ABT Audi RS6 Avant Johann Abt Signature Edition … 125th Anniversary Johann Abt
ใครเลยจะคาดคิดว่าชายชื่อ “Johann Abt” ช่างตีเหล็กแห่งยุครถม้า จะกลายเป็นบุคคลสำคัญในฐานะผู้ให้กำเนิดแบรนด์ ABT Sportsline สำนักแต่งรถระดับแถวหน้าของวงการ ที่ ณ ปัจจุบันมีอายุอานามปาเข้าไปถึง 125 ปี ท่ามกลางผลงานการสร้างสรรค์ และอัพเกรดสมรรถนะ ให้กับยนตรกรรมจากฟากฝั่งยุโรปมาแล้วมากมาย รวมถึงโมเดลล่าสุดที่เห็นอยู่ และมากับความพิเศษระดับ Masterpieces ด้วยจำนวนการผลิตที่มีเพียง 64 คัน สำหรับวาระฉลองครบรอบ 125 ปี ย้อนรำลึกถึงผู้ก่อตั้ง “Johann Abt” ซึ่งมากับชื่อรุ่นว่า ABT Audi RS6 Avant Johann Abt Signature Edition
โดยเวอร์ชั่นพิเศษนี้ คือ ผลงานที่ปรับแต่งจากพื้นฐานของ Audi RS6 Avant ยนตรกรรมสมรรถนะสูงในเรือนร่างแบบ Station Wagon ซึ่งผ่านการปรับสไตล์สู่ตัวตนความเป็น ABT ภายใต้การผสมผสานความสปอร์ต และความเรียบง่ายเข้าไว้อย่างลงตัว เช่น การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ผสมโทนสีแดง Red Metallic แต่งเติมเข้าไปในรายละเอียดต่างๆ เช่น กรอบกระจังหน้า, ช่องดักอากาศ และ Splitter ใต้กันชนหน้า ซึ่งลงตัวกับความสะดุดตาสายในมุมมองด้านข้างจากฝาครอบกระจกมองข้าง, ช่องระบายอากาศหลังซุ้มล้อหน้า ตลอดจนสเกิร์ตข้าง ที่ช่วยไล่สายตาไปยังด้านหลังที่นำสเนอความดุดัน และความสปอร์ตป่านสปอยเลอร์หลังคา และชุดกันชนท้าย พร้อม Diffuser ด้านล่าง
ทั้งยังเพิ่มความต่อเนื่องในสไตล์การตกแต่งให้กับอารมณ์ของห้องโดยสาร ผ่านวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ผสมโทนสีแดง Red Metallic เช่นกัน เสริมด้วยความหรูหราจากวัสดุหนังเกรดพรีเมี่ยม และการปักเย็บลวดลายเพื่อแสดงฐานะความพิเศษ เช่น บนพนักพิงเบาะนั่ง, แผงประตู, พนักวางแขน และกาบบันไดที่สะดุดตาด้วยตัวอักษร “Since 1896” มาให้ นอกจากนี้เจ้าของรถทั้ง 64 คัน ยังได้รับสิ่งพิเศษไปพร้อมๆ กับสิทธิ์การเป็นเจ้าของด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นคือ Time Capsule ที่บรรจุ “เศษทั่งตีเหล็ก” ของแท้ดั้งเดิม ที่มีความหมายถึง “จุดเริ่มต้นของแบรนด์” นั่นเอง
ในส่วนของขุมพลังทางสำนัก ABT ก็ได้สร้างสรรค์ความไม่ธรรมดาให้กับทั้ง 64 คันเช่นกัน ด้วยการปรับเปลี่ยนระบบอัดอากาศ Turbochargers และ Intercoolers ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เสริมด้วยการติดตั้งระบบ Oil Cooling แบบพิเศษ ตามด้วยการเปลี่ยนระบบไอเสียใหม่ ซึ่งใช้วัสดุสแตนเลสโทนสีดำด้าน พร้อมกับเพิ่มขนาดความยาวเส้นผ่าศูนย์กลางเป็น 102 มม. ก่อนปิดท้ายด้วยการปรับแต่ง ECU ใหม่ ทำให้เรี่ยวแรงจากเวอร์ชั่นมาตรฐาน 591 แรงม้า พร้อมแรงบิด 800 นิวตันเมตร ขยับขึ้นไปสู่ตัวเลขอันดุเดือดในระดับ 790 แรงม้า ที่มากับแรงบิดสูงถึงราวๆ 980 นิวตันเมตร
สร้างความโหดร้ายด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. จาก 3.6 วินาที เหลือเพียง 2.91 วินาที, จาก 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.79 วินาที ต่อเนื่องถึง 300 กม./ชม. ใน 28.35 วินาที และปิดฉากด้วยความเร็วสูงสูดที่ 330 กม./ชม. ทั้งยังเพิ่มความมั่นใจในเสถียรภาพการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างใหม่ Height-Adjustable Suspension ที่สามารถปรับระดับสูง-ต่ำได้ จับคู่กับชุดกันโคลง Anti-Roll Bars ใหม่ ตลอดจนการเปลี่ยนไปใช้ล้อฟอร์จอัลลอยด์หน้ากว้างขนาด 22 นิ้ว ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 3.4 กก. /วง เพื่อช่วยลดภาระจากน้ำหนักใต้สปริงอีกด้วย
