถมาตรฐาน 599,000 บาท

รุ่น  4X2 2.4J Plus ราคารถมาตรฐาน 659,000 บาท

รุ่น  4X2 2.7J Plus ราคารถมาตรฐาน 679,000 บาท

รุ่น  4X2 2.4 TRD Sportivo ราคารถมาตรฐาน 687,000 บาท

รุ่น  4X2 2.4E ราคารถมาตรฐาน 699,000 บาท

รุ่น  4X2 2.4G ราคารถมาตรฐาน 755,000 บาท

รุ่น  Prerunner 2X4 2.4 TRD Sportivo ราคารถมาตรฐาน 792,500 บาท *

รุ่น  Prerunner 2X4 2.4 TRD Sportivo AT ราคารถมาตรฐาน 842,500 บาท

 ขอบคุณโตโยต้า (ประเทศไทย) ที่ให้ iAMCAR ได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้เสมอมาครับ

 


บทความที่เกี่ยวข้อง

Toyota Hilux Revo รุ่นปรับปรุงใหม่ ปี 2016

Test Drive : Toyota Hilux Revo Double Cab 2.8G Diesel A/T ทุกอณูเป็นการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด พร้อมกับเทคโนโลยีที่มีมากมายเหนือกว่าคำว่า “รถกระบะ” ราคารถใหม่เริ่มต้น 1,069,000 บาท

Toyota ร่วมฉลองชัย มอบ “Hilux Revo” “6 ฮีโร่ไทยในโอลิมปิก 2016”