รีวิว : New Toyota Prius Hybrid ( โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด ) บน High Way ในเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา

จัดการทดสอบอย่างต่อเนื่องสำหรับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ครั้งนี้เป็นทีของ New Toyota Prius Hybrid ( โตโยต้า พรีอุส ไฮบริด ) ที่มาพร้อมความฮือฮาของหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงฟังก์ชั่นต่างๆมากมายจัดเต็มทั้งคัน โดยกิจกรรมเน้นใช้ระบบ HYBRID ในการแข่งขันแรลลี่ท่องเที่ยวทั่วกรุง ก่อนจะออกไปพิสูจน์สมรรถนะบน High Way ในเส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา

 

TOYOTA Prius

สำหรับ TOYOTA Prius ถือว่าเป็นรถยนต์ในตระกูล HYBRID รุ่นแรกของโตโยต้า ที่พัฒนาต่อเนื่องถึง 40 ปี โดย Prius รุ่นแรกออกมาจำหน่ายในปี 1997 ถ้าเราลองไปมองถึงอัตราการเติบโตของยอดขายรถตระกูล HYBRID ของโตโยต้าในประเทศไทย ผมถือว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่น่าสนในอย่างยิ่ง เนื่องจากในปี 2010 มีอัตราการเติบโตมากถึง 144% ส่วนในปี 2011 ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตมากถึง 182% และด้วยตัวเลขเหล่านี้ทำให้ทาง โตโยต้าไม่รอช้าที่จะส่ง New TOYOTA Prius ออกมาสร้างกระแสยอดขายให้ตัวเลขก้าวกระโดดขึ้นไปอีก ด้วยแนวคิดการพัฒนาสินค้า “No one else” นวัตกรรมอัจฉริยะที่ตอบทุกจินตนาการ โดย New TOYOTA Prius นี้ เน้นจุดขายหลักๆ อยู่ 3 ส่วน คือ ดีไซน์ล้ำสมัย, เทคโนโลยีล้ำยุค และ สมรรถนะล้ำเลิศ

 

ดีไชน์ล้ำสมัย

ถ้าเราจะแตกประเด็นจุดขายออกมาทีละข้อ ผมจะเริ่มจาก “ดีไชน์ล้ำสมัย” จุดแรกเริ่มในเรื่องการดีไซน์ คือ ในส่วนของไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED แต่ไม่อยากให้มองเพียงความสวยงามเท่านั้น เพราะเจ้าไฟ LED ชุดนี้นอกจากที่จะให้ความสว่างที่มากกว่าแบบ HID แล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าถึง 20-30% ด้วย จึงทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น อีกส่วน คือ ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วสีดำ พร้อมฝาครอบดีไชน์ใหม่ แน่นอนนอกจากจะสวยงามขึ้น ยังลู่ลมมากกว่าเดิมและช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นอีกด้วย ต่อมาเป็นหลังคามูนรูฟที่เข้ามาทำให้ตัวรถทรงคุณค่ามากขึ้น ส่วนภายในปรับโทนเพิ่มความสว่างในรถมากขึ้น โดยใช้สี Silver Metallic เข้ามาช่วยในบางจุด เบาะคู่หน้าดีไซน์ใหม่ให้โอบกระชัดมากขึ้น และเน้นให้ผู้โดยสารตอนหลังมี Leg Room มากขึ้นด้วย พร้อมทั้งปรับไฟฟ้าในส่วนคนขับ

 

เทคโนโลยีล้ำยุค

ต่อมาเป็นส่วน “เทคโนโลยีล้ำยุค” จุดเด่นก็มีระบบควบคุมปรับอากาศด้วยรีโมท (Auto A/C WI Remote) ระบบนี้คุณจะสามารถเปิดระบบปรับอากาศได้จากนอกตัวรถด้วยการกดปุ่ม “A/C” เพียงครั้งเดียว ระบบปรับอากาศจะทำงานเป็นเวลา 3 นาที เพื่อช่วยลดความร้อนในห้องโดยสารลง ในขณะที่คุณจอดรถกลางแจ้ง อีกส่วนคือแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา หรือ Solar Ventilation System ระบบนี้จะนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาแปลเป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งให้พัดลมทำงานเป่าห้องโดยสาร เพื่อช่วยลดความร้อนลง เป็นการประหยัดพลังงานเพิ่มอีกทาง และ Head Up Display (HUD) จอแสดงผลการขับขี่บนกระจกหน้า ที่จริงแล้วรุ่นเก่าก็มี แต่ในรุ่นนี้จะเพิ่มฟังก์ชั่นของระบบนำทางที่หน้าจอเข้าไปด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบ Navi ช่องเสียบ USB ระบบเบรค ABS  ที่ช่วยกระจายแรงเบรคผ่านระบบ EBD แถมป้องกันล้อหมุนฟรีด้วยระบบ TRC  และ VSC ระบบควบคุมการทรงตัว รวมถึงถุงลมนิรภัย 7 จุดรอบคัน (ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง / ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง / เข่าคนขับ 1 ตำแหน่ง / ม่าน 2 ตำแหน่ง)

 

สมรรถนะล้ำเลิศ

สุดท้าย “สมรรถนะล้ำเลิศ” มีมาให้ทั้งเรื่องความประหยัดถึง 24 กม.ต่อลิตร ความเงียบทุกช่วงความเร็ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยปล่อยมลพิษเพียง 103 กรัมต่อกม. และสุดท้าย คือ อัตราแรงที่ดีขึ้น และระบบเบรคที่แม่นยำขึ้น นี่เป็นจุดขายหลักๆ ของ New TOYOTA Prius

 

ทดสอบสมรรถนะของระบบ HYBRID

คราวนี้เราก็ได้ออกเดินทางกันสักที โดยเริ่มจากการวนรถกรุงพร้อมเล่นเกมส์หาภาพในสไตล์แรลลี่ท่องเที่ยว เพื่อทดสอบสมรรถนะของระบบ HYBRID ไปในตัว ต้องบอกว่าการจราจรติดมากๆ ในการทดสอบนี้เนื่องจากตัวผมเองใช้ Prius รุ่นเก่าทุกวันอยู่แล้ว จะสังเกตเห็นได้ชัดๆ เลยว่าพลังงานของแบตเตอรี่สามารถใช้ได้ยาวนานขึ้นเวลารถติด มีการสตาร์ทในส่วนของเครื่องยนต์ เพื่อแปลพลังงานเข้าแบตเตอรี่น้อยครั้งลง ทำให้อัตราการใช้น้ำมันน้อยลงแน่นอน เรื่องทัศนวิสัยในการขับขี่ดีอยู่แล้วสำหรับ Prius เนื่องจากกระบานหน้าที่กว้าง แต่เวลามองกระจกส่องหลังอาจจะดูยากเล็กน้อย เพราะด้านท้ายลาดลงมาก เรื่องความคล่องตัวในเมืองถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

ทดสอบสมรรถนะของระบบ HYBRID ของ New Toyota Prius Hybrid โดย iAMCAR

ช่วงล่าง

มาทดสอบกันต่อในส่วนของ High Way เจ้า New Prius ตั้งแต่รุ่นเดิมต้องยอมรับเลยว่าเป็นรถ HYBRID ที่มีช่วงล่างเยี่ยมมาก ความคล่องตัวในความเร็วสูงทำได้ดีอยู่แล้ว ในรุ่นใหม่นี้ก็ยังคงความเยี่ยมนี้ไว้อยู่ ที่ผมว่าดีขึ้น คือ ในเรื่องของระบบเบรคทำให้เรามั่นใจในการขับขี่มากกว่าเดิม แต่เจ้าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร แบบ Atkinson Cycle ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ยังคงตอบสนองการขับขี่ใน 3 โหมดการทำงาน คือ Power Mode, EV Mode และ Eco Mode ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ไฟฟ้าอัตโนมัติ ผมว่าต้องมีการปรับบางอย่างให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นแน่ เพราะเมื่อเทียบกับความรู้สึกเวลาขับตัวเก่ากับตัวใหม่ที่เราทำการทดสอบ รู้สึกว่าอัตราเร่งดูเหมือนในรุ่นใหม่จะแรงน้อยลงกว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย แต่ถ้ามองเรื่องอัตราการใช้น้ำมันรุ่นใหม่ก็ประหยัดลงกว่ารุ่นเก่าเช่นกัน ในเรื่องความเงียบในห้องโดยสารสอบผ่านอย่างแรง “เงียบมาก” แถมได้ลำโพงดีๆ จาก JBL ทำให้ได้อรรถรสในการฟังเพลงในรถดีมากขึ้น ถ้าให้ผมเปรียบเทียบระหว่างรุ่นใหม่กับรุ่นเก่าในตัว TOP สุดเหมือนกัน ราคาจะต่างกันอยู่ 89,000 บาท แต่ผมว่าความคุ้มค่าของอุปกรณ์ที่เสริมมาให้แบบครบครัน ถือว่าคุ้มมากครับ ได้ฟังค์ชั่นหลายๆ อย่างที่เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่มากขึ้นครับ

 

สุดท้ายต้องขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้เกียรติ iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE ได้ร่วมทดสอบนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้เสมอมา และถ้าคุณอยากสัมผัส ด้วยตัวคุณเอง New TOYOTA Prius จอดรอคุณอยู่ทุกโชว์รูมของโตโยต้าทั่วประเทศ