[bsa_pro_ad_space id=14]

Lamborghini Aventador SVJ … กระทิงโหด สายพันธ์ล่าสุด

จำนวนการผลิตที่มีเพียง 900 คัน และการการันตีด้วยเวลา 6:44.97 นาที บนระยะทาง 20.6 กม. ในสนาม Nürburgring-Nordschleife คือ เวลาต่อรอบในสนามที่โหดสุดๆ จากผลงานของ Lamborghini Aventador SVJ แต่ที่ “สุด” เหนือกว่านั้น คือ รุ่นพิเศษ Special Edition ที่ระลึกถึงการก่อตั้งแบรนด์ในปี 1963 กับรุ่น SVJ 63 ความ “สุด” แบบ Limited ที่เพิ่มจาก SVJ รุ่นมาตรฐาน และมีเพียง 63 คันเท่านั้น

Lamborghini Aventador SVJ “สมรรถนะ” ที่มาจาก“สนาม”

รูปลักษณ์ “ดุร้าย” ยังไม่ “โหด” เท่ากับ “สมรรถนะ” ซึ่งเวอร์ชั่น SVJ จัดมาให้เต็มคราบ จากพื้นฐานเครื่องยนต์แบบ V12 ที่อัพเกรดเพิ่มพลังสู่เรี่ยวแรงระดับ 770 แรงม้าที่ 8,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดที่สูงถึง 720 นิวตันเมตรที่ 6,750 รอบต่อนาที ในการแบกน้ำหนักตัวถังเพียง 1,525 กก. ภายใต้หน้าที่ส่งกำลังของชุดเกียร์ ISR – Independent Shifting Road 7 สปีดที่ได้รับการปรับแต่งขึ้นใหม่ สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่อัพเกรดความสามารถเพิ่มขึ้นอีก 3% ในการขับเคลื่อน

Lamborghini Aventador SVJ

ต่อเนื่องด้วยระบบช่วงล่างที่เซ็ทอัพขึ้นใหม่ เช่น การปรับความแข็งของเหล็กกันโคลงเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับ Aventador SV, ปรับแต่งโช๊คอัพ LMS- Lamborghini Magneto Rheological Suspension ใหม่เพิ่มขึ้น 15% เพื่อเน้นความเร้าใจบน “แทรค” รวมไปถึงการปรับแต่งระบบ “เลี้ยวล้อหลัง” LRS- Lamborghini Rear-Wheel Steering และระบบพวงมาลัย LDS- Lamborghini Dynamic Steering เพื่อยกระดับสมรรถนะการควบคุม และสร้างเสถียรภาพในทางโค้ง โดยมียางสมรรถนะสูงออกแบบพิเศษ Pirelli P Zero Corsa ทำหน้าที่รองรับความร้ายกาจ โดยมีออพชั่นเป็นยาง Pirelli P Zero Trofeo R ให้เลือก หากยังไม่สะใจพอ

Lamborghini Aventador SVJ

และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Aventador SVJ สร้างชื่อ ด้วยอัตราเร่งที่เกรี้ยวกราด ด้วยตัวเลขระดับ 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 2.8 วินาที ไต่ไปที่ 0-200 กม./ชม. เพียง 8.6 วินาที และทำ Top Speed สูงสุดได้ถึง 350 กม./ชม. ในขณะที่เดียวกันก็สามารถทำตัวเลขในการเบรกจาก 100-0 กม./ชม. ได้ในระยะทางเพียง 30 เมตรเท่านั้น

Aerodynamic Supremacy … ปัจจัยหลัก เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด

อักษรย่อ SVJ นั้นมาจากคำว่า Super Veloce Jota และมาพร้อมกับทุกรายละเอียดบนเรือนร่าง ที่ถูกสร้างสรรค์อย่าง “สุดขั้ว” ภายใต้หลักอากาศพลศาสตร์ที่เหนือชั้นกว่า Aventador S และรุ่น SV อันเป็นผลมาจากการปรับแต่งรูปลักษณ์ขึ้นใหม่ เช่น ชุดกันหน้าดีไซน์ใหม่ ที่เสริมด้วยครีบรีดอากาศ และช่องดักอากาศใหม่

ไปจนถึงประสิทธิภาพจากระบบ ALA หรือ Aerodinamica Lamborghini Attiva เวอร์ชั่นใหม่ 2.0 อันเป็นเทคโนโลนีด้านอากาศพลศาสตร์ที่ติดตั้งให้กับ Aventador Performante เพื่อสร้างศักยภาพแรงกดขั้นสูง High Down Force หรือการลดแรงเสียดทานอากาศในระดับต่ำสุด

ตามมาด้วยรายละเอียดต่าง เช่น Splitter ด้านหน้า, ช่องระบายอากาศที่ฝากระโปรงหน้า ที่สร้างแรงกด Downforce ได้สูงกว่ารุ่น SV ถึง 70% ต่อเนื่องด้วยด้านข้างที่ปรับช่องดักอากาศให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความ้อน ด้วยอากาศที่ส่งผ่านมาจากครีบรีดอากาศกันชนหน้า

รวมถึงแผงรีดอากาศใต้ท้องรถที่ออกแบบใหม่สไตล์ Aero Design เพื่อลำเลียงกระแสลมสู่ Diffuser ด้านหลังที่ออกแบบใหม่มีความ “โหด” มากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มแรงกด Downforce ได้เพิ่มมากขึ้นอีกถึง 30%

Lamborghini Aventador SVJ

เสริมความสะดุดตาด้วย Rear Wing ขนาดยักษ์ดีไซน์ใหม่ ที่จัดเรียงกระแสลมในส่วนของปีกด้านข้าง ทำให้ใช้ความเร็วสูงในทางโค้งได้ดี ซึ่งโดยรวมแล้วการปรับแต่งทั้งหมดได้ช่วยเพิ่มแรงกดได้มากกว่า 40% และลดแรงเสียดทานลง 1% เมื่อเทียบกับรุ่น Aventador SV

นอกจากนี้ในด้านหลังยังนำดีไซน์ของ Aventador Performante มาใช้ กับแนวทาง “เปลือย” แบบ Motorbike สมรรถนะสูง ที่มีข้อดีเรื่องน้ำหนักที่ลดลง พร้อมด้วยการสร้างจุดเด่นจากมุมมองด้านหลังที่ดู “โหด” มากขึ้น

ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยด์ใหม่แบบ Super-Light รุ่น “Nireo” ที่ทำจากวัสดุอลูมิเนียมออกแบบพิเศษสำหรับเวอร์ชั่น SVJ โดยเฉพาะ และมีออพชั่นที่หล่อกว่าให้เลือกเป็นลาย “Leirion”  ทำจากวัสดุอลูมิเนียมเช่นกัน

Lamborghini Aventador SVJ

 

[bsa_pro_ad_space id=15]
[bsa_pro_ad_space id=16]