[bsa_pro_ad_space id=14]

คราบน้ำที่แห้งบนกระจก กลับมาใสปิ๊ง! ด้วย “น้ำส้มสายชู”

หลายครั้งหลายคราที่ทัศนวิสัย ไม่ค่อยจะเคลียร์นัก อันเนื่องมาจาก “คราบน้ำ” ที่ทิ้งร่อยรอยไว้ให้เห็น แม้จะมั่นใจว่า หลังล้างรถเราเช็ดกระจกอย่างดีแล้ว ปัญหานี้ถ้าขาดความละเอียด มันจะกลายเป็นปัญหาหมักหมม สะสมนานวันเข้า กระจกทุกบานรอบคันรถจะเกิดความหมอง มองผ่านๆอาจไม่สังเกตเห็น แต่ถ้าฝนเทลงมาเมื่อไหร่ล่ะก็ น้ำฝนจะไหลออกได้ยาก ใบปัดก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

 

สาเหตุของคราบน้ำ

 หลังล้างรถ เมื่อเช็ดน้ำออกจากกระจก กระจกจะไม่แห้งทันทีทันใด ยังจะหมาดๆ อยู่ ตรงนี้แหละ หากไม่ละเอียด หรือเอาง่ายเข้าว่า เมื่อปล่อยให้แห้งสนิท มันจะกลายเป็นคราบน้ำได้

 หลังฝนตก ไม่ชอบล้างรถ เพราะคิดว่าน้ำฝนแรงๆ นั้นสะอาด ใช้ใบปัดกวาดน้ำออก เดี๋ยวกลับมาใสเหมือนใหม่ เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด เพราะในอากาศจะมีฝุ่น ละออง สารเคมี เมื่อฝนตกลงมาก็รวมร่างมากองไว้บนกระจกรถเรานี่เอง

 การปล่อยให้แดดเผาละอองน้ำ เป็นตัวการชั้นดี เช่นจอดรถกลางแจ้งในเวลางาน พอมีฝนลงมา หรือใครสาดน้ำใส่ แน่นอนว่าเราไม่มีเวลาขจัดน้ำทันทีทันใด ซึ่งพอปล่อยทิ้งไว้ คราบน้ำที่แห้งจะเกาะฝังแน่นเป็นปลิงเลย

วิธีกำจัดคราบน้ำ

การทำให้น้ำบนกระจก ก่อตัวเป็น เม็ดเล็กกลมๆ แล้วไหลลงล่างตามแรงโน้มถ่วงคือดีที่สุด เพราะแสดงว่า กระจกรถคุณมีความสะอาด และใสมาก

 ใช้น้ำยาเคลือบ  :  วิธีนี้ก็โอเค เสียสตางค์ค่าน้ำยาหลักร้อย สูงสุดไม่น่าเกิน 500 ก็สามารถทำให้น้ำที่เกาะกระจกเป็นเม็ด คราบน้ำจะหลงเหลือน้อยหน่อย แต่ส่วนใหญ่มักพบปัญหา ทำให้เวลาปัดน้ำฝนแล้วฝืดติดกระจก

 ขัดเคลือบ  :  วิธีนี้มักจะใช้ตอนที่อาการคราบน้ำเกาะกระจกเข้าขั้นโคม่า บางรายทั้งปั่น ทั้งขัด คราบน้ำที่แห้งกรังก็ไม่สามารถเยียวยาได้ 100%

ถูกและดี ต้อง “น้ำส้มสายชู”

วิธีนี้หยิบเอาของในครัว ที่หาไม่ยาก ราคาย่อมเยา ขวดนึงแพงสุดไม่เกิน 15 บาท ใช้ได้ทั้งเป็นตัวปกป้อง และขจัดคราบ โดยเทน้ำส้มสายชูลงบนผ้าสะอาด แล้วเช็ดถูบนกระจกที่ล้างทำความสะอาดแล้ว..ทีนี้แหละคุณจะได้พบกับปรากฏการณ์แห่งความ “ใส” แบบที่น้ำเกาะบนกระจกจะเป็นเม็ดๆ ไหลลง ฝนตกไม่หนักนี่ลืมปัดน้ำฝนไปได้เลย

[bsa_pro_ad_space id=15]
[bsa_pro_ad_space id=16]