รีวิว : All new Toyota Camry Hybrid ( โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ) น้ำมันถังเดียวไป-กลับ กรุงเทพ – เกาะช้าง

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะ All new Toyota Camry Hybrid ( โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ) วางคอนเซ็ปท์ใช้งานจริง น้ำมันถังเดียวไป-กลับ กรุงเทพ – เกาะช้าง โดยให้บรรดาสื่อมวลชนสายยานยนต์ ชั้นนำของไทยได้พิสูจน์กัน

 

All new Toyota Camry Hybrid

เริ่มการทดสอบกันตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อทุกอย่างพร้อม สื่อมวลชนเริ่มฟังบรรยายถึงตัวผลิตภัณฑ์ All new Toyota Camry Hybrid ( โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ) พูดถึงรถยนต์นั่งรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบ Hybrid ซึ่งมีการเติบโตที่น่าสนใจมาก จากปี 2009 ถึงปี 2011 มีอัตราการเติบโตถึง 182% รวมแล้วกว่า 25,000 คัน ซึ่งทางโตโยต้าได้ครองการตลาดในสัดส่วนที่มากที่สุด โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ เจ้าของกิจการที่มุ่งเน้นความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด “New Era of Prestige” วิสัยทัศน์ใหม่ของยนตกรรมแห่งความภาคภูมิ โดยใช้จุดขายหลัก 3 จุด คือ ดีไซน์หรูระดับพรีเมี่ยม, สมรรถนะเหนือระดับ และอุปกรณ์ระดับ Hi-end

 

เริ่มต้นทดสอบ

เมื่อได้เวลาออกเดินทางเราได้ All new Toyota Camry Hybrid ( โตโยต้า คัมรี่ ไฮบริด ) รุ่น 2.5 HV DVD ซึ่งเป็นตัวรอง Top เป็นตัวทดสอบ ซึ่งน่าเสียดายเพราะในตัว Top มีออฟชั่นมากมายที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 3 โซน (ซ้าย, ขวา, หลัง), ที่วางแขนตอนหลังพร้อมแผงสวิตซ์ควบคุมพวงมาลัยปรับตำแหน่งไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง, กล้องมองหลังขณะถอย และ Navi แต่ไม่เป็นเป็นไรครับ เพราะตัวผมเองอยากทราบในเรื่องของสมรรถนะของเครื่องยนต์, ช่วงล่าง และความประหยัดมากกว่า ถ้ามองในส่วนของภายนอกสิ่งที่ต่างจากตัว 2.5 ธรรมดา มีอยู่หลายส่วน เช่น กระจังหน้า กันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอก Hybrid Style โลโก้สามห่วงรองพื้นสีฟ้า ส่วนด้านหลังก็เป็นส่วนของโลโก้ที่เพิ่มขึ้นมา แต่ส่วนที่น่าสนใจผมว่าเป็นเรื่องของการวางตำแหน่งของเส้นสายการออกแบบที่เน้นความรวดเร็วและสอดคล้องในการไหลผ่านของลมปะทะมากกว่า เช่น เพิ่มครีบระหว่างเสา A และกระจกมองข้าง เพื่อลดการหมุนวนของลม หรือจะเป็นครีบเสริมการทรงตัวที่ใต้ท้องรถ 6 จุด ซึ่งนอกจากจะลดการหมุนวนของอากาศใต้ท้องรถได้แล้ว ยังช่วยในเรื่องการยึดเกาะถนนให้มากขึ้นด้วย

 

 

เครื่องยนต์

ในช่วงต้นที่ผมได้ทดสอบขับ ผมเน้นในเรื่องของเครื่องยนต์ 2AR-FXE แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาดความจุ 2.5 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ที่ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบชิงโครนัสแม่เหล็กถาวร ซึ่งรวมกันแล้วให้พละกำลังมากขึ้น 205 แรงม้าเลยทีเดียว สำหรับเครื่องยนต์ที่เห็นเด่นชัด คือ มีซีซี. มากกว่ารุ่นเก่าอยู่ 100 ซีซี. และมีแรงม้าเพิ่มถึง 15 แรงม้า การขับขี่ในช่วงแรกของผมเรียกสมรรถนะของเครื่องยนต์ออกมาเต็มที่ เพราะเราออกเป็นคันสุดท้าย การตอบสนองของเครื่องยนต์ถือว่าดีกว่าเครื่องยนต์บล็อคเก่าอยู่พอสมควร ทั้งในช่วงรอบต้นๆ หรือในช่วงความเร็วในการเดินทาง ยิ่งในช่วงเร่งแซงถือเป็น Hybrid ที่ปี๊ดปราดขับสนุกไม่น้อย จนขับเพลินพาเข็มไมค์ไปแตะที่ 200 กม./ชม. แต่ยังไม่สุดรถนะครับยังสามารถไปได้อีก แต่การจราจรหนาแน่นไปนิดไม่เหมาะที่จะใช้ความเร็วขนาดนี้ ผมเลยลดความเร็วในการเดินทางลงเหลือ 140-160 กม./ชม.

 

ระบบช่วงล่าง

ในส่วนของระบบช่วงล่าง ซึ่งในความรู้สึกผมสำหรับในรุ่นเก่ามีอาการดื้อโค้งในความเร็วสูง ร่วมถึงน้ำหนักพวงมาลัยที่เบาไป แต่ในรุ่นใหม่ได้ปรับปรุงมาทั้งน้ำหนักพวงมาลัยที่แปรผันได้เหมาะสมทุกช่วงความเร็ว ความชับไวแม่นยำของระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS ประกอบกับระบบช่วงล่างใหม่ และครีบลดการหมุนวนของใต้ท้อง ทำให้การขับขี่ดีขึ้นมากทางในทางตรงความเร็วสูงๆ และในช่วงโค้งต่างๆ ยิ่งได้ทดสอบในเส้นทาง อ.แกลง ถึง จันทบุรี ซึ่งเป็นโค้งที่ใช้ความเร็วตลอดทำให้รู้สึกได้เลยว่า All New TOYOTA Camry Hybrid ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้มากจึงไม่แปลกใจเลยที่ยอดจองเกินเป้า

 

ส่วนขากลับผมเป็นผู้โดยสาร VIP นั่งแบบ First Class แสนสุขสบายทั้งในเรื่องความนิ่มนวล แม้จะใช้ความเร็ว 120-140 กม./ชม. ในการเดินทางฝนก็ตกหนัก แต่ระบบเบรคก็ยังให้ความรู้สึกปลอดภัย จะติก็อย่างเดียวตรงพนักผิงศรีษะด้านหลังที่ไม่ค่อยสบายสักเท่าไร แต่ที่น่าสนใจระยะทางไป-กลับ 800 กว่ากิโลเมตร บวกกับรถติดในกทม. อีกชั่วโมงกว่า ผู้โดยสาร 4 ท่าน และความเร็วเดินทางที่สูงพอสมควร โดยมีน้ำมันในถังมีเพียง 65 ลิตร ไปถึงจุดหมายแม้จะตกขีดแดงแต่ก็ถือว่าเหลือๆ ครับ

 

 

สุดท้ายขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้โอกาสดีๆ กับ iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE & www.iamcar.net ได้สัมผัสนวตกรรมดีๆ มาโดยตลอดครับ