รีวิว : New Mitsubishi Xpander … “เปลี่ยน” ในแบบที่ “แตกต่าง” อย่างสิ้นเชิง (มี Clip)

หลังจากสร้างความฮือฮาไปเป็นที่เรียบร้อยในงาน BIMS หรือ Bangkok International Motor Show 2022 ที่ผ่านมา และแล้วในที่สุดก็ถึงเวลาได้สัมผัสกันแบบจริงจังซักทีกับกิจกรรม Media Test Drive New Mitsubishi Xpander ที่แบ่งออกเป็นหลากหลายเส้นทาง … ส่วนเราทริปนี้สบายๆ สไตล์ กทม. – ปราณบุรี ก่อนจบสวยๆ ด้วยเรื่องราวที่เก็บมาเล่าให้ฟัง

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของ New Mitsubishi Xpander นั้นเรียกได้ว่ามองเห็นอย่างเด่นชัดในเรื่องของ “ดีไซน์” ที่ถูกยกระดับให้มีสไตล์ของความเป็น SUV มากขึ้น โดยไล่กันตั้งแต่ตัวถังรถที่ถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ บึกบึนมากขึ้นทั้งด้านหน้า และด้านหลัง  ซึ่งยังคงนำเสนอความเป็น Advanced Dynamic Shield ในมุมมองด้านหน้า ที่ลงตัวมากขึ้นโดยชุดไฟหน้าดีไซน์ใหม่

New Mitsubishi Xpander

ขณะที่มุมมองด้านหลังนั้นเปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยไฟท้ายดีไซน์รูปตัว T และชุดกันชนท้าย พร้อมแผ่นกันกระแทกใหม่ดีไซน์แบบ 3 มิติ ที่สะดุดตา ส่วนจุดที่มองแล้วได้อารมณ์ของ SUV มากขึ้น คือ ด้านข้างอันประกอบด้วยความสูงใต้ท้องรถที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 15 มม. เป็น 220 มม. จากการเปลี่ยนล้ออัลลอยด์เป็นขนาด 17 นิ้วดีไซน์ใหม่ ที่ช่วยให้คุณ “ลุย” ได้อย่างสะดวกใจมากขึ้น

New Mitsubishi Xpander

ทางด้านภายในห้องโดยสาร เรียกว่ายังมีส่วนผสมของความคุ้นเคยอยู่บ้างพอสมควร แล้วก็มีการผสมผสาน “ของใหม่” เข้ามาเล็กๆ เช่น ดีไซน์ใหม่แบบ HorizontalAxis เพื่อให้เกิดความรู้สึกกว้างขวาง ตลอดจนการเลฃือกโทนสีที่มากับสไตล์ทูโทนน้ำตาล-ดำ ทำจากวัสดุหนังสังเคราะห์ อีกทั้งเบาะนั่งยังมากับการออกแบบใหม่ ที่อัพเกรดคุณสมบัติการกันความร้อน (Heat Guard) มาให้ รับกับพวงมาลัยที่ดีไซน์ให้มีความสปอร์ต และจับกระชับมือมากขึ้น

New Mitsubishi Xpander

 ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกเด่นที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ หน้าจอระบบสัมผัสรุ่นใหม่ขนาด 9 นิ้วที่รองรับการใช้งานได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto, ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล พร้อมฟังค์ชัน Max Cool ที่ช่วยสร้างความเย็นฉ่ำได้ในอึดใจ ไปจนถึงช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง สำหรับเบาะแถวที่สองแบบ Type-A และ Type-C ตลอดจนช่องเก็บของที่ใช้งานง่ายขึ้น เช่น คอนโซลกลางออกแบบใหม่ให้มีถาดเก็บของ ไปจนถึงสามารถเก็บขวดน้ำได้มากถึง 600 มิลลิลิตร

New Mitsubishi Xpander

ในเรื่องของสมรรถนะ ยังคงมากับขุมพลังบล็อกเดิม คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ขณะที่ระบบส่งกำลังได้มีการ “ถอด” ชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดออก และเปลี่ยนเป็นเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่แบบ Eco-Dynamic CVT

New Mitsubishi Xpander

ซึ่งในภาพรวมนั้นมีการเคลมว่า อัตราสิ้นเปลืองดีกว่าเจนเนอเรชั่นที่แล้วจากราวๆ 13 กม./ลิตร เป็น 16 กม./ลิตร ทั้งยังรวมไปถึงอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ดีขึ้นจากประมาณ  15 วินาที เป็น 13 วินาทีอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบช่วงล่างใหม่ จากการติดตั้งเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำหัวโช๊คในด้านหน้า ส่วนด้านหลังทำการปรับเปลี่ยนขนาดของโช๊คอัพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เทียบเท่าได้กับรุ่นพี่อย่าง Pajero Sport รวมถึงระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Brake Auto Hold ที่จัดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

New Mitsubishi Xpander

ว่ากันในเรื่องของการลองขับ บอกได้เลยว่าสัมผัสแรกนั้น “ชัดเจน” ถึง “ความต่าง” จากเดิมโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่น้ำหนักพวงมาลัย และคันเร่งที่รู้สึกได้ว่า “ตึง” ทั้ง 2 มือ และเท้าขวา มากขึ้น โดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำ หากเทียบกับโมเดลแรก แต่นั่นไม่ได้หมายถึงความกระฉับกระเฉง คล่องตัวที่ลดลงมากจนใจหาย เพราะแค่ออกแรงขึ้นอีกนิด และสร้างความคุ้นเคยขึ้นอีกหน่อยทุกอย่างก็จะกลับสู่ปกติที่เราคุ้นเคยกัน แล้วก็ส่วนที่ “ดี” จริงๆ ก็ต้องยกให้การขับขี่ที่ความเร็วเดินทาง หรือความเร็วสูงๆ ซึ่งคุณจะชื่นชอบทั้งน้ำหนักพวงมาลัย และคันเร่ง อันเอื้ออำนวยให้เกิดความมั่นใจได้ดีเยี่ยม จากการควบคุมทิศทาง และความเร็ว
New Mitsubishi Xpander

เมื่อพูดถึงการเดินทาง ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้กับอารมณ์ของช่วงล่าง ที่ “ลาขาด” ความเป็นรถพิกัดเล็กเรียบร้อย จากการอัพเกรดระบบช่วงล่างใหม่ จนมาซึ่งความแน่นหนา และนุ่มหนึบในความเร็วต่ำ ก่อนจะแปรผันเป็นเสถียรภาพที่มั่นใจได้บนความเร็วสูง … สรุปง่ายๆ ก็คือ New Mitsubishi Xpander ได้ปรับเปลี่ยนอารมณ์ตัวตนใหม่ในส่วนของน้ำหนักพวงมาลัย และช่วงล่าง ชนิดที่เรียกว่ามีความ “ใกล้เคียง” กับรุ่นพี่อย่าง Pajero Sport มากขึ้น แต่ได้เปรียบในเรื่องของความคล่องมือมากกว่า ด้วยจากขนาดของตัวถังพิกัด Compact นั่นเอง

New Mitsubishi Xpander

ว่ากันที่ “ขุมพลัง” แม้จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะโดยส่วนตัวเราคิด 104 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร นั้น “มากพอ” สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน แบบไม่คาดหวังความมันส์ของการตอบสนองสไตล์เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เพราะด้วยบุคคลิกของเกียร์อัตโนมัติชุดใหม่แบบ Eco-Dynamic CVT คือ สิ่งที่แสดงออกถึงสถานะแบบชัดเจนว่า “เน้น” ในเรื่องของความสะดวกสบายในการขับขี่ และการเดินทาง ไปพร้อมกับการประหยัดน้ำมัน

New Mitsubishi Xpander

ฉะนั้นตลอดการเดินทางเราจึงแทบไม่ได้ Kick Down บ่อยครั้ง แต่เลือกขับขี่แบบที่เหมาะสมกับพฤติกรรมเกียร์ CVT เป็นหลัก ค่อยๆ ไต่ระดับจากต่ำ ไปถึงความเร็วเดินทางระดับซักไม่เกิน 140 กม./ชม. เพราะหากต้องการความเร็วมากกว่านั้นขึ้นไป การตอบสนองจะออกไปในทาง “หนืดๆ” ออกไปทาง “เหนื่อย”

New Mitsubishi Xpander

เพราะงั้นอย่างที่บอกครับว่าซักไม่เกิน 140 กม./ชม.  จะกำลังสวย เพราะจะแถมมาด้วยความเพลิดเพลินของการส่งกำลังด้วยเอกลักษณ์ของเกียร์ CVT ก็คือ ความต่อเนื่อง และนุ่นนวล ชนิดที่ผู้โดยสารน่าจะพึงพอใจ … รวมถึงเราเองด้วยเช่นกันที่คิดว่า นี่แหละคือบุคลิกอัน “เหมาะสม” หากคิดจะสถาปนาตนเป็น “รถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว” ซึ่งจะติดอยู่เรื่องเดียวก็คือ “ราคา” ที่เริ่มต้น 799,000 บาท และปิดตลาดที่ 895,000 บาท … ทำเอาเราอยากจะบอกว่า “เหลียวมอง” ในตลาดซักนิดน่าจะดี

New Mitsubishi Xpander

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=1vJ_VGxxIIU[/embedyt]

ราคารถใหม่

New Mitsubishi Xpander รุ่น GLS-LTD ราคา 799,000 บาท

New Mitsubishi Xpander รุ่น GT ราคา 895,000 บาท