รีวิว “ขับ” Ford Everest ตัวท็อป “จิบกาแฟ” แวะ “ไหว้พระ” และ “พาลุยน้ำ” พิสูจน์สมรรถนะแบบจัดหนักที่ “นครนายก”

ใช่ว่าจะไม่เคย “ขี่” มาก่อน เพราะ Ford Everest ก็ไม่ใช่รถใหม่อะไรในตลาด แต่ประเด็นหลักๆ ก็คือ เพียงแค่เราอยาก “แก้คัน” เบาๆ เกี่ยวกับความสามารถอีกอย่างที่ไม่เคยได้ “ลองของ” สักครั้ง อย่างการ “ลุยน้ำ” ที่เค้าเคลมกันว่า Ford Everest “ราคา” 1,749,000 บาท ลุยได้ถึงระดับ 800 มม. น่ะ “ทำได้จริงหรือไม่” ก็แค่นั้น

 

Comment by หนุงหนิง … สวิงแรง

Ford Everestในยุคที่รถปิคอัพเมืองไทยรุ่นท็อปๆ ทำตลาดด้วยราคา “ปริ่ม” ล้าน การที่รถอเนกประสงค์จะราคาโดดข้ามไปล้านกว่าๆ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะกับ Ford Everest รุ่นท็อปที่มากับความ “ครบเครื่อง” ทั้งออพชั่นจากเทคโนโลยีล้ำๆ ตามด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามขึ้น และสมรรถนะที่เกินหน้า เกินตาด้วยเครื่องยนต์บล็อคใหญ่สุดในตลาด ฉะนั้นเลยจะไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะเห็นวิ่งกันให้เกลื่อนบนท้องถนน

 

แต่เรากลับเห็นเจ้านี่บนท้องถนนน้อยซะเหลือเกิน จนเกิด “คำถาม” ว่า “ทำไม” ซึ่งเท่าที่เราคิดได้ก็น่าจะเกิดขึ้นจาก 2 ส่วนหลักๆ โดยข้อแรกเราเดาว่าเริ่มจากภาพลักษณ์แบรนด์ Ford ที่เราคงไม่ต้องเล่าให้ฟังหรอกมั้งว่าเรื่องอะไร ส่วนข้อต่อมา คือ เรื่องของพฤติกรรมผู้รถเมืองไทยที่แต่ละหลายไม่ได้ใช้รถกันเพียงแค่ 5-6 ปีเปลี่ยนคัน แต่ “ลากใช้” กันทีก็ยาวๆ เพราะงั้นในเรื่องของ “ราคา” ในการบำรุงรักษาหลังหมดระยะการรับประกัน

 

โดยเฉูพาะเทคโนโลยีล้ำสม่ัยต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้ต่างหาก ที่คาดเดาเอาแล้วว่่าจะ “ไม่น้อย” แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหาสำหรับคนที่กล้าควักเงินซื้อรถราคา “1,749,000 บาท” แต่สิ่งสำคัญเลยก็คือการมี “ประเด็นแรก” เข้ามาเกี่ยวข้อง ทีนี้ล่ะครับเลยทำให้เราเดาว่าคงกลายเป็น “ความกลัว” อย่างแรง สำหรับผู้บริโภคชาวไทยเลยทีเดียว ทั้งในเรื่องของ “แบรนด์ แล้วก็ตัวโปรดักส์”

 

มุ่งหน้า “นครนายก” ด้วย Ford Everest ตัวท็อป รถอเนกประสงค์ชั้นเยี่ยม

ด้วยความเป็นรุ่นท็อปสุด เพราะงั้นเรื่องออพชั่นคงไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เนื่องจากสามารถเปิด “ส่อง” กันได้ตามอำเภอใจจาก www.ford.co.th ฉะนั้นในเรื่องของ “สมรรถนะ” จึงเป็นประเด็นสำคัญที่เราสนใจเหนืออื่นใด เพราะนี่คือเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ TDCi แบบ 5 สูบ

 

Ford Everest

 

      ซึ่งมีเรี่ยวแรงจากโรงงานอยู่ 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ พร้อมระบบ i4WD Terrian Management System สำหรับการปรับโหมดขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับทุกสภาพถนน โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติของ Ford Everst จะทำงานแบบแปรผันไปตามสภาพถนน และสภาวะการขับขี่ ซึ่งเราไม่ต้องไปยุ่งเลย เรียกง่ายๆ ว่า “ขับไปเถอะ” เดี๋ยวระบบมัน “ทำงานเอง”

 

       ตั้งแต่ออกสตาร์ทการเดินทางจากในเมือง สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นเลยก็คือ “ความสบาย” ในการขับขี่ แม้จะเป็นรถอเนกประสงค์คันใหญ่ ที่อาจจะ “ไม่ชิน” กับขนาดของตัวรถอยู่บ้าง แต่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถปรับตัวให้เข้ากันได้ และสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว ด้วยสิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเกิดจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ Position ของตำแหน่งเบาะนั่งที่แม้จะปรับให้ต่ำสุดก็ยังคงอยูในตำแหน่งที่สูง ทำให้มองเห็นทัศนวิสัยเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยให้เกิดความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย

 

Ford Everest

 

ในขณะที่อีกส่วนก็คือ “การตอบสนอง” ทั้งจากพละกำลังที่มีแรงบิดในรอบต่ำพอเหมาะกับการลากน้ำหนักตัวถัง ประกอบกับระบบพวงมาลัยใหม่ที่เค้าเปลี่ยนเป็น “เพาเวอร์ไฟฟ้า” มาให้ ฉะนั้นมันจึงมีความคล่องตัวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการใช้งานในเมือง ส่วนนอกเมืองก็ให้ความมั่นใจได้ดีกับการแปรผันน้ำหนักตามความเร็ว ซึ่งช่วยให้เกิดความกระชับ ทำให้การเดินทางในครั้งนี้เต็มไปด้วย “ความสบาย” อย่างแท้จริง

 

พักเบรกด้วยการ “ไหว้พระวัดดัง” แล้วนั่ง “ร้านกาแฟ” จิบเบาๆ เติมพลัง

อย่างที่บอกล่ะครับว่าจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ “การลุยน้ำ” ที่ “คลองมะเดื่อ” จังหวัดนครนายก แต่… จะให้ดุ่ยๆ ไปลุยน้ำอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ไหนๆ มาทั้งทีงานนี้ “ต้องแวะ” เพราะที่จังหวัดแห่งนี้มี วัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ชื่อ “วัดพราหมณี” ซึ่งมี พระประธานศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นที่เคารพนับถือกันอย่างกว้างขวาง คือ “หลวงพ่อปากแดง” อยู่นั่นเอง ฉะนั้นแวะไหว้พระขอพร และ “เลขเด็ด” ซักนิด ตามด้วย “ลงทุน” ซักหน่อย เผื่อถูกมาจะได้สอย Ford Everest ไว้ขี่ซักคัน

 

Ford Everest

 

ส่วนทางไปสักการะหลวงพ่อปากแดงนั้นก็ไม่ยาก เพราะทางเข้าวัดอยู่ติดถนน พร้อมซุ้มประตูทางเข้าที่โดดเด่น ใกล้กับตลาดโรงเกลือ นครนายก พอเลี้ยวขวาเข้ามาปุ๊บทางมันก็จะแคบหน่อยๆ แต่ก็ยังไปได้สบายๆ ตามป้ายบอกทางที่จอดรถ ซึ่งหลังจากทำภารกิจสายบุญตามคอนเซ็ปต์ “ไปรถพี่มีแต่เฮง” แล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อ

 

 

แต่…ดูท่าจะยังไม่ถึงง่ายๆ ซะแล้ว เพราะละแวกนี้เรียกได้ว่า “น่าเที่ยว” เลยทีเดียว มีร้านกาแฟดีไซน์เก๋ๆ น้อยใหญ่ตั้งเรียงรายเต็ม 2 ข้างทาง จนเรามาสะดุดตากับร้านกาแฟแห่งหนึ่งชื่อว่า Khonyok Sheep Farm ดีไซน์น่ารักๆ ดึงดูดความน่าสนใจ ซึ่งจนกว่าเราจะรู้ตัวก็ยืนเกาะเคาเตอร์สั่งกาแฟกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ปิดท้ายโปรแกรมด้วยการ “ลุยน้ำ” เพื่อพิชิตภารกิจเป้าหมาย

หลังจาก “Chill” กันเต็มเหนี่ยวทั้งไหว้พระ และพักจิบกาแฟ ก็ถึงเวลาแล้วล่ะครับกับการทำสิ่งที่ “ตั้งใจไว้” ในการพิสูจน์ว่า Ford Everest “ลุยน้ำ” ได้จริงมั้ย…!!! ฉะนั้นเราจะเดินหน้าต่อไปสู่ “คลองมะเดื่อ” สถานที่ร่มรื่นท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งการ “ลุยน้ำ” ต้องเดินทางผ่านถนนที่แคบลงเรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นสุดถนนลาดยาง

 

ในขณะที่สภาพถนนก็เป็นถนนดินแดงผ่านการชโลมด้วยน้ำฝนเป็นที่เรียบร้อย เพราะงั้นมันจึงค่อนข้างแฉะ และเต็มไปด้วยหลุมบ่อที่มีน้ำขังตลอดทาง ทำให้ต้องเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ กันไปอย่างต่อเนื่องพักใหญ่ๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าล้อขนาด 20 นิ้ว ไม่ใช่ปัญหาในการเดินทางแม้แต่น้อย เพียงแต่ใจเย็นๆ ค่อยๆ ไปจะดีกว่า

 

Ford Everest

 

ซึ่งเราก็ใจเย็นมากพอที่จะเดินทางด้วยความเร็วราว 20 กม./ชม. ผ่านเส้นทางธรรมชาติ จนกระทั่งถึงลานกว้างให้จอด “ทำใจ” เพราะเบื้องหน้า คือ “ลำธารสายน้อย” ที่พาดผ่านเป็นด่านแรก ซึ่งประเมินแล้วเราจึงตัดสินใจ “ข้ามไป” แบบสบายๆ โดยไม่ใช้โหมดอะไรเป็นตัวช่วยเลย แต่…ดูเหมือนเราลืมอะไรไปอย่าง สิ่งนั้นก็คือ “ลืมถาม” เจ้าหน้าที่ประจำจุดนั้นว่า มีความ “ปลอดภัย” หรือไม่ เลยทำให้เราต้อง “ข้ามกลับ” มาอีกครั้ง เพื่อ “ถาม” เจ้าหน้าที่ก่อน จากนั้นจึง “ข้ามกลับ” เข้าไปอีกครั้ง

 

โดยรอบนี้เราเพิ่มความมั่นใจด้วยการใส่ระบบ Diff Lock และเปลี่ยนเป็นโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ 4L และคำตอบที่ได้ก็คือ “ความมั่นใจ” ที่เพิ่มขึ้นในการขับขี่ผ่าน “ร่องน้ำลึก” ชนิดที่เรามั่นใจว่าน่าจะราวๆ 800 มม. แน่นอน และมันคงจะเป็นไปไม่ได้ถ้า ไม่ใช่จากการออกแบบที่กำหนดระยะความสูงใต้ท้องรถไว้ที่ 225 มม. รวมถึงมุมไต่ด้านหน้า 29 องศา, มุมจาก 25 องศา และมุมคร่อมอีก 21 องศา ที่ช่วยให้เรา “ไต่ลง” และ “ไต่ขึ้น” จากร่องน้ำได้อย่างไม่มีปัญหา

 

Ford Everest

 

ทั้งยังทำให้เรามั่นใจได้ว่า Everest เป็นรถที่ “แจ๋ว” พอ ในเรื่องของสมรรถนะ โดยเฉพาะกับความสามารถในการ “ลุยน้ำ” ที่เราสงสัยกันมานานว่าทำได้ “จริงหรือไม่”ฉะนั้นหลังจากที่ได้พิสูจน์แล้ว เราบอกได้เลยว่า “โอเค” เลยครับ “น่าประทับใจ” ทั้งใช้งานปกติในเมือง ทั้งเดินทางท่องเที่ยวในเมือง หรือถ้าแถวบ้านจะน้ำท่วมบ่อยๆ ล่ะก็ ไว้ใจ Ford Everest ได้เลยครับว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

 

ราคารถใหม่ Ford Everest

Ford Everest รุ่น 3.2L Titanium+ 4×4 A/T ราคา 1,749,000 บาท

 


บทความแนะนำ

Ford  Ranger รถกระบะพันธุ์แกร่งผสานกับเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายครบครัน

ขับ Ford  Eco Sport ชิมของเด็ด บ้านขนมจีนน้ำยาปู ย่าน ลาดปลาเค้า ทั้งสด ทั้งแน่น ทั้งเข้ม ทั้งข้น

ฟอร์ดเฉลิมฉลองศตวรรษแห่งการสร้างประวัติศาสตร์รถกระบะ :: Ford Celebrating a Century of Truck