The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic ออพชั่นแน่น ราคาเอื้อมง่าย ด้วยฐานะเวอร์ชั่นประกอบไทย

โพสต์เมื่อ 18th พฤศจิกายน 2020 หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

The new Mercedes-Benz GLA 200 AMG Dynamic คือ รถยนต์ Compact SUV ในเจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งมาพร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น ด้วยงานดีไซน์ภายนอกโดดเด่น และทรงพลัง ภายใต้สัดส่วนที่ถูกกำหนดให้สั้นลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เล็กน้อย เพื่อนำเสนอความ Compact มากขึ้น

เริ่มจากด้านหน้าของตัวรถ ที่ประกอบด้วยชุดกระจังหน้า และชุดไฟหน้าที่ยังคงให้รายละเอียดเพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นรถยนต์ SUV จาก Mercedes-Benz พร้อมด้วยเส้นสายด้านข้างอันทรงพลัง รับกับเส้นกระจกข้างที่ดูปราดเปรียวในสไตล์รถยนต์ Coupe อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรถยนต์รุ่น GLA ที่ช่วยเติมเต็มความสปอร์ตเร้าใจในทุกมุมมอง

ขณะที่ด้านหลังดูกว้างขึ้นจากงานดีไซน์ของชุดไฟท้าย ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในแต่ละฝั่ง ทั้งยังมีการปรับตำแหน่งของแผ่นสะท้อนแสงมาไว้ที่บริเวณกันชนท้าย ส่งผลให้ประตูด้านหลังสามารถเปิดได้กว้างขึ้นกว่าเดิม และจัดเก็บสัมภาระได้ง่าย นอกจากนี้ด้วยความกว้างขวาง จากความสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,605 มม. หรือสูงขึ้นกว่า 10 ซม. จากรุ่นก่อน

ทั้งยังส่งผลให้ภายในห้องโดยสารแถวหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะ รวมถึงห้องโดยสารแถวหลังซึ่งมีพื้นที่วางขาที่กว้างขึ้น ภายใต้การสร้างสรรค์ขึ้นในทุกรายละเอียดด้วยสไตล์ที่ให้ความรู้สึกสปอร์ต ด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior Package ที่ประกอบด้วยชุดหน้าปัดที่ดูล้ำสมัยของฃฝั่งผู้ขับขี่ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Widescreenขนาด 10.25 นิ้วที่แบ่งหน้าจอแสดงผลออกเป็น 2 ส่วน

คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ด้วยอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกฝั่งจะเป็นหน้าจอ Infotainment พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ระบบสัมผัส Touchscreen ที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุม และออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่คุณสมบัติด้านการเรียนรู้ และสามารถจดจำความต้องการของผู้เป็นเจ้าของผ่านระบบปัญญาประดิษฐ์ AI

นอกจากนี้ยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยช่องลมของระบบปรับอากาศที่ได้รับการออกแบบ ด้วยแรงบันดาลใจจากใบพัดของเครื่องบินเจ็ตแบบ Turbine Look ผสมผสานกับรายละเอียดแบบสปอร์ต เช่น พวงมาลัยมัลติฟังค์ชันแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมด้วยการปรับอารมณ์ในห้องโดยสารด้วยระบบไฟส่องสว่าง Ambient Light ที่มีให้เลือกถึง 64 สี

GLA 200 AMG Dynamic มาพร้อมเทคโนโลยี และระบบความปลอดภัยสุดล้ำสมัยมากมาย ที่ประกอบด้วย ระบบช่วยเบรก ABA (Active Brake Assist), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) พร้อมกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing Camera) รวมถึงเทคโนโลยีระดับไฮไลต์ คือ บริการ Mercedes me Connect ที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกับระบบมัลติมีเดียอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ล่าสุดกับระบบ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ซึ่งมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่หลากหลาย และสะดวกสบายที่มากขึ้นสำหรับผู้ขับขี่ ตามต้องการได้จากแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน อาทิ

ระบบ Mercedes-Benz Emergency Call System ที่ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ ในระดับที่ถุงลมนิรภัยทำงาน เซ็นเซอร์ของระบบนี้จะส่งตำแหน่งของรถยนต์ให้กับศูนย์ช่วยเหลือทันที
ระบบ Vehicle Monitoring ที่เจ้าของรถสามารถเช็คตำแหน่งล่าสุด หรือเส้นทางการขับขี่ได้, ระบบ Vehicle Set-up ที่ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพรถยนต์ได้จากระยะไกล ด้วยเซ็นเซอร์ที่อยู่ในรถ และจะส่งข้อมูลผ่านแอพพลิเคชั่นให้ผู้ขับขี่ และศูนย์ซ่อมบำรุง เพื่อเปิดดูรายละเอียดต่างๆ ได้
ระบบ Maintenance Management ที่จะช่วยเตือนเมื่อถึงเวลานำรถยนต์เข้าตรวจสภาพ ด้วยการตั้งวัน และเวลาเข้ารับบริการในครั้งต่อไปให้อัตโนมัติ
ระบบ Online Booking ฟังค์ชั่นสำหรับการนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผ่านแอพพลิเคชั่น Mercedes Me Service
ระบบ Navigation แบบใหม่ที่มาพร้อมกับความแม่นยำที่มากขึ้น พร้อมการแสดงแผนที่แบบ 3D ด้วยกราฟิกความละเอียดสูง ทำงานร่วมกับระบบ AR ในการนำทาง รวมถึงยังสามารถรายงานสภาพถนน และสถานะของร้านค้าต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์อีกด้วย
ระบบ Personal Profiles สำหรับจดจำข้อมูลของผู้ขับขี่แต่ละคน ทั้งลักษณะของการปรับเบาะที่นั่ง, สีไฟในห้องโดยสาร, สถานที่ที่ไปเป็นประจำ ซึ่งสามารถจดจำข้อมูลได้ถึง 22 โปรไฟล์
สุดท้ายกับระบบ Linguatronic คือ ระบบสั่งการด้วยเสียงที่รองรับได้ทั้งภาษาอังกฤษ, ภาษาเยอรมัน และภาษาฝรั่งเศสของทุกสำเนียงทั่วโลก (Natural Speech Recognition) ที่ปรากฏอยู่ในระบบ Infotainment ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเปิดระบบได้เพียงพูดคำว่า “Hey, Mercedes”

สำหรับขุมพลังของ GLA มากับพื้นฐานเดียวกับ A-Class ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharged ที่มีขนาดเพียง 1,332 ซีซี พร้อมกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-DCT) พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-Wheel Gearshift Paddles) และสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 8.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ระดับ 210 กม./ชม.