“แบตเตอรี่เสื่อม” รู้ได้ง่ายๆ กับอาการเหล่านี้

คนยังเจ็บป่วยยังมีอาการเริ่มต้นให้รู้ ฉะนั้น “รถ” ที่เริ่มเจ็บ เริ่มป่วย ก็มีอาการบอกให้รู้เช่นกัน โดยจะแตกต่างกันไปแต่ละประเภทอาการ และนี่คือ อาการของ “แบตเตอรี่เสื่อม” ที่ควรรู้ไว้ เพราะส่อแววเมื่อไหร่จะได้ เตรียมพร้อมจัดลูกใหม่ไว้รอ ก่อนปลดระวางลูกเก่าอย่างเป็นทางการ

แบตเตอรี่เสื่อม

หน้าที่ของ “แบตเตอรี่”

สำหรับแบตแตอรี่ในรถ หลายคนคงทราบว่าอยู่แล้วว่า ทำหน้าที่ของมันก็คือป้อนกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ในรถยนต์ เช่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นแหล่งผลติกระแสไฟฟ้านะครับ เพราะนี่คือแหล่งเก็บพลังงานไฟฟ้าจ่ายสำรองเท่านั้น

เพราะหน้าที่หลักๆ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า คือ “ไดชาร์จ” และ “แบตเตอรี่” คือ ทัพเสริมหากรถต้องการใช้กำลังไฟมากขึ้น โดยนอกจากไดชาร์จจะเป็นตัวจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับตัวรถแล้ว หากกำลังไฟเหลือเค้าก็จะส่งกลับไปชาร์จให้กับแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน

พูดง่ายๆ ก็คือ “แบตเตอรี่” คือ แหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง ที่จะเข้ามาช่วยหาก “ไดชาร์จ” ผลิตกระแสไฟฟ้าไม่ทัน และตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น โดย “แบตเตอรี่” เองก็มีวันหมดอายุเช่นกัน ซึ่งอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ 1 ลูก จะอยู่ราวๆ ไม่เกิน 2 ปี และสาเหตุหลักๆ ที่ แบตเตอรี่จะถูกปลดระวาง ก็คือ “การเก็บไฟไม่อยู่” และ “ชาร์จไฟไม่เข้า”

แบตเตอรี่เสื่อม

เตรียมตังค์ซื้อใหม่ ถ้าอาการแบบนี้ คือ แบตเตอรี่เสื่อม

“ไฟเตือน” ในรถสมัยใหม่อันนี้ง่ายมากเลยครับ เพราะบนหน้าปัดเค้าจะมีฟังค์ชั่นแจ้งเตือนเลย โดยจะเป็นรูปแบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่ไฟเตือนรูปนี้แสดงขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็แสดงว่าแบตเตอรี่ของคุณกำลังมีปัญหาแล้วล่ะครับ ให้เตรียมนำรถเข้าศูนย์บริการเช็คสภาพ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย

“สตาร์ทยาก” อันนี้เป็นอาการเบื้องต้นที่สงสัยได้เลยว่าแบตเตอรี่แน่นอน โดยเฉพาะถ้าถึงขนาดต้องใช้วิธีการ “พ่วงแบต” เพื่อทำการสตาร์ทให้ติดล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่า “แบตเตอรี่เสื่อม” เป็นที่เรียบร้อย ฉะนั้นก็เตรียมตัวถึงเวลาที่ต้องเสียตังค์จัดแบตลูกใหม่

แบตเตอรี่เสื่อม

“สตาร์ทยาก แต่สตาร์ทติด” อันน็เป็นอีกหนึ่งอาการที่เข้าเค้า เปรียบได้กับเป็นการแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าอีกไม่ช้าแบตเตอรี่ลูกนี้จะเกษียนอายุแล้วนะ เพราะยิ่งคุณใช้ไปนานๆ เข้า วันหนึ่งรถคุณก็จะมาพร้อมกับอาการ “สตาร์ทยาก” แน่นอน

สุดท้าย “เงียบสนิท” อันนี้ถ้าลองทุกวิธีทางแล้ว ทั้งพ่วงแบต ทั้งถอดแบตไปชาร์จ กลับมาใส่ใหม่แล้วก็ยัง “เงียบ” ก็ไม่ต้องสงสัยล่ะครับ เพราะนั่นคือ แบตเตอรี่ คุณลาโลกนี้ไปอย่างสงบแล้ว ฉะนั้นสอยลูกใหม่ได้เลยครับ ไม่ต้องไปดื้อดึงทำอย่างต่อ

นอกจากอาการในส่วนของเครื่องยนต์แล้ว ก็ยังมีในส่วนอื่นๆ ที่ผู้ขับขี่ควรสังเกตอาการอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งเจ้าของรถ หรือผู้ที่ใช้งานรถทุกวัน และคุ้นเคยกับรถดีนั้นน่าจะเห็นความผิดปกติได้ไม่ยาก เช่น อาการของไฟหน้ารถที่มีความสว่างลดลง, การทำงานของกระจกไฟฟ้าที่อยู่ๆ ก็ช้าลง ตลอดจนระบไฟฟ้าในรถที่มีความผิดปกติต่างๆ เกิดขึ้น

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาการที่เกิดจากระบบไฟฟ้าทั้งสิ้น และเราก็ควรที่จะตรวจสอบทันที ซึ่งในกรณีที่แบตเตอรี่มีปัญหาจะได้สามารถเปลี่ยนได้โดยทันที เพราะคุณคงไม่อยากที่ปล่อยให้ปัญหามาลามไปจนกระทั่งรถสตาร์ทไม่ติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลากลางคืน สำหรับคุณผู้หญิงด้วยล่ะก็

แบตเตอรี่เสื่อม