รีวิว : Honda Jazz Hybrid ( ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด ) สร้างเรดติ้งปลุกกระแสให้วงการยานยนต์ต้องตาลุกเป็นไฟด้วยราคาเบาๆ 768,000 บาท

เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ Honda Jazz Hybrid ( ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด ) ซึ่งสามารถสร้างเรดติ้งปลุกกระแสให้วงการยานยนต์ต้องตาลุกเป็นไฟด้วยราคาเบาๆ 768,000 บาท ซึ่งเป็น Hybrid คันแรกที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ทำให้คู่แข่งต้องทำการบ้านกันมากขึ้น และบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ก็ยังไม่หยุดที่จะปลุกกระแสสร้างแรงผลักดันให้กับ Honda Jazz Hybrid ( ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด ) ด้วยการจัดการทดสอบให้กับสื่อมวลชนใช้เส้นทางในเมือง เพื่อรับทราบถึงบทพิสูจน์การใช้งานจริง

 

ภายนอก

เริ่มการทดสอบตั้งแต่เช้าด้วยการฟังบรรยายเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ JAZZ Hybrid โดย มร. มาซาชิ ซึเนอิชิ วิศวกรพัฒนาเครื่องยนต์ มร. อิซาโอะ อันโดะ ผู้ช่วยหัวหน้าวิศวกรทีมพัฒนา JAZZ Hybrid คุณสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการส่วนงานการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และ คุณศศิวรรณ ทองดีเลิศ ผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด มาเป็นผู้ร่วมในการบรรยาย ผมขอสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับ HONDA JAZZ Hybrid ให้เข้าใจกันก่อน ถ้ามองจากภายนอกจะเห็นว่ากระจังหน้า, ไฟหน้า, ไฟท้าย ปรับโฉมให้ดูล้ำสมัยตามแนวทางของ Hybrid เพิ่มคิ้วโครเมียมที่ฝาท้ายเพื่อให้เหมาะสมลงตัวกับไฟท้ายสีใสๆ และปรับล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วใส่เข้าไป

 

การจัดวางระบบ Hybrid

คราวนี้มาดูต่อในเรื่องของการจัดวางระบบ Hybrid เข้าไป ที่เราต้องมามองกันในจุดนี้ด้วยเหตุผล Jazz เป็นรถเล็กที่มีความอเนกประสงค์มากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อต้องมีระบบ Hybrid และ Battery เพิ่มขึ้นมาก็เกรงว่าความอเนกประสงค์จะหายไป แต่ทาง HONDA ได้จัดวางตำแหน่งของ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ SOHC 8 วาล์ว i-VTEC 88 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 12.3 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบต่อนาที และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบบาง IMA – Integrated Motor Assist ซึ่งติดตั้งอยู่ระหว่างเครื่องยนต์กับระบบส่งกำลัง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าขนาด 100 โวลต์จากแบตเตอรี่ไฮบริดขนาดเล็กน้ำหนักเบา ซึ่งรวมเป็นชุดเดียวกับหน่วยควบคุมอัจฉริยะ IPU – Intelligent Power Unit ติดตั้งใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย มีกำลังขับ 14 แรงม้า ที่ 1,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 8.0 กก.-ม. ที่ 1,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ CVT

 

Parallel Hybrid

ผมขออธิบายลึกลงไปอีกว่า Hybrid ใน Jazz ทำงานตอนไหน ระบบไฮบริดที่ใช้เป็นแบบคู่ขนาน (Parallel Hybrid) ซึ่งผสานการทำงานของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์เป็นหลักในการขับเคลื่อน รูปแบบของระบบไฮบริดแบบคู่ขนานไม่ซับซ้อน จึงทำให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ทั้งยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ และความประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งเหมาะสมกับแนวทางของ HONDA เจ้าระบบนี้เข้ามามีส่วนช่วยตั้งแต่ “ช่วงออกตัว” เครื่องยนต์จะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อน และเสริมแรงด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตัว ลดการใช้น้ำมันลง “ช่วงขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่” ในขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำคงที่ เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน และเข้าสู่โหมด EV หรือ (Electric Vehicle Mode) โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว “ช่วงเร่งแซง” มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานผสานกับเครื่องยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งแซง “ช่วงเบรค” ขณะ ที่เบรค เครื่องยนต์จะหยุดทำงาน ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะเบรคมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริด เพื่อเก็บพลังงานไว้ใช้ต่อไป และ “ช่วงรถหยุดนิ่ง” เมื่อรถหยุด เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติ และเข้าสู่โหมด Idling Stop ซึ่งจะตัดการทำงานเครื่องยนต์เพื่อช่วยประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษอีกด้วย ส่วนต่อมาเป็นการย้ายถังน้ำมันขนาดความจุ 40 ลิตร มาอยู่ที่กลางรถ และสุดท้ายในด้านหลังก็เป็นที่อยู่ของ Battery Hybrid เท่านี้เองก็ทำให้ HONDA JAZZ Hybrid มีความอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะพับเบาะวางของแนวยาว วางของทางสูงก็สมบรูณ์แบบได้เช่นเดิม

 

เทคโนโลยี

ต่อมาเป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่ JAZZ Hybrid มีมาให้ เริ่มจาก “ECON Mode” ที่เข้ามาช่วยลดการใช้พลังที่สิ้นเปลือง ด้วยการปรับเครื่องยนต์ให้สมดุล กับระบบเกียร์ CVT ในทุกช่วงความเร็ว รวมถึงระบบปรับอากาศภายในรถ พร้อมทั้งระบบ “Idling Stop” ที่เข้ามาช่วยตัดการทำงานของเครื่องยนต์และ คอมเพรสเซอร์แอร์ แปรผันการ เปิด-ปิด จากการคำนวนองค์ประกอบของอุณหภูมิภายในรถ นอกรถ ความร้อนเครื่องยนต์และพลังงานในแบตเตอร์รี่ สามารถตัดการทำงานได้ยาวนานที่สุด คือ 90 วินาที

 

Regeneration

และ Regeneration หรือการที่ระบบจะนำพลังงานที่สูญเสียไปในขณะเบรคมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า ส่งกลับคืนสู่แบตเตอรี่ไฮบริดนั่นเอง “Coaching” เป็นระบบแสดงผลการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน โดยถ้าขับแบบปกติจะเป็นสีฟ้า ถ้าขับแบบประหยัดจะเป็นสีเขียว “Teaching” ระบบคะแนนสะสมการขับขี่ แบบประหยัด เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้เรียนรู้พฤติกรรมการขับขี่ของตัวเอง เพื่อนำมาปรับปรุงวิธีการขับของตัวเองให้ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่ามากขึ้น โดยระบบจะแสดงผลคะแนนสะสมด้วยจำนวนของรูปใบไม้ ซึ่งแปรผันตามพฤติกรรมการขับขี่ แบ่งเป็น 3 Stage ด้วยกัน เรื่องอัตราความประหยัดที่ HONDA การันตรีมา คือ 21.3 กม./ลิตร ซึ่งเปรียบเทียบกับ JAZZ 1.5 ลิตร จะประหยัดน้ำมันกว่าเดิมถึง 28% และเมื่อเปรียบเทียบกับ Eco Car ทั่วไปจะดีกว่าถึง 10% ส่วนภายในที่ต่างไปอย่างชัดเจนนอกจากเรือนไมล์แล้ว ก็มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และสวิตซ์ควบคุมหน้าจอบนพวงมาลัย

 

ออกเดินทางกับ JAZZ Hybrid

ผมรับอาสาขับเป็นท่านแรก แต่น่าเสียดายที่ระยะทางการทดสอบสั้นมากๆ เพียง 35 กม.เท่านั้น จึงยังไม่สามารถตอบอะไรได้มากนัก อย่างแรกผมดูในเรื่องอัตราเร่งก่อน เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ จะมองว่าเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1.3 ลิตร จะสามารถไประยะไกลๆได้หรือเปล่า?? แต่ก็ต้องอย่าลืมว่ามี “มอเตอร์ไฟฟ้า” เข้ามามีส่วนร่วมด้วยจึงทำให้อัตราเร่ง เมื่อเทียบกับ 1.5 ลิตรไม่ต่างกันมากนักในช่วงต้นถึงกลาง (0-140 กม./ชม) แต่สามารถไปถึง 165 กม./ชม. ได้ไม่ยาก แต่ต้องยอมรับว่าเลย 140 กม./ชม. ขึ้นช้ากว่า JAZZ 1.5 ลิตร แต่ความนิ่มนวลของระบบเกียร์ CVT นี่สิน่าสนใจครับ เพราะให้ความต่อเนื่องและนิ่มนวลในการขับขี่มาก

Mode EV (Electric Vehicle)

ต่อมาผมพยายามขับให้อยู่ใน Mode EV (Electric Vehicle) ซึ่งใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ถ้าค่อยๆ ขับเลี้ยงคันเร่งดีๆ จะสามารถทำความเร็วได้ถึง 40 กม./ชม. ส่วนระยะทางขึ้นอยู่กับพลังงานใน Battery แต่ที่ผมประทับใจเลย คือ ระบบช่วงล่างครับ แม้ดูจากขนาดยาง 175/65 R15 ที่ทางฮอนด้าเลือกใช้ไซด์เพื่อต้องการให้ประหยัดน้ำมัน แต่ทำการเซ็ตอัพช่วงล่างใหม่ ต้องบอกว่าการเกาะถนนสูงมากๆ ทั้งในทางตรงและทางโค้ง สุดท้ายคงเป็นเรื่องของอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน ผมดูจากหน้าจอประมาณ 15 กม./ลิตร แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่าผมขับเร็วเกินการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันไปเยอะครับ

สุดท้ายต้องขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้โอกาส iAMCAR VAIETY e-MAGAZINE ได้ร่วมสัมผัสนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้เสมอมาครับ พบกับ HONDA JAZZ Hybrid ได้แล้วทุกโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ