รีวิว : BRIDGESTONE ECOPIA EP200 และ BRIDGESTONE ECOPIA EP850 สัมผัสกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ทาง BRIDGESTONE มั่นใจว่าจะเกิดความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด

หลังจากเปิดตัว BRIDGESTONE ECOPIA EP200 และ BRIDGESTONE ECOPIA EP850 อย่างเป็นทางการ ณ สวนเบญจกิติในช่วงเช้า และภาคบ่ายเป็นการทดสอบยางอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ทาง BRIDGESTONE มั่นใจว่าจะเกิดความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างสูงสุด

 

ECOPIA EP200

โดยใช้ทางหลวงปกติในเส้นทางจาก สวนเบญจกิติ ไปถึง สนามทดสอบ Thai Bridgestone Proving Ground อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระยะทางประมาณ 80 กม. โดยเส้นทาง สภาพอากาศถูกวางไว้อย่างเหมาะสม เพราะสภาพถนนสามารถที่จะใช้ความเร็วสูง และยังมีร่องถนนที่ก่อให้เกิดเสียง พื้นผิวที่ขรุขระเล็กน้อย แถมสภาพอากาศในบางช่วงฝนตกหนักทำให้ผมสามารถซึมซับ คุณภาพของยาง “รักษ์โลก” ได้อย่างเต็มที่ รถคันที่ผมใช้ทดสอบเป็น TOYOTA Camry HYBIRD ซึ่งเปลี่ยนยางมาใช้ ECOPIA EP200 ความโดดเด่นของยางตระกูล ECOPIA จาก BRIDGESTONE นอกจากจะช่วยเรื่องของการประหยัดน้ำมันและลดอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนด์ไดออกไซด์ ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ของยางยุคใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลัก แต่ทาง BRIDGESTONE เอง ยังคำนึงถึงความปลอดภัยที่มากกว่าไม่ว่าจะเป็นระยะเบรกของรถที่สั้นลง การควบคุม และการเกาะถนนที่มีมากขึ้น อีกอย่างที่แถมมา คือ ความเงียบในการสัมผัสพื้นถนน

สัมผัสการรีดน้ำของดอกยาง ECOPIA EP200

ในช่วงแรกที่ผมได้สัมผัสกับ ECOPIA EP200 ผมใช้ทางด่วน Toll Way ดอนเมือง ในความเร็วประมาณ 150 – 160 กม./ชม. ถ้าจะเปรียบเทียบกับยางที่ติดรถมาจากโรงงาน สิ่งที่ผมสัมผัสได้คือ ความนิ่มนวลที่สัมผัสได้อย่างชัดเจน การทรงตัวในทางตรง การยึดเกาะถนนเวลาที่คุณเปลี่ยนเลนไปมาด้วยความเร็วสูง ถือว่าทำได้คล่องตัวขึ้นกว่ายางติดรถพอสมควร ยิ่งเวลาที่คุณ ผ่านร่องรอยต่อของถนนคุณจะทราบเลยว่า เสียงที่เกิดจากยาง ที่สะท้อนมาที่พวงมาลัยจะเบาลงกว่าเดิมมาก นั่นหมายถึงว่ายาง ECOPIA EP200 มีส่วนเข้ามาช่วยให้รถคุณนิ่มนวลขึ้น พอลงจากทางด่วนฝนเกิดตกหนักถือเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้สัมผัสการรีดน้ำของดอกยาง ECOPIA EP200 ซึ่งผมยังคงความเร็วอยู่ที่ประมาณ 150 กม./ชม. การขับขี่ของผมไม่ได้ต่างจากการขับบนถนนแห้งๆ มากนัก อาการแฉลบน้ำ เหินน้ำ เวลาที่คุณขับเหยียบบ่อน้ำเล็กๆ ซึ่งเป็นอันตรายมากถ้ายางคุณรีดน้ำได้ไม่ดี เนื่องจากเกิดการสะบัดของพวงมาลัย หากคุณกำลังเผลอ จับพวงมาลัยไม่แน่น อาจทำให้คุณชนขอบทางหรือตกถนนได้ แต่ ECOPIA EP200 เข้ามาช่วยลดอาการเหล่านั้นลงไปได้เยอะ ทำให้ความปลอดภัยในการขับขี่ถนนเปียกมีอยู่มากครับ

 

ทดสอบในเรื่องของความประหยัด

เมื่อมาถึงสนามทดสอบ Thai Bridgestone Proving Ground คราวนี้คงเป็นการทดสอบอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการนำเอาคุณสมบัติเด่นออกมาทีละอย่าง เริ่มต้นในสถานีแรกของ สนามทดสอบ Thai Bridgestone Proving Ground คือ ทดสอบในเรื่องของความประหยัดโดยใช้รถยนต์ TOYOTA Fortuner 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP850 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE และใช้ TOTOTA Altis 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP200 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE โดยวิธีการจะดูว่ายางรุ่นใหม่นี้จะประหยัดน้ำมันกว่ายางรุ่นเก่าได้อย่างไร ก็ต้องดูจากระยะการไหลว่าใครไหลได้ไกลกว่ากัน จึงให้รถทั้ง 4 คันขับมาด้วยความเร็วคงที่ 50 กม./ชม. พอถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ก็ใส่เกียร์ว่าง ยกคันเร่งออก แล้วปล่อยให้ไหลไปเรื่อย จากการทดสอบนี้เห็นได้ชัดว่า ECOPIA EP850 และ EP200 สามารถไหลได้ไกลกว่ายางรุ่นเก่าประมาณ 50 เมตร ซึ่งถ้าคำนวนออกมาจะเห็น ECOPIA EP850 สามารถประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ 3.9 % ส่วน ECOPIA EP200 สามารถประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นได้ 8.1 % เลยทีเดียว

ระยะเบรกในถนนเปียก

มาในสถานีที่ 2 Wet Brake จะมาดูกันในเรื่องของระยะเบรกในถนนเปียก ซึ่งยางประหยัดน้ำมันส่วนใหญ่มักจะมีระยะเบรกที่ไกลกว่ายางทั่วไป ทาง BRIDGESTONE จึงต้องทำการพิสูจน์ด้วยการใช้รถยนต์ TOYOTA Fortuner 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP850 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE และใช้ HONDA Civic 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP200 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE วิ่งด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. แล้วกดเบรกอย่างเต็มแรง จากบทพิสูจน์นี้เห็นได้ชัดเจนว่า ECOPIA EP850 และ EP200 สามารถทำระยะเบรกได้ดีกว่ายางรุ่นเดิมประมาณ 4-6 เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ

ทดสอบการควบคุมรถในสภาพถนนเปียก

มาในสถานีที่ 3 Wet Handling เป็นการทดสอบการควบคุมรถในสภาพถนนเปียก ซึ่งใช้รถยนต์ TOYOTA Fortuner 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP850 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE การขับในโค้งรูปแบบต่างๆ เพื่อลองสมรรถนะการควบคุมรถ จากที่ได้ทดสอบจะสัมผัสได้ว่าความคล่องตัว ECOPIA EP850 ทำได้ดีกว่า การควบคุมรถในการเลี้ยวในความเร็วเดียวกันกับยางตัวเก่า ECOPIA EP850 ทำได้ดีกว่ามาก เรื่องการรีดน้ำเวลาที่เหยียบร่องน้ำ การลื่นไถลมีน้อย รู้สึกได้ถึงความปลอดภัยบนถนนเปียกได้อย่างชัดเจน
มาในสถานีที่ 4 ยังคงเป็นถนนเปียกอยู่ โดยใช้รถยนต์ HONDA Civic 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP200 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE ขับในลักษณะ Skidpad ซึ่งจะวิ่งบนถนนเปียกเป็นวงกลมในความเร็วคงที่ประมาณ 60 กม./ชม. สังเกตได้ว่ายางรุ่นเก่าจะเกิดอาการลื่นไถลตลอดเวลาที่เข้าโค้งเป็นลักษณะวงกลม ทำให้ต้องใช้ทักษะในการแก้อาการรถตลอดเวลา ต่างจาก ECOPIA EP200 ที่ขับแบบสบายๆ เพราะอาการลื่นไถลไม่เกิดขึ้น แค่ควบคุมพวงมาลัยให้เลี้ยวเป็นวงกลม คุมคันเร่งให้คงที่ ก็สามารถควบคุมรถได้ไม่อยากไม่ต้องอาศัยทักษะการขับขี่มากมายนัก เพราะการรีดน้ำของดอกยาง ECOPIA EP200 เข้ามาช่วยให้คุณควบคุมรถได้ง่ายขึ้น

ทดสอบสมถรรนะการควบคุมบนถนนแห้ง

สุดท้ายสถานี Dry Safety เป็นการทดสอบสมถรรนะการควบคุมบนถนนแห้ง โดยอาศัยการขับขี่แบบยิมคาน่าที่มีการตั้งลักษณะสลาลอม โค้งรูปแบบต่างๆ และจบด้วยการเบรกแบบกะทันหัน โดยใช้รถยนต์ HONDA Civic 2 คัน คันแรกใส่ยาง ECOPIA EP200 อีกคันใส่ยางรุ่นเก่าของ ฺBRIDGESTONE เมื่อทดสอบรถทั้ง 2 คัน จะเห็นข้อแตกต่างในการควบคุมเมื่อใช้ความเร็วสูง ในการเข้าโค้งกว้างๆ ยางรุ่นเก่าจะมีอาการหน้าดื้อโค้งอยู่บ้างทำให้เราต้องยกคันเร่งในการเข้าโค้ง ต่างกันกับ ECOPIA EP200 ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องยกคันเร่งในการเข้าโค้งแล้ว ยังสามารถจะเพิ่มความเร็วเข้าไปอีกได้เล็กน้อยในการเข้าโค้ง ส่วนระยะการเบรกสามารถทำได้สั้นกว่ายางตัวเก่าได้พอสมควรครับ
หลังจากผ่านบททดสอบมาอย่างหนักหน่วง BRIDGESTON ECOPIA EP850 และ EP200 สามารถตอบโจทย์ได้ดีหลายๆ เรื่องทั้งความประหยัดที่เหนือกว่า การควบคุมที่ดีกว่าทั้งทางเปียกและแห้ง ระยะเบรกที่สั้นลงทั้งพื้นเปียกและแห้ง เสียงที่สะท้อนจากการสัมผัสระหว่างยางกับพื้นถนนลดลงด้วย ที่สำคัญยังให้ความนิ่มนวลที่มากกว่าเดิม ตอบโจทย์มากมายขนาดนี้ “ผู้บริโภครักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างคุณ” คงต้องเก็บเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ในการเปลี่ยนยางครั้งต่อไปแล้วล่ะครับ

สุดท้ายขอบคุณบริษัท บริดจสโตนเซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ iAMCAR ได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ อย่างนี้ครับ


บทความแนะนำ

บริดจสโตน ( Bridgestone ) ก้าวสู่ระดับโลกพร้อมประกาศเป็นผู้สนับสนุน โอลิมปิก อย่างเป็นทางการ

บริดจสโตนจับรางวัลผู้โชคดีรอบสองจากแคมเปญ “แจกรถ แจกทอง ฉลองยกก๊วน”