รีวิว All-New FORD Ranger ( ออล นิว ฟอร์ด เรนเจอร์ ) “สัมผัสประสบการณ์ใหม่” ใหญ่โต แข็งแกร่ง ทันสมัย

กำลังเป็นกระแสร้อนแรงเลยครับ!!!สำหรับ All-New FORD Ranger ( ออล นิว ฟอร์ด เรนเจอร์ ) เรียกได้ว่าเป็นรุ่นสร้างความนิยมให้ FORD กลับมายืนแถวหน้าตลาดรถยนต์เมืองไทยอีกครั้ง เพราะในวงการนักทดสอบรถยนต์บ้านเราน้อยคนนักที่จะวิพากวิจารณ์ออกมาในด้านลบ บางท่านถึงขนาดซื้อมาใช้ในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว ผมจึงขอนำมาทดสอบกันอีกครั้งเพื่อให้ผู้อ่านที่โทรศัพท์เข้ามาถามถึงรายละเอียดว่าของเค้าดีจริงหรือไม่ เอาแบบชี้ชัดลงลึกกันไปเลยครับ

 

“แกร่งอย่างทรงคุณค่า”

พูดถึง All-New FORD Ranger ที่ชูโรงด้วยคำว่า “สัมผัสประสบการณ์ใหม่” คำนี้ ในความรู้สึกผมที่ได้สัมผัสมันคือ ประสบการณ์ใหม่สำหรับรถกระบะในยุคนี้จริงๆ ความรู้สึกเดิมๆ ที่ผมไม่ชอบในตัวรถกระบะ 1 ตัน หายไปหมดเลยครับ เริ่มตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบมาให้ดูใหญ่โต แข็งแกร่ง ทันสมัย ถ้าคุณเคยเห็น FORD F150 ซึ่งเป็นรถกระบะที่ขายดิบขายดีในต่างประเทศ คุณจะเห็นเลยว่า เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจาก FORD รุ่นนี้ ซึ่งปรับโฉมลดข้อด้อยของรูปลักษณ์ที่ดูแล้วดิบเกินไป ดุดันมากเกินไป แล้วนำมาปรับปรุงแต่งเติมใหม่และเพิ่มความทันสมัยบวกกับความหรูหรา แล้วออกมาเป็น All-New FORD Ranger อย่างที่เห็นนี่แหล่ะครับ

 

โดยที่มุมมองด้านหน้าลดความเป็นเหลี่ยมของตัวรถด้วยความโค้งมนของแต่ละมุมลง พร้อมยกฝากระโปรงให้ดูแกร่งขึ้น เติมความหรูด้วยกระจังหน้าแบบโครเมี่ยม วางโลโก้ FORD เพื่อการันตีความแกร่งไว้ตรงกลาง ขนาบข้างด้วยไฟหน้าพร้อมไฟเลี้ยวที่ดีไซน์ให้คล้ายเพชรเม็ดโต สร้างความหรูหราให้กับตัวรถมากขึ้น ขยับลงมาที่กันชนหน้าดีไชน์ออกแนวลุยๆ ตามสไตล์ Off Road ระดับหรู บวกด้วยการฝังไฟตัดหมอก Painted Bezel ไว้ด้วย 1 คู่

 

ด้านข้างโดดเด่นด้วยโป่งล้อขนาดใหญ่ ส่วนแก้มข้างวางโลโก้พิกัดความแรงเอาไว้ ซึ่งในจุดนี้ยังอเนกประสงค์สามารถถอดออกแล้วใส่ออฟชั่นเสริม “Snorkel Kit” เพื่อลุยน้ำลึกได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังใช้เส้นสายที่พลิ้วไหว กระจกมองข้างโครเมี่ยม มือจับเปิดประตูโครเมี่ยม และบันไดข้างโครเมี่ยมมาเติมความหรูหรามากขึ้น มุมมองด้านท้ายใช้ตัวอักษร “Ranger” เป็นจุดดึงดูดสายตา พร้อมด้วยกันชนท้ายแบบโครเมียม

 

โดยรวมแล้วผมว่ายังคงการดีไชน์ในแบบฉบับของ FORD ได้ดี คือ ดูแล้ว “แข็งแกร่ง” แต่มีการเติมแต่งความทันสมัย หรูหรา เข้าไปทำให้เกิดความงดงามมากขึ้น ส่วนตัวขับแล้วรู้สึกเท่ห์ๆ ดีครับ ยิ่งเป็นสีแดงที่ผมนำมาทดสอบขับไปไหนมาไหนมีแต่คนมองครับ

 

“ทันสมัยสไตล์ DNA FORD”

ดูต่อกันที่ภายในซึ่งคุมโทนสีด้วยดำสลับบรอนซ์ มองโดยรวมคล้ายๆ กับการนำคอนโซลของ FORD Fiesta มาพัฒนาต่อให้ดูแกร่งเหมาะที่จะเป็นคอนโซลของรถกระบะ เพราะ FORD กำลังสร้าง “DNA” เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกทุกครั้งเมื่อเข้าไปนั่งในรถว่านี้ คือ “FORD” การดีไซน์ภายในไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งหรือกระบะจะดีไซน์ไปในทิศทางเดียวกัน ปรับบางส่วนให้เหมาะสมกับรถแต่ละประเภทเท่านั้น โดย All-New FORD Ranger  ออกแบบให้เป็นทรงเหลี่ยมมากขึ้นโดยการปรับช่องแอร์ให้เป็นสี่เหลี่ยม พวงมาลัยเป็นแบบสี่ก้านหุ้มหนัง หัวเกียร์หุ้มหนัง ส่วนเบาะนั่งทุกจุดเป็นแบบผ้าพรีเมี่ยม

 

แม้ตัวรถดูจากภายนอกจะใหญ่มาก แต่เวลาเข้าไปนั่งแล้วให้ทัศนวิสัยการขับขี่ที่ชัดเจน การขับขี่ก็ไม่ได้ยากมากในการกะระยะเวลาขับในซอยแคบๆ จุดบอดของกระจกมองข้างถ้าคุณปรับกระจกมองข้างให้ลงต่ำเห็นพื้นเล็กน้อยก็จะลดจุดบอดลงได้เยอะครับ เรื่องความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัยให้ในคู่หน้าอีกด้วย

 

2.2 แรงเหลือรับประทาน

การสตาร์ทเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2.2 ลิตร วีจี เทอร์โบ ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร พร้อมระบบส่งกำลังชุดใหม่เกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด อย่างแรกที่รู้สึกได้ คือ ความเงียบที่มีมากกว่า เครื่องดีเซลรุ่นเดิม ลองเหยียบคลัทช์ใส่เกียร์เล่นๆ ก่อนออกเดินทาง น้ำหนักของคลัทช์ในความรู้สึกผมแข็งไปหน่อยครับ ถ้านำมาใช้งานในเมืองรถติดๆ ผมว่าเมื่อยแน่ๆ (ถ้ามองในแง่ดี…ถือว่าเป็นการออกกำลังกายครับ) ส่วนตำแหน่งเวลาเข้าเกียร์จุดนี้แตกต่างจากกระบะเดิมๆ ที่มีความห่างของเกียร์เยอะ แต่ ตำแหน่งเกียร์คล้าย “Quick Shift” ที่มีอยู่ในรถสปอร์ต ทำให้การเข้าเกียร์ทำได้ง่าย รวดเร็ว ทำให้การขับขี่สนุก เร้าใจ มากขึ้น ออกเดินทางกันดีกว่าครับ ในตัวเกียร์ธรรมดาผมเคยทดสอบแล้วที่ จ.เชียงราย ในเส้นทางแบบ Off Road ทางขึ้นเขา ขรุขระและลาดชัน  และลุยน้ำแบบมิดไฟหน้า ผมเลยตอบให้ก่อนเลยว่าเรื่องแรงบิดแม้จะเป็นเครื่องยนต ์ 2.2 ซีซี แต่แรงบิดไม่ได้ด้อยกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ซีซี. ที่จำหน่ายในท้องตลาดเลย เรียกได้ลุยไหนลุยกัน ส่วนเรื่องลุยน้ำ 80 ซม. สบายมากครับ

 

แต่ที่ผมไม่ได้ทดสอบในครั้งก่อน คือ การใช้งานบนถนน Motor Way โดยเริ่มจากการจับอัตราการบริโภคน้ำมันก่อน ผมใช้ระยะทาง 104 กม. ความเร็วในการเดินทางเฉลี่ย 90-100 กม./ชม. ผมเติมน้ำมันไป 185 บาท (ดีเซลลิตรละ 31.73 บาท) คำนวณแล้วก็ตกกิโลเมตรละบาทกว่าๆ ก็น่าจะโอเคแล้วนะครับ  หลังจากนี้ผมเริ่มทดสอบโดยใช้ความเร็วสูง กำลังของเครื่องยนต์ 0-160 กม./ชม. มาแรงแบบต่อเนื่องแบบน่าพอใจครับไม่กระชากมากเวลาเปลี่ยนเกียร์  ในช่วงความเร็วที่เกิน 160 กม./ชม. ไปแล้ว ผมกดคันเร่งต่อจนถึงความเร็วสูงสุด สำหรับผมทำได้ที่ 180 กม./ชม. ความเร็วในช่วงนี้อาจจะนานสักนิดกว่าจะถึงความเร็วสูงสุด แต่ด้วยผมทดสอบตอนประมาณตี 2 แล้ว และยังเป็นทางด่วนบางประกงอีกจึงมีทางพอให้ผมวิ่งได้

 

ความนิ่มนวลที่เกินบรรยาย

ใช้ระบบกันสะเทือนหน้า อิสระปีกนกคู่พร้อมคอยล์สปริง ส่วนหลังแบบ แหนบซ้อน พร้อมล้ออัลลอย 16″ พร้อมยางขนาด 215/70R16 ระบบบังคับเลี้ยวแบบ แรค แอนด์ พิเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรง ตรงระบบช่วงล่างจุดนี้เลยที่ทำให้ผมประทับใจมาก เริ่มจากการทรงตัวทางตรงในความเร็วสูง 170 กม.ชม. นิ่งขับสบายๆ ลองเปลี่ยนเลนในความเร็วสูงก็ยังนิ่ง พวงมาลัยคมควบคุมง่าย ระบบช่วงล่างก็ตอบสนองได้ดีตามสั่ง ยิ่งการเข้าโค้งต่างๆ คุณจะลืมไปเลยว่าขับรถกระบะอยู่ เพราะเข้าโค้งได้ดีพอๆ กับ SUV หรูบางรุ่นเลย เรื่องความนิ่มนวลจุดนี้ต้องยอมรับว่าทำได้ดี ทำให้ผมอยากขับกระบะขึ้นมามากเลย เพราะความนิ่มนวลอยู่ระหว่างรถยนต์นั่งกับรถ SUV เลยครับ

 

 

สุดท้ายสำหรับ All-New FORD Ranger Hi-rider Double Cab XLT ในราคา 779,000 บาท สอบผ่านในเรื่องความคุ้มค่ากับราคาทุกด้านสำหรับผม แต่เรื่องราคาขายต่อกับศูนย์บริการคงต้องดูกันต่อไป เพราะฟอร์ดกำลังพัฒนาในเรื่องของศูนย์บริการอย่างเต็มที่ ส่วนภาษีส่วนลดรถคันแรกอยู่ที่ 81,000 บาทครับ