รีวิว : สุดมันส์กับภารกิจควง “สาวเซ็กซี่” … BMW Z4 M40i (G29) เจนล่าสุด ค่าตัว 4.999 ล้าน (VDO Clip)

นอกจากสายแรงอย่าง BMW M แล้ว ก็มี BMW ตระกูล Z Series นี่แหละ ที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง “เป้าหมาย” ซึ่งเหล่า Bimmer อยากมีไว้ครอบครอง เพราะถึงแม้ “สมรรถนะ” จะไม่ร้ายกาจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ “สรีระ” เร้าใจดุจสาวเซ็กซี่ที่ถือเป็นจุดเด่นสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน สู่เวอร์ชั่นล่าสุดรหัสตัวถัง G29 ของเจ้า BMW Z4 M40i

BMW Z4 M40i

 

 

 

 

 

BMW Z Series … From Zero to Hero

เมื่อพูดถึง Z Series ทั้งทีก็คงต้องขอย้อนกลับไปจุดกำเนิดของ Roadster จากค่ายใบพัดฟ้า-ขาว ซักนิด เริ่มกันตั้งแต่เวอร์ชั่นปฐมบทอย่าง BMW Z1 ปี 1989 – 1991 รถสปอร์ตทรง “ลิ่ม” ที่พัฒนาต่อยอดมาจากพื้นฐานของโมเดลระดับตำนานอย่าง BMW รหัสตัวถัง E30 มาสู่ Z1 ที่ปัจจุบันต้องเรียกว่าเป็นของหายากระดับ Rare Items ด้วยจำนวนการผลิตที่มีเพียงแค่ 8,000 คันเท่านั้น

 

รุ่นต่อมา คือ BMW Z3 ปี 1995–2002 ซึ่งดังเปรี้ยงปร้างกวาดยอดขายไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้รับเลือกให้โลดแล่นอยู่บนแผ่นฟิล์มในภาพยนตร์ยอดสายลับอย่าง James Bond ตอน GoldenEye โดย BMW Z3 นั้นเป็นการพัฒนามาจากพื้นฐานของ BMW E36 Series แถมยังเลือกที่จะเอาใจผู้บริโภคในยุคนั้น ด้วยทางเลือก 2 สไตล์ตัวถัง คือ แบบ Roadster และแบบ Coupe ซึ่งความพิเศษก็คือมีเวอร์ชั่นแรง M Roadster แล M Coupe ให้เลือกทั้ง 2 รุ่นตัวถัง

BMW Z4 M40i

BMW Z8 รหัสตัวถัง E52 นับเป็นรุ่นที่ 3 ของ Z Series ซึ่งมีอายุในช่วงปี 2000–2003 แถมยังได้รับความโดดเด่นเช่นกัน ด้วยฐานะยนตรกรรมคู่ใจยอดสายลับ James Bond ในภาค Tomorrow Never Dies เฉิดฉายอยู่บนแผ่นฟิล์ม เพื่อโชว์ดีไซน์ อันมีที่มาจากรถต้นแบบที่ชื่อว่า Z07 ในปี 1997  ด้วยคอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความล้ำสมัย ไปพร้อมๆ กับการเฉลิมฉลองให้แก่ BMW 507 ตำนานจากยุคปี 1956-1959

 

และในที่สุดเราก็มาถึงจุดเริ่มต้นของอนุกรม BMW Z4 โมเดลแรกกับ 2 รหัส และ 2 สไตล์ตัวถัง คือ E85 ในเวอร์ชั่น Roadster เปิดประทุน และ E86 เวอร์ชั่น Coupe ซึ่งใน Mind Set เราคิดว่านี่คือ BMW Z4 ที่ลงตัว และสะดุดตาที่สุด ด้วยการผสมผสานจากทั้งความหรูหรา และความสปอร์ต ในแบบที่ไม่มากไป หรือน้อยไป แถมยังมีเวอร์ชั่น M ให้เลือกเร้าใจได้ทั้ง 2 รุ่นตัวถัง ซึ่งความมันส์ที่ว่าก็ไม่ได้เกิดจากที่ไหน เพราะนั่นคือ ความแรงจากขุมพลังบล็อคเดียวกับ BMW M3 E46 นั่นเอง

BMW Z4 M40i

BMW Z4 รหัส E89 คือ เจนเนอเรชั่นที่ 2 จากอนุกรม Z4 ที่ “เปลี่ยน” ภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง สู่ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวเต็มขั้น ด้วยเส้นสายคมๆ บนตัวถังที่มีขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายสบายในการใช้งาน ขณะที่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญนอกจากเส้นสายงานดีไซน์แล้ว สาวก “หลังคาผ้าใบ” ยังอกหักกันเป็นแถว เพราะ E89 นั้นมากับหลังคาแข็งเปิดประทุน ที่สามารถแปลงโฉมให้เป็นได้ทั้งเวอร์ชั่น Coupe หรือ Roadster ได้ง่ายๆ แถมใครที่หวังความแรงแบบ M Car ยุคดั้งเดิมในสไตล์ “ลากรอบ” จากเครื่องยนต์ N/A ก็ต้องอกหักซ้ำอีกครั้งเช่นกัน เพราะโมเดลนี้มีเวอร์ชั่นแรงสุดก็แค่ sDrive35i พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged

BMW Z4 M40i

ก่อนที่ข่าวคราวของ BMW Z4 จะเงียบหายไป ชนิดที่ทำเอาแฟน Bimmer จากทั่วโลกไหวหวั่น ก่อนที่จะมีคลื่นกระทบฝั่ง เหมือนโยนหินถามทาง จากการพัฒนา BMW Z4 เจนเนอเรชั่นล่าสุด อย่างที่หลายคนได้ยินข่าวกันมา ว่านี่คือ “ฝาแฝด” ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง 2 แบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง BMW และ Toyota ที่ต่างก็อยากจะปลุกตำนานขึ้นมาอีกครั้ง โดยฝั่ง Toyota เดินเกมส์รุกจากการมาของ Supra ขณะที่ BMW ก็ว่ากันไปด้วย Z4 เจนเนอเรชั่นล่าสุด ในรหัสตัวถัง G29 ซึ่งมีตัวท็อปสุด คือ BMW Z4 M40i ที่อยู่กับเราในวันนี้

BMW Z4 M40i

BMW Z4 M40i (G29) … แสดงจุดยืน ผ่านงานดีไซน์ใหม่

ถ้า BMW Z4 (E89) เจนเนอเรชั่นก่อนหน้านี้ มาพร้อมความเฉี่ยว ความคม บนทรวดทรงองค์เอว จนเปรียบได้กับ “สาววัยรุ่นสุดเซ็กซี่” ล่ะก็ … เจ้าโมเดลล่าสุดอย่าง BMW Z4 M40i (G29) ก็คงเป็นอารมณ์ของ “สาวสวยวัยผู้ใหญ่” ที่มีบุคคลิกเติบโตขึ้น ด้วยการลดดีกรีความเปรี้ยวซ่าส์ของเส้นสาย แต่ก็ยังคงแอบซ่อนความเซ็กซี่เอาไว้เล็กๆ ในรายละเอียด

ซึ่งตั้งอยู่บนมิติตัวถังความยาว 4,324  มม. ความกว้าง 1,864 มม. และความสูง 1,304 มม. กับระยะความยาวฐานล้อ : 2,470 มม. และความกว้างแทรคล้อคู่หน้า 1,594 มม. คู่หลัง 1,589 มม. ที่มีความโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์แบบหน้ายาว ท้ายสั้น ลงตัวกับหลังคาผ้าใบแบบเปิดประทุน แต่ก็ทำเอาสาวกหลังคาแข็งอกหักไม่น้อย เพราะในเวอร์ชั่นล่าสุดนี้เค้ามีแค่หลังคาเปิดประทุนแบบผ้าใบ ที่ใช้เวลาเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็วใน 10 วินาที ตลอดจนทำได้ในขณะขับขี่ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม.

 

เพิ่มเติมด้วยการการันตีความหล่อเหลาตามชื่อรุ่นจากไฮไลต์สไตล์ M ที่จัดมาให้ ประกอบด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics ที่รับกับความดุดันจากวัสดุสีดำเงา โดยจะมาพร้อมออพชั่นเสริมสมรรถนะเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ตั้งแต่ ชุดเฟืองท้ายแบบ M Sport, ระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M, ล้ออัลลอยด์ M ลวดลาย Double-Spoke ขนาด 19 นิ้ว หน้ากว้าง 9 นิ้วจับคู่ยาง 255/35 R19  และด้านหลังกว้าง 10 นิ้วคู่กับยาง 275/35 R19 เพื่อเผยให้เห็นความดุจากชุดคาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport โทนสีน้ำเงิน ขณะที่ภายในนั้นยังเป็นความคุ้นเคยในสไตล์การดีไซน์ของแบรนด์ BMW ซึ่งเติมเต็มความเป็นเวอร์ชั่นระดับท็อปด้วยชุดพวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport  ที่ลงตัวกับเข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M

 

ตอบโจทย์การใช้งาน หากตีความเป็น “Big Boy Toy”

ใช่ครับ ในความคิดเราเจ้านี่คือ “Big Boy Toy” มากกว่าการเป็นยนตรกรรมที่จะนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วย “ข้อจำกัด” สไตล์ Roadster หลังคาผ้าใบ ซึ่งอันดับแรกเลย คือ จำนวนที่นั่งซึ่งมีเพียงแค่ 2 พร้อมช่องเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ในห้องโดยสาร ขณะที่ด้านหลัง คือ ห้องเก็บสัมภาระความจุเบาๆ แค่ราวๆ 280 ลิตร ขณะที่ส่วนของออพชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ เราเชื่อแน่ว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นแฟนคลับค่าย BMW

BMW Z4 M40i

ฉะนั้นเราจึงขอข้ามไปส่วนที่ “ชอบ” ที่สุดกับ “สมรรถนะ” ซึ่ง M40i ในฐานะเวอร์ชั่นท็อปสุด จะมากับเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo ที่ปั่นกำลังสูงสุด 340 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งผ่านเรี่ยวแรงสู่ล้อหลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic โดยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันด้วย ระบบตัดการทำางานเครื่่องยนต์อัตโนมัติ Auto Start & Stop ไปจนถึงสร้างบุคลิกที่แตกต่างในการขับขี่ผ่านระบบ BMW Driving Experience Control ที่ประกอบด้วยโหมด Eco Pro, Comfort, Sport และ Adaptive

BMW Z4 M40i

ซึ่งเราขอบอกไว้เลยว่า “ติดใจ” เพียงแค่ลอง “จุ่ม” คันเร่งครั้งแรก แม้จะเลือกความสบายในโหมดการขับขี่แบบ Comfort ก็ตาม จากพละกำลังที่ตอบสนองฉับไว และจะไวมากขึ้นหากใช้โหมด Sport ที่สามารถเปลี่ยน M40i ให้เป็นลูกกระสุนขนาดย่อมๆ พุ่งผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง BMW เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ราวๆ 4.1 วินาที … โดยจะจริงหรือเปล่า เราคงไม่ชัวร์เท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ คือ มันสร้างความตื่นเต้นให้อะดรีนาลีนหลั่ง ตั้งแต่เสียงเครื่องยนต์ ไปจนถึงเสียงที่ส่งผ่านจากปลายท่อไอเสีย ต่อเนื่องไปถึงอากัปกิริยาที่เปลี่ยนไป จากความคมของพวงมาลัย และช่วงล่างที่แข็งกร้าวขึ้นมาอย่างชัดเจน หากเทียบกับโหมด Comfort

BMW Z4 M40i

ฉะนั้นสาย “ซิ่ง” ที่ต้องการความกระชับ ฉับไว ต่อการขับขี่ในเมือง รับรองว่า “โดน” ส่วนการเดินทางยาวๆ นอกเมืองถือว่าอยู่ในจุดที่ “รับได้” เพราะจากขนาดตัวรถที่ใหญ่ขึ้น ช่วยลดความรู้สึกอึดอัด และเพิ่มทัศนวิสัยได้ดี ขณะที่โหมด Comfort ก็ถือว่าปรับบุคคลิกของช่วงล่างให้มีความ “ปรานีปราศรัย” รวมไปถึงระบบส่งกำลัง และพวงมาลัย ที่เรารู้สึกเหมือนว่าจะมีการแอบใส่ความเป็นยนตรกรรมสไตล์ Touring สำหรับนักเดินทางเข้ามาบ้าง

ถึงบรรทัดนี้ถ้าถามเราว่า M40i มีข้อเสียตรงไหน เราคงตอบได้ว่า “ไม่มี” … เพราะในฐานะที่ BMW Z4 M40i (G29) คือ รถสปอร์ตเปิดประทุน 2 ที่นั่งหลังคาผ้าใบ ฉะนั้น “สิ่งที่เค้ามีหลายๆ อย่างไม่ใช่ข้อเสีย หากแต่มันเป็นธรรมชาติของตัวรถ” ไม่ว่าจะเรื่องการเก็บเสียงของหลังคาผ้าใบ ซึ่งไม่มีทางเทียบเท่าหลังคาแข็ง ไปจนถึงความกว้างขวาง หรือความสะดวกสบาย ที่คงไม่อาจตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากมายนัก

BMW Z4 M40i

ซึ่งหากคุณถามหาสิ่งเหล่านั้นใน BMW Z4 เราคงทำได้แค่แนะนำให้ไปสอยรุ่นอื่นมาใช้ น่าจะดีกว่าต้อง “ขับไป บ่นไป” เพราะในความคิดเราเจ้า Z4 ควรจะต้องเป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ในบ้าน สำหรับวันเบาๆ ให้คุณฉายเดี่ยว หรือควงคู่กับคนรักมากกว่า

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=M7hdui0muu4[/embedyt]

ราคารถใหม่

BMW Z4 M40i (G29) ราคา 4,999,000 บาท พร้อม BSI Standard