รีวิว : All New XPANDER ที่เค้าว่าเป็น Crossover MPV 7 ที่นั่ง ก่อนเปิดตัวจาก Mitsubishi

ปาเจโร่ใหม่เหรอ? นี่คือคำถามแห่งความสงสัยของใครหลายคนที่เราได้จอดแวะพักระหว่างทางที่ทำการทดสอบ ด้วยกระแสความฮือฮามานับปีในอินโดนีเซีย และบัดนี้เจ้า All New XPANDER ได้มาอยู่ในมือเราแล้ว ก่อนที่ Mitsubishi จะทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ แม้ว่าตอนนี้รถทดสอบจะมาอยู่ในมือเราจากการที่มิตซูบิชิจัดกิจกรรม ให้ผู้สื่อข่าวได้ทดสอบกันทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ แต่สำหรับเรื่อง ราคา นั้นยังคงต้องรอเดือนหน้า ซึ่งคาดว่าน่าจะดู๋ดี๋กับรถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน

เราเป็นผู้สื่อข่าวกลุ่มแรกที่ได้ทำการทดสอบเจ้า XPANDER ใหม่ บนคอนเซ็ปท์ที่ดูเหมือนว่า ขับ XPANDER จะไปไหนก็ได้ทั่วไทย เส้นทางจึงถูกวางตั้งแต่ เชียงราย – พะเยา – แพร่ – พิษณุโลก และมาสิ้นสุดที่ สุโขทัย ซึ่งเท่าที่สอบถามได้ความว่า เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่นี้ จะมีวางจำหน่ายในประเทศไทยด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ GT (รุ่นท้อป) และรุ่น GLS-LTD

ขนาดตัวถังกำลังเหมาะ

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_07

ไฟหน้าตรงที่เห็นเป็นสีส้ม ส่วนไฟหรี่จะอยู่ด้านบน

จากความที่เห็นแต่บนจอคอม และมือถือมานาน ยังคิดว่าเจ้าเอ็กซ์แพนเดอร์ จะมีขนาดที่ใหญ่โต แต่เมื่อได้ยลโฉมของจริง กลับมีขนาดที่ดูกำลังดี น่าจะใช้งานได้อย่างคล่องตัว แต่ให้ความโอ่อ่ากำลังเหมาะ ไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน ตัวโคมไฟจะอยู่ตรงกันชน ส่วนด้านล่างของโคมไฟหน้าเป็นที่อยู่ของไฟเลี้ยว สำหรับด้านบนตรงแนวกระจังหน้า เป็นที่อยู่ของไฟหรี่ ซึ่งจะเห็นเป็นแสงขาว โดยไม่มีไฟ Daytime Running Light มาให้ แต่ให้ไฟตัดหมอกทรงกลมตรงชายล่างมาแทน

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_16

ตรงนี้คือไฟหรี่ ต่อไปไม่แน่อาจจะเป็นไฟ drl ตอนไมเนอร์เชนจ์ก็ได้

ด้วยมิติตัวถังมีขนาดความยาว 4,475 มม.ความกว้าง 1,750 มม.และความสูงถึง 1,700 มม.ทีเดียว มีระยะฐานล้อ 2,775 มม.และที่สำคัญที่ถูกจำกัดความให้เป็น Crossover นั่นก็คือความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องมีขนาด 205 มม.นอกจากจะเป็นรถครอบครัวอเนกประสงค์แล้ว ยังเป็นรถที่มีความสามารถลุยไปได้ในพื้นที่ที่ไม่ราบเรียบนักอย่างไม่ต้องกลัวว่าตัวรถจะบาดเจ็บ

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_06

โดยมีน้ำหนักตัวที่ยังไม่บรรทุกอยู่ 1,290 กก.และมีความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 45 ลิตร สามารถเติมน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดได้ถึง E20 รวมทั้งยังให้ล้อแม็กและยาง Bridgestone Ecopia150 ที่คุ้นเคยกันดีในรถหลายรุ่นที่ออกจากโรงงาน แต่ขนาดไซส์ยางนี่สิ 205/55R16 ออกจะหาได้ยากสักหน่อย แต่เมื่อไหร่ที่ได้รับความนิยม ค่ายยางคงต้องมีผลิตมาแน่นอน

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_17

 

 

ภายใน xpander โอ่อ่ากำลังดี เบาะนั่ง 3 แถว ปรับได้ตามต้องการ

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_08

ขอข้ามรุ่น GLS-LTD ไปแล้วกัน เนื่องจากใช้ ผ้า เป็นวัสดุในการหุ้มเบาะ และรถทดสอบทั้งหมดที่มิตซูบิชิจัดให้คราวนี้ ก็เป็นรุ่นท้อป GT เบาะนั่งเป็นแบบหนังสีดำ รวมถึงภายในจะเป็นโทนสีดำทั้งหมด และจะมีแถบคาดสีเงินเพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ตนิดๆ ไม่ให้ดูดำขรึมทะมึนจนเกินไป

เบาะนั่งตอนหน้ายังเป็นแบบปรับมือ โดยฝั่งคนขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ ส่วนเบาะแถวกลาง หรือแถวสอง สามารถเลื่อนเดินหน้าถอยหลังได้ และพนักพิงยังปรับได้แบบ 60:40 สำหรับเบาะแถวสาม มี 2 ที่นั่ง หากไม่ค่อยใช้งานสามารถพับให้แบนราบ เพื่อเพิ่มเนื้อที่เก็บของได้ แต่หากใช้นั่งโดยสาร ถือว่ามีเนื้อที่พอสำหรับคนตัวสูงราว 170 ซม.นั่งได้แบบไม่อึดอัดนัก

ความสะดวกสบายดูจะให้ความใส่ใจมากทีเดียว เช่นที่วางแก้วตรงกลางคอนโซล รวมถึงตรงแผงประตูก็ยังมีช่องใส่ขวดน้ำอีกหลายช่อง ที่สำคัญแม้จะไม่มีช่องต่อ USB เพื่อเข้าถึงแหล่งชาร์จไฟแยก (ที่วิทยุสามารถต่อช่อง USB ได้) แต่เจ้าเอ็กซ์แพนเดอร์กลับไม่ลืมความจำเป็นของคนยุคนี้ โดยให้จุดชาร์จไฟถึง 3 จุด หน้า-กลาง-หลัง รวมถึงกล่องเก็บสัมภาระบริเวณใต้เบาะผู้โดยสารตอนหน้า และช่องเก็บของด้านท้าย ซึ่งอาจจะเก็บรองเท้าหรือของจุกจิก

ซึ่งหากสังเกตจะเห็นว่า ทำไมเจ้าเอ็กซ์แพนเดอร์ถึงมีเนื้อที่ภายในเยอะมาก เป็นเพราะว่า ยางอะไหล่ ถูกนำไปติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ จึงทำให้จัดวางเนื้อที่ได้อย่างอเนกประสงค์

กระจกบานหน้ามีความหนากว่าปกติ รวมถึงกระจกบานอื่นด้วย และยังติดตั้งวัสดุซับเสียงรอบคัน สำหรับระบบแอร์ ใช้งานง่าย โดยมีลักษณะเป็นแบบลูกบิด ด้านซ้ายปรับทิศทางลม กลางปรับความแรงลม และขวาปรับอุณหภูมิ โดยไม่มีฟังก์ชั่น auto ให้ใช้งาน

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_10

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_11

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_09

 

หน้าจอสัมผัส 6.2 นิ้ว

เหนือช่องแอร์ตรงกึ่งกลางคอนโซลเป็นที่อยู่ของจอมอนิเตอร์ ระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว รองรับความบันเทิงอาทิ วิทยุ ซีดี MP3 USB และที่มากไปกว่านั้น ยังติดตั้งกล้องมองหลังขณะถอยมาให้อีกด้วย ซึ่งระบบควบคุมเครื่องเสียง สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายจากบนก้านของพวงมาลัย โดยไม่ต้องละมือเพื่อเอื้อมไปสัมผัสหน้าจอ

มาตรวัดบนแผงหน้าปัด ยังแฝงลูกเล่นภาพกราฟฟิกเป็นรถหมุนขณะสตาร์ท มาพร้อมฟังก์ชั่นครบครัน ทั้งอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย ระยะที่วิ่งได้จากปริมาณเชื้อเพลิงที่เหลือ รวมถึงลูกเล่น eco ว่าได้ใบไม้กี่ใบจากการขับขี่

 

เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

Mitsubishi XPANDER ใช้เครื่องยนต์ขนาดกำลังดี 1.5 ลิตร รหัส 4A91 แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรก ด้านหน้าแบบดิสก์เบรก ส่วนด้านหลังแบบดรัมเบรก

 

บทสรุปจากการทดลองขับ

ความกว้างและความสูงของเนื้อที่ภายในห้องโดยสาร จัดว่าออกแบบมารองรับคนตัวสูงระดับ 175-180 สบายๆ เว้นแต่คนตัวใหญ่ที่เกินขนาดไซส์เสื้อ XXXL อันนี้คงต้องมองหารถคันใหญ่กว่านี้ เบาะนั่งแถวสองถ้านั่งสัก 2 คนน่าจะกำลังสวย ชอบตรงที่ปรับเลื่อนตัวเบาะได้ อีกจุดคือการเก็บเสียงที่ต้องยอมรับว่า งานนี้มิตซูบิชิ ทำได้น่าทึ่งไม่น้อย เพราะขนาดความเร็วเกิน 120 กม./ชม.ยังเก็บเสียงได้อย่างประทับใจ ทั้งเสียงลม และเสียงเครื่องยนต์ ที่ยังไม่เขย่าโสตประสาทให้รู้สึกรำคาญ

พวงมาลัยถือเป็นอีกจุดที่สร้างความรู้สึกหลงใหล แม้จะไม่คมเว่อร์ แต่ก็ไม่ตอบสนองช้า ให้ความแม่นยำแบบพอดีๆ โดยน้ำหนักของพวงมาลัยเวลาหมุนให้ความรู้สึกตึงมือนิดๆ เมื่อบวกกับช่วงล่างที่เซ็ตมาลงตัวเอามากๆ ทีเดียว ไม่นิ่มย้วย และไม่แข็งกระด้าง แต่กลับกระชับ ผ่อนคลายกว่าที่คาดคิดเอาไว้แต่แรก ทำให้ขับง่าย ควบคุมง่าย คล่องมือไม่ต่างจากรถยนต์ไซส์เล็กในขนาดเครื่องยนต์เท่ากัน ยิ่งตอนที่ทีมงานพาเข้าทางลูกรัง ดินแดงๆ นี่ ช่วงล่างสำแดงประสิทธิภาพได้ชัดเจน เก็บอาการกระเด้งกระดอนได้อยู่หมัด

xpander_mitsubishi_testdrive_g1_05

ตอนแรกคิดไว้ว่าเครื่องยนต์ขนาดนี้จะเอาอยู่ไหม กับตัวถังขนาดนี้ แต่เมื่อเข้าเกียร์ D เดินคันเร่ง กลับสร้างความชอบใจ(อีกแล้ว) เพราะตั้งแต่เริ่มกดคันเร่ง ตัวรถก็พร้อมทะยานไปข้างหน้าตามเท้าสั่ง เป็นไปได้ว่านี่เป็นการเซ็ตอัพเครื่องยนต์กับเกียร์ ได้เหมาะสมเอามากๆ ตอบสนองต่อการสั่งงานทันอกทันใจ อาจจะมีอั้นๆ บ้างเมื่อเร่งเครื่องเกิน 4,000 รอบขึ้นไป การเปลี่ยนเกียร์ทำได้เนียนมาก ไม่ว่าจะเร่งตั้งแต่เกียร์ 1 ตะกายไปจนถึงเกียร์ 4 ก็แทบไม่รู้สึกถึงอาการเปลี่ยนเกียร์

แม้จะได้ลองขับไปแล้ว แต่ในส่วนของราคายังคงต้องรอเดือนหน้า ถึงจะรู้ แต่จากการคาดเดากันในวงสื่อมวลชน คะเนว่าน่าอยู่แถวๆ 7 แสนกว่า กับ 8 แสนกว่า แต่เอาเป็นว่า หลังจากขับแล้วผู้เขียน ยกให้เจ้า XPANDER เป็นรถขนาด 1.5 ลิตรที่เด่นในเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ทั้งในเซ็กเม้นท์ MPV ของตัวเอง และในขนาด 1.5 ของเซ็กเม้นท์อื่นด้วย

 

https://www.facebook.com/iamcar.fc/videos/10155960429943621/?t=18

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Mitsubishi

แท็กฮิต : , , , , , ,