ไม่เปิด ไฟหน้า ผิดที่ Daytime Running Light หรือผิดที่ใคร

หลายครั้งหลายหนที่เราๆ ท่านๆ ขับรถตามหลังคันข้างหน้ายามค่ำคืน แล้วชวนให้สงสัยว่า ทำไมเค้าไม่เปิด ไฟท้าย แล้วอย่างนี้เค้าจะมองทางข้างหน้าเห็นเหรอ เค้าไม่กลัวอันตรายเหรอ ความสงสัยเหล่านี้ล้วนแล้วมีที่มาด้วยกันทั้งนั้น เชื่อหรือไม่ว่า หนึ่งในจำเลยของเรื่องนี้มีคนชี้เป้าว่า Daytime Running Light นั้นเป็นตัวการสำคัญ

ก่อนที่เราจะร่วมกันไปหาข้อสรุปว่า Daytime Running light หรือ DRL เป็นจำเลยในเรื่องนี้หรือไม่นั้น อยากย้อนให้เห็นพฤติกรรมเริ่มต้นของผู้ขับขี่ตั้งแต่สมัยยังไม่มี DRL ใช้ กระทั่งมีใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

 

  • แต่ก่อนแต่ไรย้อนไปสัก 30 ปีก็พอ คนไทยยังไม่รู้จัก ไฟตอนกลางวัน หรือ DRL กันเลย
  • เวลาที่ ไฟหน้า หมายถึงว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คนขับมองทางข้างหน้าไม่เห็น จึงเปิดสวิทช์ไฟหน้า

  • ต่อมาจึงมีวิวัฒนาการ ไฟหน้าอัตโนมัติ ซึ่งมีให้ในรถราคาสูงหน่อย โดยมีเซนเซอร์วัดแสงฝังไว้แถวคอนโซล
  • สืบเนื่องจากข้อด้านบน ในยุค 90 เริ่มมีมาตรวัดที่เรียกว่า ไมล์หน้ามืด ให้เห็น ซึ่งยุคก่อนนี้ จอไมล์ หรือมาตรวัด จะมีไฟเรืองแสงติดขึ้นเมื่อเราเปิดสวิทช์ไฟหรี่ (ต่อเนื่องไปถึงไฟหน้าเท่านั้น)
  • ในช่วง 90 ไมล์หน้ามืดเริ่มมีให้เห็น และนับเป็นออปชั่นดูแพง (ในยุคนั้น) ซึ่งไฟเรืองแสงที่จอไมล์จะติดตลอดเวลา ทันทีที่เราบดสวิทช์กุญแจ และสตาร์ท ฉะนั้นการเรืองแสงที่มาตรวัด จะไม่ถูกโยงใยมาจากสวิทช์ไฟหน้าอีกแล้ว
  • ความแพร่หลายของไมล์หน้ามืด ถูกส่งผ่านจนเกือบเป็นเรื่องปกติของรถในทศวรรษถัดมา หมายความว่า หน้าจอมาตรวัดมีทั้งมืดบ้างไม่มืดบ้าง แต่ไฟที่เรืองแสงบนมาตรวัด ไม่ถูกยึดโยงกับสวิทช์ไฟหน้าอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นสตาร์ทรถเมื่อไหร่ ไฟเรืองแสงมาตรวัดติดด้วยเลย

  • พอเข้าสู่ช่วงปลายยุคปี 2000 ไฟส่องสว่างกลางวัน หรือ DRL เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่คนใช้รถบ้านเรา เป็นการรับเอาออปชั่นนี้มาใช้ เนื่องจากกฎหมายในต่างประเทศบังคับว่าต้องมี เพื่อความปลอดภัยเป็นที่สังเกตได้ในตอนกลางวัน
  • ความนิยมใน DRL เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยเป็นอย่างมาก รถใครที่ไม่มีก็พยายามหามาใส่ ยิ่ง DRL พัฒนามาเรื่อยทั้งการดีไซน์ การส่องสว่าง จนทุกวันนี้แทบจะทุกคัน มีความใกล้เคียงกับไฟหน้าในเรื่องของการส่องสว่าง
  • พอมีความสว่างที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าไฟหน้า คราวนี้เลยนำพาให้ ใครบางคน ลืมเปิดไฟหน้าไปด้วย เพราะบางครั้งคนขับ พอจะมองเห็นทางข้างหน้าตอนขับขี่ ไหนจะมาตรวัดที่แพรวพราวสว่างไสวประกอบกันอีก งานนี้สงสัยเข้าไปใหญ่ว่า รถใหม่ๆ แต่ไฟขาดง่ายจัง ยิ่งไฟท้ายพาลไม่ติดด้วยส่งผลให้สุ่มเสี่ยงเกิดอันตรายกับเพื่อนร่วมทางด้วย

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ ก็เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณากันเอาเองว่า การไม่เปิดไฟหน้า เป็นความบกพร่องของใคร DRL หรือ ผู้ขับขี่ กันแน่ แต่ถ้าถามผู้เขียนแล้วไซร้ บอกได้คำเดียวว่า เมื่อต้องเป็นผู้ขับขี่ สมาธิ สติต้องมีให้ครบยามอยู่หลังพวงมาลัย สังเกตไม่ยากให้ดูที่ไฟเรืองแสงของสวิทช์ต่างๆ ติดด้วยไหม ยิ่งถ้ามีออปชั่นไฟหน้าอัตโนมัติยิ่งดี ตั้งไว้ในตำแหน่งออโต้เลย

แท็กฮิต : , ,