รีวิว : All New Honda CR-V 2015 ” ทดลองขับ ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ “

รอคิวกันมานานสำหรับ All New Honda CR-V ( ฮอนด้า ซีอาร์วี ใหม่ )ที่จะมีทริปทดสอบให้กับสื่อมวลชน เนื่องจากจังหวะเวลายังไม่ลงตัว แต่ ณ เวลานี้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด พร้อมจัดกิจกรรมทดสอบสุดพิเศษทั้งคนขับ ทั้งตัวรถ พิสูจน์ว่า “คุณมีแรงไปทำดีมากขนาดไหน รถจะพาคุณไปได้หรือเปล่า” บนเส้นทางหลากหลายรูปแบบกว่า 700 กม. จาก กรุงเทพฯ – สังขละบุรี

 

ทดลองขับ All New Honda CR-V กรุงเทพฯ – สังขละบุรี

สำหรับทริปนี้โปรแกรมแน่นมากๆ จึงต้องพบกันตั้งแต่เช้าตรู่ ณ จุดสตาร์ท บริษัท ยูไนเต็ด ฮอนด้า ออโตโมบิล จำกัด โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานแห่งใหม่ บนถนนราชพฤกษ์ จากนั้นฟังบรรยายสรุปผลิตภัณฑ์ว่ามีอะไรใหม่บ้างสำหรับ All New Honda CR-V เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเราก็พร้อมออกเดินทาง ผมใช้ All New Honda CR-V รุ่น 2.4 EL 4WD ซึ่งเป็นตัว Top สุด ในการเดินทาง ความเปลี่ยนแปลงของรุ่นนี้เริ่มต้นตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่เน้นเส้นสายรอบคัน เติมความโฉบเฉี่ยว หรูหรา และสปอร์ต ตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย ด้วยไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED (Daytime Running Light) กระจังหน้าและกันชนหน้า-หลังปรับดีไซน์ใหม่ให้สปอร์ตมากยิ่งขึ้น และยังมีแผงใต้กันชนหน้า-หลัง คิ้วฝากระโปรงท้ายโครเมียมที่ให้ความรู้สึกที่หรูหรามากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญยังมาพร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ด้วย

 

เมื่อเริ่มออกเดินทาง บรรยากาศของการจราจรในช่วงเช้าจะเป็นบทพิสูจน์อันดี ในด้านความคล่องตัวในการเดินทางในเมือง ซึ่ง All New Honda CR-V แม้จะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แต่ตัวรถที่สูง กระจกบานหน้าที่กว้าง การวางตำแหน่งความสูงที่ปลายสันฝากระโปรงช่วยให้กะระยะด้านหน้าง่ายขึ้น ประกอบกับนำระบบแสดงภาพมุมอับสายตา ขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ที่มีอยู่ใน Accord มาใช้ทำให้ง่ายในซอกแซกเข้าไปอีก

 

เครื่องยนต์

เมื่อออกจากเมืองได้กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 2,356 ซีซี. DOHC 16 วาล์ว ให้แรงม้าสูงสุดที่ 175 แรงม้าที่ 6,200 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที โดยเครื่องยนต์บล็อคนี้พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม มีระบบส่งกำลังเกียร์ CVT พร้อม Paddle Shift ที่สั่งการณ์หลังพวงมาลัยโดยสามารถปรับได้ 7 สปีด จึงเป็นเป้าหมายของการพิสูจน์สมรรถนะในครั้งนี้ของผม มาต่อกันด้วยเรื่องของเครื่องยนต์ที่ยังคงเดิม แต่ระบบส่งกำลังแบบ CVT นั่นคือ “พระเอก” ของรถคันนี้ อารมณ์ความรู้สึกการกดคันเร่งแตกต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง เนื่องจากจังหวะการปรับเปลี่ยนที่นิ่มนวลและเหมาะสมทำให้ความเร็วพุ่งพล่านขึ้นไปอย่างรวดเร็วแบบนิ่มนวล หากคุณไม่สังเกตที่เข็มเรือนไมล์คุณจะไม่ทราบเลยว่าความเร็วขึ้นไปรวดเร็วขนาดไหน เพราะการตอบสนองมาอย่างราบเรียบมาก แต่ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของเสียงเครื่องยนต์ที่คอยให้อารมณ์ ความเป็นสปอร์ตอย่างต่อเนื่องในรอบเครื่องยนต์สูงๆ อัตราเร่งพละกำลังมีเพียงพอที่จะแซงคันหน้าในยามคับขันได้อย่างแน่นอน

เดินทางเข้าสู่ทางฝุ่น

จากนั้นเราเดินทางเข้าสู่ทางฝุ่นกันบ้าง เพื่อพิสูจน์ความแกร่งในการทำดีกันบ้าง โดยการขับเข้าเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เพื่อเข้าไปช่วยสร้างโป่งเทียมให้แก่สัตว์ป่าอย่างช้าง หรือว่าสัตว์กินพืชทุกชนิด ด้วยการออกแรงขุดๆ และขุด ก่อนที่นำเปลือกหอยกับเกลือรอยลงไปและผสมกับดินที่ขุดขึ้นก่อนจะกลบลงไปในหลุมที่เราขุดเป็นอันจบ ที่กล่าวมาง่ายๆ แต่ต้องใช้ร่างกายและแรงใจเป็นอย่างมากครับ มาว่ากันถึง All New Honda CR-V กันต่อดีกว่าครับ คันนี้เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Real Time คือ ระบบนี้ปกติจะขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้า เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์ทำให้ประหยัดน้ำมันมากกว่าขับ 4 WD แบบ Full Time แต่เมื่อระบบตรวจพบความผิดปรกติของถนน เช่น ขณะถนนลื่น เข้าโค้งขณะความเร็วมากเกินไป ไต่ขึ้นทางชันมากๆ หรือลุยทาง Off Road จนล้อลอย หมุนฟรี ระบบจะถ่ายกำลังการขับเคลื่อนผ่านเพลาไปยังล้อหลังเปลี่ยนเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อ ยิ่งทริปนี้เราได้ลุยทางลูกรังกันเล็กน้อย ให้ได้เพลาหลังได้ออกแรงกันบ้าง แต่ระบบนี้จะใช้ดีมากๆ ในสถานการณ์ฝนตกหนักๆ เจอแอ่งน้ำขังโดยจะลดอาการลื่นไถลของตัวรถลงได้เยอะมากๆ

 

ความงดงามของดินแดนชาวมอญ

 ระยะทางเหลืออีก 90 กม. เราจะถึงสังขละบุรี แต่หนทางข้างหน้าเราจะต้องผ่านทางคดเขี้ยวข้ามเขา 3 ลูก กว่าจะได้ไปพบความงดงามของดินแดนชาวมอญ จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับระบบพวงมาลัยแบบแร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ESP ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบอิสระ ดับเบิ้ลวิชโบน พร้อมเหล็กกันโคลง แถมยังต้องปรับโหมดมาใช้ “ S ” โดยลากคันเกียร์ลงมาอีกตำแหน่ง พร้อมสั่งงานแบบเกียร์ธรรมดาผ่าน Paddle Shift ข้อดีของโหมดนี้คือ สามารถเปลี่ยนลดตำแหน่งเกียร์ได้เสมือนเกียร์ธรรมดาจริงๆ ก่อนเข้าโค้งเราสามารถลดเกียร์เรียกกำลังเบรกจากเครื่องยนต์ได้อย่างเต็มที่ ยิ่งเป็นการลงเขาแบบชันๆ โค้งหักศอกเราก็สามารถใช้ Engine Brake มาช่วยเบรกได้เป็นอย่างดี ทำให้ลดภาระของการเหยียบเบรกลงได้มาก เพราะการเหยียบเบรกค้างนานๆ ผ้าเบรกมีสิทธิที่จะไหม้ได้ครับ ช่วงล่างหากดูจากสเป็คจะเห็นว่ากว้างกว่ารุ่นเดิมอยู่ 1 ซม. ซึ่งเป็นการรองสเปเซอร์เพิ่มให้ล้ออัลลอยใหม่ไม่หุบเข้ามาในซุ้มล้อมากเกินไป แต่เรื่องการทรงตัวยังทำได้ดีอยู่ เพราะเมื่อคุณเข้าโค้งแรงเกินไปจะมีทั้งระบบขับสี่ และระบบช่วยควบคุมการทรงตัว (VSA) เข้ามาช่วยให้คุณปลอดภัยในทุกโค้งที่คุณขับผ่าน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) เข้ามาให้คุณได้ใช้งานอีกด้วย

 

ภายใน

หลังจากถึงที่หมายดื่มด่ำบรรยากาศดินแดนมอญอย่างเต็มอิ่ม 1 คืน เช้ามาผมขอแบ่งปันให้เพื่อนร่วมทางได้ขับดูบ้าง ผมจึงขอเป็นผู้โดยสารสำรวจภายในว่ามีอะไรบ้าง ความกว้างขวาง ความหรูหรา และความรู้สึกแสนสบายในการเดินทางถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ จึงต้องเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้อย่างครบครัน ทั้งระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch พร้อมรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI (สำหรับ iphone4S ขึ้นไป) และการเชื่อมต่อ Smart Phone ในบางรุ่น ช่องเชื่อมต่อ HDMI และช่องเชื่อมต่อ USB จำนวน 2 จุด พวงมาลัยมากับมัลติฟังก์ชั่น สวิตช์ควบคุมระบบ i-MID พร้อมปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และระบบนำทางเนวิเกเตอร์ รวมถึงระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) และระบบควมคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มปรับดันหลัง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง และเพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ด้านหลังเพื่อรองรับสัมภาระได้อย่างลงตัวด้วยเบาะแถวหลังพับจังหวะเดียวแบบ One Motion พร้อมแยกพับ 60:40 เพื่อให้มีความเป็นอเนกประสงค์ในพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น จริงๆ การเปลี่ยนในครั้งนี้ผมโดนใจกับการปรับตำแหน่งความชันของเบาะหลังที่ทำให้ผู้โดยสารแถว 2 นั่งสบายมากขึ้นเมื่อเดินทางไกลๆ ทำให้ไม่เมื่อยล้ามากนัก อีกส่วนคือ จอแบบสัมผัสที่ตอบสองได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างจากหน้าจอ Smart Phone ราคาแพงทำให้เราใช้งานได้อย่างคล่องตัว ไม่ต้องจิ้มให้เหนื่อยกว่าจะสั่งงานผ่านหน้าจอได้ แต่ที่อยากให้ปรับคงจะเป็นเรื่องของการรองรับ Smart Phone ได้หลากหลายรุ่นมากขึ้น

 

ระบบเกียร์

หลังจากอยู่ด้วยกันมามากกว่า 700 กม. บอกได้เลยว่าเสน่ห์การออกแบบต้องยกให้ Daytime Running Light ที่ยกระดับความหรูออกมาได้ชัดเจน ด้านสมรรถนะคงเป็นความเหมาะสมและความฉลาดของระบบเกียร์ CVT ที่สามารถถ่ายทอดกำลังส่งตรงสู่เพลาได้อย่างราบลื่น นิ่มนวล รวดเร็ว แต่ถ้าปรับอัตราแปรผันน้ำหนักพวงมาลัยในความเร็วสูงให้มีน้ำหนักมากกว่านี้อีกสักนิด คงจะเป็น SUV ที่ขับได้แบบสปอร์ตเร้าใจมากเลยทีเดียว ส่วนในราคา New HONDA CR-V รุ่น 2.4 EL 4WD ราคา 1,580,000 บาท ถามว่าคุ้มไหม คุณคงต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณจะเอารถคันนี้ไปใช้ในสภาพถนนแบบไหน หากต้องลุยทางฝุ่น ขึ้นลงเขาเป็นกิจกรรมต้องไปเสมอ หรือใช้ความเร็วในสถานการณ์ถนนลื่นบ่อยๆ นั้นคุ้มแน่ๆ แต่หากคุณจะมาใช้เก๋ๆ ในเมืองออกต่างจังหวัดบ้าง บน High Way ซะส่วนใหญ่ทาง HONDA ยังมีรุ่น 2.4 EL ราคา 1,495,000 บาท ที่ประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณลงไปอีกนิดหน่อย สุดท้ายขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด ที่ให้เราได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เสมอมาครับ

 

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Honda

แท็กฮิต : , , , , ,