Ferrari Portofino 2018 ทายาทใหม่ในฐานะตัวแทน California T ส่วนเศรษฐีเมืองไทยน่ะมีขับแน่ แค่รอ Cavallino Motors Thailand

โพสต์เมื่อ 30th สิงหาคม 2017 หมวดหมู่: รถใหม่ต่างประเทศ โดย Poyee Poyee

Ferrari Portofino ยนตรกรรมตัวใหม่จากค่ายม้าลำพอง ในตระกูลเครื่องยนต์แบบ V8 GT ที่ยังคงรักษาความสปอร์ต ความสง่างาม ความหรูหรา และความสะดวกสบาย ตามมาตรฐานของแบรนด์ Ferrari ผสมผสานด้วยเทคโนโลยีที่นำพาสู่สมรรถนะชั้นยอด การันตีด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.5 วินาที

Ferrari Portofino สปอร์ตตัวใหม่แบบ Retractable Hard Top

ม้าลำพอง Portofino มากับความหล่อเหลาจาก Ferrari Design Centre ที่ยึดหลักดีไซน์บนพื้นฐานโครงสร้างสไตล์ Two-Box Fastback ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในการออกแบบรถ Coupé หรือ Convertible ที่มากับหลังคาเปิดประทุนแบบ Retractable Hard Top โดยมีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,586 มม. ความกว้าง 1,938 มม. และความสูงที่ 1,318 มม.

เสริมด้วยการปรับแต่งทางด้านอากาศพลศาสตร์ เช่น ด้านหน้าที่มากับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ รับกับเส้นสายที่เฉียบคม ตามด้วยการติดตั้งชุดไฟหน้าใหม่แบบ Full-LED โดยมีการเจาะช่องดักอากาศบริเวณข้างโคมไฟด้านนอก และในส่วนของหลังซุ้มล้อหน้า เพื่อช่วยลดแรงฉุดจากกระแสลม ในขณะที่ด้านหลังมีการออกแบบชุดไฟท้ายใหม่ให้ดูสปอร์ตมากขึ้น รับกับหลังคาเปิดประทุน RHT แบบ Lightweight ที่สามารถเปิด-ปิดได้ขณะใช้ความเร็วต่ำ

ยกระดับสมรรถนะ Portofino ด้วยขุมพลัง V8 อัพเกรดใหม่

เครื่องยนต์ของ Portofino วางทำมุม 90 องศา และสมดุลย์หน้า-หลังอยู่ที่ 46-54% โดยใช้เครื่องยนต์แบบ V8 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged มีความจุสุทธิอยู่ที่ 3,855 ซีซี ซึ่งปรับแต่งขึ้นใหม่ เช่น ในส่วนของลูกสูบ และระบบท่อทางเดินหายใจทั้งไอดี และไอเสีย เพื่อลดอาการ Turbo Lag ให้เป็นศูนย์ ตามด้วยการติดตั้งระบบ Variable Boost Management มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อให้สามารถส่งผ่านแรงบิดได้อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมในทุกตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด Dual- Cluth

โดยเรี่ยวแรงที่มีมาให้ใช้นั้นอยู่ที่ 600 แรงม้าที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดที่ 760 นิวตันเมตรที่ 3,000 – 5,250 รอบต่อนาที นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งฟังค์ชั่น E-Diff3 หรือระบบ Electronic Rear Differential เจนเนอเรชั่นที่ 3 ทำงานร่วมกับระบบ F1-Trac เพื่อจัดการปราบพยศให้ม้าลำพอง Portofino อยู่ภายใต้การควบคุม

โดยมีตัวช่วยสำคัญๆ เป็นแรงเสริม เช่น ระบบพวงมาลัย EPS (Electric Power Steering) ที่ปรับแต่งให้ตอบสนองได้ดีขึ้นอีกราว 7% รวมถึงระบบช่วงล่างแบบ Magnetorheological Damping System ที่อัพเกรดไปใช้สปริงแบบ Dual-Coil Technology เพื่อลดอาการโคลงของตัวถังให้น้อยลง และดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนได้ดี เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยทาง Ferrari ได้เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 3.5 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 320 กม./ชม.

สำหรับสาวกม้าลำพองเมืองไทย นั้นบอกได้เลยว่า “อดใจรอไม่นาน” เพราะเราเชื่อว่า Cavallino Motors Thailand ผู้นำเข้า Ferrari อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ย่าน ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ น่าจะไม่พลาดที่จะนำมาให้ “เศรษฐีเมืองไทย” ได้เชยชมกันแน่นอน