All New Lexus ES 300h ยนตรกรรมหรูขนาดกลาง Gen7

รถยนต์ Lexus ในตระกูล ES (Executive Sedan) นับเป็นยนตรกรรมซีดานหรูขนาดกลาง ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง มาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก เมื่อปี 2532 จากความโดดเด่นด้านความนุ่มนวลในการขับขี่ และความเงียบภายในห้องโดยสาร ซึ่งแตกต่างจากรถยนต์หรูโดยทั่วไป จึงทำให้ Lexus ในตระกูล ES เป็นซีดานที่มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของเลกซัส
ล่าสุด เลกซัส ES ใหม่ ได้ปรากฏโฉมใน เจนเอนเรชั่นที 7 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบภายนอก ด้วยเส้นสายสปอร์ตที่เร้าใจ สมรรรถนะการขับขี่อันสมบูรณ์แบบ จากสถาปัตยกรรมตัวถังใหม่ GA-K (Global Architecture-K Platform) จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวเยี่ยม และควบคุมได้ดั่งใจ

 

ออกแบบ Lexus ES ภายใต้แนวคิด ความสง่างามอันเร้าใจ

– กระจังหน้าแบบ Spindle grille เอกลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นเลกซัส ที่เสริมความโฉบเฉี่ยว
– ไฟหน้าแบบ LED และไฟ DRL (Daytime Running Light) รูปตัว L เปล่งประกายความแตกต่าง ไม่เหมือนใคร
– ชุดไฟท้าย LED รูปตัว L ที่ตอกย้ำตัวตนแห่งเลกซัสให้ยิ่งชัดเจน
– ไฟหน้าแบบ Ultra compact 3-eye LED headlamps ดีไซน์เรียบหรูกะทัดรัด ครบทั้งรูปลักษณ์ที่สวยหมดจดและ การกระจายแสงที่ดีเยี่ยม มาคู่กับไฟเลี้ยวแบบ Sequential ที่ให้ลำแสงวิ่งเป็นเส้นต่อเนื่อง ตามทิศทางการเลี้ยว
– Hands-free power trunk lid แม้ว่าจะถือสัมภาระเต็มมือ เพียงแค่มีกุญแจไฟฟ้า ก็สามารถเปิดปิดฝากระโปรงท้ายได้อย่างอัตโนมัติ โดยแค่ขยับเท้าบริเวณใต้กันชนด้านหลังเท่านั้น

ภายในผสานความหรูเข้ากับนวัตกรรมเหนือระดับ

– Acoustic Glass และ Seatback silencers สร้างความเป็นส่วนตัวให้ห้องโดยสารอย่างเงียบสงบ และผ่อนคลาย สะท้อนเอกลักษณ์แห่งความใส่ใจในทุกรายละเอียด
– มาตรวัด / จอแสดงผล EMVขนาด 12.3 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ ระบบเสียง และข้อมูลอื่นๆ ละจะแสดงข้อมูลตามฟังก์ชั่นที่เลือกร่วมกับจอแสดงผลออพตริตรอน TFT ขนาด 7” รวมทั้งวางตำแหน่งของปุ่มควบคุมต่างๆ ให้อยู่ในระยะสั่งการได้ง่าย
– ระบบควบคุมเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ ปรับระดับการตัดเสียงรบกวน โดยใช้ไมโครโฟนเป็นตัวดักจับเสียง จากเครื่องยนต์ เพื่อวัดระดับว่า ต้องควบคุมเสียงมากแค่ไหน โดยระบบจะปล่อยคลื่นเสียงที่ตรงข้ามกับคลื่นเสียงจากเครื่องยนต์ออกมาทางลำโพงเพื่อหักล้างกัน จึงเพิ่มความเงียบให้ห้องโดยสารได้เต็มที่
– รีโมทควบคุมแบบสัมผัส ออกแบบมาเพื่อให้ควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถได้เหมือนกับการใช้สมาร์ทโฟน
– แผงควบคุมอเนกประสงค์บริเวณที่วางแขนกลางเบาะหลัง ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถควบคตุมระบบเครื่องเสียง ปรับเอนพนักพิง รวมทั้งสั่งการฟังก์ชั่นอื่นๆ ในรถได้อย่างง่ายดาย
– Lexus Climate Concierge ระบบควบคุมอัจฉริยะ แบ่งการดูแลอุณหภูมิออกเป็น 3 ส่วนแยกกัน ระหว่างบริเวณคนขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และผู้โดยสารตอนหลัง
– แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย อยู่บริเวณตรงกลางของของคอนโซล
– ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สามารถเปิด-ปิดฝากระโปรงท้ายได้อย่างอัตโนมัติ โดยแค่ขยับเท้าบริเวณใต้กันชนด้านหลัง

สมรรถนะการขับขี่อันสมบูรณ์แบบ

– ระบบพวงมาลับเพาเวอร์ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า EPS โดยการใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบขนาน ทำให้การควบคุมพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าเฉียบคม ตอบสนองได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่หักพวงมาลัย พร้อมคอพวงมาลัยใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม
– ช่วงล่างหน้า และหลัง เพิ่มความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างรถ และคนขับ ตัวซับแรงกระแทกจะดูดซับแรงจากการบิดตัว และแรงสั่นสะเทือนขณะขับขี่ เพื่อช่วยให้การควบคุมรถทำได้เฉียบคมยิ่งขึ้น พร้อมเพิ่มความสะดวกสบาย และความเงียบสงบภายในห้องโดยสาร
– ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัท พัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้ตอบสนองต่อพวงมาลัยได้ดีเยี่ยม มีวงเลี้ยวที่แคบลง พัฒนาตำแหน่งจุดยึดของระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบ Trialing arm double wishbone เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลบนถนนขรุขระ
– ปรับตั้งค่าการขับขี่ ของรถได้ง่ายดายด้วยสวิทช์เลือกโหมดการขับขี่ ตามสไตล์การขับขี่ที่เป็นตัวคุณ ทั้งโหมด ECO โหมด Normal และโหมด Sport
– เครื่องยนต์ 4 สูบ แถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร (A25A-FXS) พัฒนาใหม่ล่าสุด ผสานคุณสมบัติทั้งสมรรถนะการขับขี่ การประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยยืดช่วงชักให้ยาวขึ้น ใช้พอร์ทไอดีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มการไหลเวียนของอากาศในกระบอกสูบ เพื่อเร่งการจุดระเบิด รวมถึงพัฒนาหัวฉีดให้เป็นแบบหลายรู
– ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นใหม่ เครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ที่เล็กลง น้ำหนักเบา ภายใต้ระบบการควบคุมที่ละเอียดซับซ้อน เพื่อสร้างอัตราเร่งอันไหลลื่นเป็นธรรมชาติ
เทคโนโลยีระดับโลก
– ระบบป้องกันก่อนการชน Pre-crash Safety System เรดาร์และกล้องที่ตัวรถจะคอยประเมินสถานการณ์ว่าอาจเกิดการชนคนหรือผู้ขับขี่จักรยาน หรือรถคันอื่น ๆ หรือไม่ หากมีความเสี่ยงจะชนระบบจะส่งสัญญาณเตือนคนขับพร้อมช่วยกระตุ้นแรงเบรกเพิ่มเมื่อผู้ขับเหยียบเบรก หรือหากผู้ขับไม่เหยียบเบรกเมื่อมีสัญญาณเตือนระบบจะทำการเบรกเองโดยอัตโนมัติ
– ระบบช่วยรักษาช่องทางวิ่ง Lane Keeping Assist (LKA) ระบบจะทำการส่งสัญญาณสั่นเตือนที่พวงมาลัย พร้อมกับแจ้งเตือนบนจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ในทันที เมื่อตรวจพบว่ารถยนต์มีการขับข้ามเลนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว และยังช่วยประคองพวงมาลัยเพื่อไม่ให้รถออกนอกเลน
– ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ Adaptive High-beam System (AHS) ระบบจะตรวจจับแสงไฟจากไฟหน้าของรถที่สวนมา, ไฟท้ายของรถคันหน้า และแสงสว่างจากพื้นที่โดยรอบ เมื่อระบบตรวจพบว่ามีรถวิ่งสวนเข้ามาในระยะรัศมีความสว่างของไฟสูง หลอดไฟ LED ทั้ง 24 ดวงของแต่ละฝั่งจะถูกดับลงและเปิดขึ้นใหม่อัตโนมัติ เพื่อปรับแต่งการส่องสว่างไปยังบริเวณต่างๆ อย่างเหมาะสม โดยระบบจะเลือกตัดลำแสงไฟเพียงบางส่วน เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้การขับขี่ยามกลางคืน
– ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control นอกจากจะช่วยรักษาความเร็วให้คงที่โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่งแล้ว ระบบจะตรวจวัดระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยเรดาร์และกล้องบริเวณหน้ารถพร้อมลดและเพิ่มความเร็วอัตโนมัติให้สอดคล้องกับรถคันหน้า เพื่อคงระยะห่างที่ปลอดภัยอยู่เสมอ
– ระบบเตือนมุมอับสายตา ทำงานด้วยเรดาร์ความละเอียดระดับ Quasi-millimeter ที่ติดตั้งอยู่บริเวณกันชนหลัง เพื่อคอยตรวจหารถยนต์ในเลนข้างเคียงที่อาจ อยู่ในมุมอับสายตาและมองเห็นได้ไม่ชัดเจนในกระจกมองข้าง หากตรวจพบจะแสดงสัญลักษณ์เตือนบนกระจกฝั่งที่มีรถคันดังกล่าว
– สัญญาณเตือนด้านท้ายขณะถอยหลัง ขณะถอยรถออกจากที่จอด หรือถอยออกมายังถนน เรดาร์ความละเอียดระดับ Quasi-millimeter ที่กันชนท้ายจะคอยตรวจหาว่ามีรถในทางหลักวิ่งเข้ามา ในมุมที่สังเกตเห็นได้ยากหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีรถวิ่งเข้ามาระบบจะส่งสัญญาณเตือนพร้อม ไฟกระพริบบนกระจกมองข้างด้านนั้นๆ

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Lexus

แท็กฮิต : , ,