เรื่องควรรู้ และต้องทำ เมื่อ “รถพัง” บน “ทางด่วน”

ไม่ว่าจะเป็นวันไหนๆ ทั้งเทศกาล หรือ การใช้ชีวิตประจำวัน “เหตุสุดวิสัย” ก็มักเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอๆ หากเราขาดการดูแลเอาใจใส่รถที่ใช้อยู่ทุกวัน ซึ่งคงเป็นเรื่องง่ายหากเกิดขึ้นบนถนนทั่วไป แต่ถ้าหาก “รถพัง”บน “ทางด่วน” ล่ะ … และเพราะเรื่องนี้เพิ่งเกิดกับตัวผมเองด้วยเช่นกัน ฉะนั้นจึงคิดว่าน่าจะดีถ้านำประสบการณ์ และวิธีมาเล่าให้ฟัง เนื่องจากมันเป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ยุ่งยากอะไรเลย

รถพัง, ทางด่วน

อย่าตกใจ แค่มองหาที่ปลอดภัยก็พอ

อันดับแรกหากขับรถอยู่แล้วก็เหตุการณ์ขึ้น ไม่ว่ารถจะมีปัญหา หรือเกิดการเฉี่ยวชนขึ้นก็ตาม ให้ตั้งสติไว้ เปิดไหฉุกเฉิน และพยายามนำรถไปจอดที่ปลอดภัย โดย “เน้นย้ำว่าให้ไปชิดขอบทางด้านซ้ายสุดของทางด่วน ไม่ว่ารถคุณจะอาการหนักแค่ไหนก็ตาม” เพราะนั่นคือจุดที่ปลอดภัยที่สุด

โดยเฉพาะบนทางด่วนที่รถแต่ละคันต่างก็ใช้ความเร็วกันทั้งนั้น เพราะคุณคงไม่อยากให้อาการรถเสียเล็กน้อย หรืออุบัติเหตุเล็กน้อย กลายเป็นเรื่องใหญ่โต เนื่องจากการจอดฝั่งขวา หรือ ในเลนกลางแน่ๆ และเมื่อจอดฝั่งซ้ายเรียบร้อยแล้วก็เปิดไฟฉุกเฉินซักนิดเพื่อให้เพื่อนร่วมทางได้รับทราบว่ารถคุณมีปัญหา หรือถ้ามีป้ายเตือนเหตุฉุกเฉินติดรถไว้ ก็แกะเอาไปวางไว้ท้ายรถ ห่างประมาณซัก 100 เมตร แค่นั้นพอ

ช่วยตัวเองไม่ไหว ก็ขอความช่วยเหลือ

ในหัวข้อนี้จะขอแบ่งเป็น 2 กรณี เริ่มต้นจากง่ายสุด คือ โทรแจ้งสายด่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 1543 เพื่อแจ้งพิกัดจุดที่รถเสีย สาเหตุของอาการ รวมถึงแจ้งขอความช่วยเหลือหากมีคนป่วย หรือบาดเจ็บ เพื่อให้เจ้าหน้าที่การทางพิเศษ และเตรียมให้การช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง

ส่วนในกรณีที่ “พึ่งตัวเอง” เช่น การใช้ Slide on ซึ่งอันดับแรกต้องเข้าใจว่า Slide on ไม่สามารถขึ้นมา “ช้อน” บนทางด่วนได้ เนื่องจากอาจมีอันตราย รวมถึงเรื่องของพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งมีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย คอยให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว ทำให้ในกรณีนี้ หากรถยังวิ่งได้ และต้องการใช้ Slide on มายกไป ก็ต้องใช้ความพยายามในการนำรถลงมาจากทางด่วนก่อน

รถพัง, ทางด่วน

โทรศัพท์บนทางด่วน มีให้ใช้ ไม่ได้เอาไว้โชว์

สำหรับใครที่ “วันซวยๆ” ยังไม่จบสิ้น ทั้ง “รถพัง” บน “ทางด่วน” แถม “แบตโทรศัพท์” ก็หมดล่ะก็ ให้ลอง “เดิน” ดูครับ เพราะบนทางด่วนเค้ามีโทรศัพท์สาธารณะให้ใช้ง่ายๆ ติดตั้งไว้ในระยะ 500-1,000 เมตร และสามารถโทรแจ้งได้ตลอด 24 ชม. เพียงยกหู และกดปุ่ม ก็จะมีเจ้าหน้าที่ปลายสายรับโทรศัพท์ให้คุณแจ้งพิกัด เพื่อขอความช่วยเหลือ

ส่วนการเดินไปตู้โทรศัพท์ก็มห้เดินชิดๆ ขอบด้านซ้ายเอาไว้ เพราะบนทางด่วนนั้นรถแต่ละคันก็ใช้ความเร็วกันมาทั้งนั้น และก็ควรหันมองด้านหลังเป็นระยะๆ รวมถึงการจอดรถชิดขอบด้านซ้ายแล้วก็ไม่ควรไปยืนอยู่ใกล้ๆ รถมากนัก เช่นกัน เพราะคุณไม่รู้ว่าจะเจอพวกมารยาทการขับรถแย่ๆ ชอบรูดซ้ายไหล่ทางเมื่อไหร่