ล้างหัวฉีด ทำไม? แล้วจะล้างเอง หรือล้างที่ไหนดีล่ะ

ปกติแล้วการ ล้างหัวฉีด เครื่องยนต์เบนซิน จะเป็นการแก้ไขลำดับท้ายๆ ของการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เดินไม่เรียบ สั่น กินน้ำมันมัน เพราะถ้าหากเครื่องยนต์เกิดปัญหาเหล่านี้ การแก้ไขมักจะเริ่มจากการเช็กส่วนอื่นก่อนเช่น ระบบไฟ หรือถ้าหากเป็นระบบน้ำมัน จำเลยมักจะเป็นกรองเบนซิน ไม่ก็เรกกูเลเตอร์ แต่ถ้าสงสัยว่า จำเลย คือหัวฉีดล่ะ เราจะทำอย่างไรกับเจ้าหัวฉีดดี แล้วถ้าเกิดว่าเครื่องยนต์ปกติ แต่อยากจะล้างล่ะ อย่างนี้สมควรทำไหม

ก่อนอื่นเราควรต้องทราบก่อนว่า ถ้าตามคู่มือปฏิบัติจริงๆ แล้ว หัวฉีดนี่ไม่ได้มีบอกระยะเวลาที่ต้องดูแลรักษากันเลย แต่ถ้าถามว่า เราควรจะล้าง ทำความสะอาดหรือไม่ ก็ต้องกลับไปดูก่อนว่า อาการของเครื่องยนต์เราเป็นอย่างไร รอบเดินเบาสั่นหรือไม่ สาร์ทติดยากหรือเปล่า เดินเบาแล้วได้กลิ่นน้ำมันบริเวณห้องเครื่อง หรือปลายท่อไอเสียหรือไม่ กินน้ำมันมากกว่าปกติมั้ย รอบตกหรือเปล่า ต่างๆ เหล่านี้เป็นอาการที่ “หัวฉีดอาจจะ” ตกเป็นจำเลยด้วยก็ได้

ยกตัวอย่างในกรณีที่ผู้เขียนเคยวิเคราะห์รถของเพื่อนฝูงด้วยกัน ซึ่งเป็นรถขนาดคอมแพ็กคาร์ยอดนิยมรุ่นหนึ่ง อยู่มาวันนึงมีอาการผิดปกติคือ ซดน้ำมัน มากกว่าปกติ เรียกได้ว่าซดฮวบแบบเครื่องยนต์ V6 3,000 ซีซีกันเลยทีเดียว ทั้งที่เครื่องเดิม 1,500 ซีซี สแตนดาร์ดไม่ผ่านการโมดิฟายใดๆ ทั้งสิ้น

แก้ไขตรงนู้น ตรงนี้อยู่นาน ขนาดเสียบ OBD เช็กการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ ก็ยังไม่เจอว่า หัวฉีดรั่ว (ตอนหลังมารู้ว่ารั่ว) ตอนแรกที่ไม่ได้ชี้เป้าว่าเป็นจำเลยเพราะ มันน่าจะมีกลิ่น หรือความผิดปกติทางกายภาพให้เห็นชัดเจนบ้าง อีกอย่างเครื่องยนต์ก็เดินปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ กินน้ำมันมากเท่านั้น

ถ้าไม่มีอาการผิดปกติ แล้ว ล้างหัวฉีด ได้มั้ย

ไม่ได้มีข้อกำหนดห้ามไว้ แต่ถ้าคิดว่า รถคันนี้ใช้งานมานาน อาจจะสักแสนโล หรือใกล้เคียง แล้วอยากจะดูแลรักษาให้การฉีดจ่ายน้ำมันได้รับความสดใหม่ขึ้น อย่างนี้ก็สามารถทำได้ ซึ่งมีหลายวิธีด้วยกัน

  • เติมสารล้างหัวฉีด วิธีนี้คือวิธีที่สะดวกสุด เพราะไม่ต้องรื้ออุปกรณ์อะไรให้มากมาย เพียงเติมสารจำพวกชะล้าง ที่มีขายทั้งในปั๊มน้ำมัน และศูนย์บริการ ซึ่งเดี๋ยวนี้ในศูนย์บริการมักขายสินค้าประเภทนี้ร่วมด้วย เหมือนเวลาเดินเข้าธนาคารแล้วเค้าขายประกันด้วยอะไรทำนองนั้น
    วิธีการก็ง่ายๆ เพียงเติมสารชะล้างลงในถังน้ำมัน ซึ่งสารประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสารชะล้างพวกคราบคาร์บอน ถ้าถามว่าสะอาดไหม ตอบได้ว่า ก็ระดับนึง ซึ่งเอาจริงๆ แล้วในน้ำมันเบนซินที่เราเติมกันทุกวี่วัน เค้าก็ใส่สารจำพวกนี้ลงไปด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่ปริมาณมาก-น้อยต่างกันไปตามสูตรของยี่ห้อใครยี่ห้อมันแค่นั้นเอง
  • ล้างด้วยเครื่องมือพิเศษ มักเรียกเครื่องมือนี้กันว่า คาร์บอนคลีน วิธีการนี้ ไม่ต้องถอดหัวฉีดออกมา แต่จะเสียบอุปกรณ์ที่ว่า ไปยังรางหัวฉีด และใช้สารชะล้างประเภทเดียวกันกับแบบเมื่อตะกี๊นี้ แต่โดยมากจะมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่า ถ้าถามว่าสะอาดขึ้นมั้ย ก็ต้องบอกว่า สะอาดกว่าซื้อสารเติมลงในถังเอง และได้ความสะอาดเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณนึง แต่ค่าใช้ก็สูงขึ้นมาอีกนิด
  • ถอดหัวฉีดล้าง วิธีนี้คือวิธีที่ล้างได้สะอาดดีที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าถอดออกมาล้างด้วยเบนซินแล้วเป่านะ แต่ถอดออกมาแล้วล้างด้วยเครื่องมือพิเศษอัลตร้าโซนิก ซึ่งนอกจากจะสะอาดหมดจดเหมือนใหม่แล้ว ยังสามารถเช็กสภาพของหัวฉีดด้วยว่า มีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วยมั้ย ดูได้ถึงกับว่าในแต่ละรอบของเครื่องยนต์ หัวฉีดจ่ายน้ำมันเป็นอย่างไร หัวไหนผิดปกติ มีการทำงานที่ใกล้เคียงกันไหม ถ้าไม่ใกล้เคียงกัน จะได้เปลี่ยนหรือซ่อมได้ตรงจุด ไม่ต้องเปลี่ยนทุกหัว

สรุปแล้วถ้าสงสัยจากอาการปกติที่ว่ามาข้างต้น บวกกับถ้าต้องการความสบายใจหลังจากใช้รถมาเป็นเวลานาน และอยากดูแลรักษาให้เหมือนใหม่ โดยไม่สะเทือนซางเงินในกระเป๋า ก็สามารถทำได้ตามอู่ที่เขียนหน้าร้านว่า เทส ล้างหัวฉีด สนนราคาน่าจะตกอยู่ราว 300-500 บาทต่อหัว รับรองว่าเครื่องยนต์เดินนิ่ง กินน้ำมันลดลง อัตราเร่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นแน่นอน


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |