รีวิว : Toyota Prius ( โตโยต้า พรีอุส ) ลัดฟ้าไปทดสอบท่ามกลางไอหมอกและอากาศหนาวๆ ณ จังหวัดเชียงราย

ได้เวลาของการทดสอบสมรรถนะของ Toyota Prius ( โตโยต้า พรีอุส ) กันสักที หลังจากที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทยไปเมื่อช่วงกลางเดือนธันวามคม 2553  ซึ่งการทดสอบครั้งนี้คณะสื่อมวลชนบินลัดฟ้าไปทดสอบท่ามกลางไอหมอกและอากาศหนาวๆ ณ จังหวัดเชียงราย

 

 

ก่อนเริ่มต้นการทดสอบเราได้ฟังการบรรยายสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์ โดยผู้จัดการฝ่ายวางแผนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และให้สื่อมวลชนได้ทดลองใช้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ และขับระยะทางสั้นๆ ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (ซึ่งต้องบอกว่าเป็นมหาลัยที่งดงามจริง..จริง) เพื่อให้คุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนออกไปทดสอบในเส้นทางจริง

 

การทดสอบเป็น 3 ช่วงคือ

จาก มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไปยังร้านอาหารกลางวัน ดอยตุง ลอด์จ ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร ในช่วงแรกนี้จะเป็นถนนปกติ ใช้ ECO โหมด ซึ่งช่วงนี้ผมยังไม่ได้ขับจึงขอพาชมห้องโดยสารก่อนดีกว่า ดูจากแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางการออกแบบล้ำสมัยมาก ชุดมาตรวัดและจอแสดงผลแบบดิจิตอล 3 มิติ MID หรือ Advance Multi-Information Display ติดตั้งกลางแผงหน้าปัดด้านบน ให้ความชัดเจนแม้ขับท่ามกลางแดดจัด หน้าจอหลักแสดงตำแหน่งเกียร์ โหมดขับเคลื่อน ความเร็ว อัตราสิ้นเปลืองแบบ Real-Time และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง ด้านซ้ายแสดงการทำงานของระบบ Synergy Hybrid ในขณะนั้น

 

ชุดมาตรวัดและจอแสดงผล

ด้วยรูปแบบของกราฟิก และดูอัตราสิ้นเปลืองย้อนหลังได้ แยก Trip A และ B พวงมาลัยทรง 4 ก้าน อำนวยความสะดวกโดยติดตั้งสวิตช์ทรงกลม ด้านซ้ายควบคุมเครื่องเสียง ถัดลงไปเป็นสวิตช์ควบคุมโทรศัพท์ ฝั่งขวาควบคุมจอเอนกประสงค์ และระบบปรับอากาศ และมีสวิตช์ ครูสคอนโทรล อยู่ด้านล่างของพวงมาลัย เมื่อสัมผัสสวิตช์ทรงกลมทั้ง 2 ข้าง ภาพกราฟิกของสวิตช์จะปรากฎขึ้นบนจอ จึงไม่ต้องละสายตาจากถนนลงมามองที่พวงมาลัย

 

คอนโซลกลาง

ติดตั้งชุดเครื่องเสียงแบบซีดี 6 แผ่น รองรับ MP3, WMA และมีช่องต่อ AUX ในรุ่น Top Grade ด้านข้างมีสวิตช์เปิด-ปิดระบบ HUD หรือ Head-up Display แสดงความเร็วแบบตัวเลข และระดับการขับแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมบนกระจกหน้า สามารถปรับระดับสูง-ต่ำและความสว่างได้ ถัดลงมาเป็นสวิตช์ควบคุมเครื่องปรับอากาศ คอนโซลเกียร์ที่เป็นชิ้นเดียวกับคอนโซลกลาง ติดตั้งสวิตช์เปลี่ยนโหมดการขับซึ่งแบ่งเป็น 3โหมด คือ Power Mode, Eco Mode และ EV ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ฝั่งขวาเป็นสวิตช์เข้าเกียร์ P สามารถกดได้จากทุกตำแหน่งเกียร์ ส่วนเบรกมือเป็นแบบใช้เท้าเหยียบ

 

คันเกียร์ไฟฟ้าสี

ฟ้าอ่อนออกแบบได้โดนใจ มีที่เก็บของพร้อมฝาปิด ที่เท้าแขนเลื่อนได้พร้อมที่เก็บของในตัว คอนโซลกลางเป็นแบบโปร่ง ด้านล่างจึงมีที่เก็บของได้อีกพอสมควร พร้อมสวิตช์อุ่นเบาะหน้าฝั่งซ้าย-ขวา และช่องจ่ายไฟฟ้า 12โวลต์ บนเพดานมีไฟส่องสว่างสำหรับด้านหน้า กล่องเก็บแว่นตา และที่บังแดดพร้อมกระจกเงาและไฟส่องสว่าง กระจกหลังมีสวิตช์เปิด-ปิดระบบตัดแสงอัตโนมัติ  เบาะผู้ขับปรับด้วยมือ แต่มีสวิตช์ปรับที่ดันหลังด้วยไฟฟ้ามาให้ และมีระบบอุ่นเบาะพร้อมสวิตช์อยู่ใต้คอนโซลกลาง  เล่าจบเรื่องภายในก็แวะทานข้าวพอดี

 

 

ช่วงที่ 2:

จาก ดอยตุง ไปยัง ช้างมูบ ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ผมขอเล่าต่อถึงเครื่องยนต์แล้วกัน (เพราะยังไม่ได้ขับ)  เจ้า Prius ใช้เครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE เบนซิน 4สูบ DOHC 16วาล์ว VVT-i ความจุ 1,797ซีซี Atkinson Cycle มีระบบ EGR – Exhaust Gas Recirculation ให้กำลังสูงสุด 99แรงม้า ที่ 5,200รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.46กก.-ม. ที่ 4,000รอบต่อนาที ถังน้ำมันจุ 45ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 650โวลต์ มีกำลังสูงสุด 82แรงม้า แรงบิด 21.09กก.-ม. ซึ่งลองมองจากสเป็คเครื่องยนต์แล้วก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะนอกจากจะมีแรงม้าปกติ แล้วยังมีแรงม้าจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก

 

คราวนี้ได้เวลาผมได้ขับบ้างละ เพื่อเดินทางไปยัง แม่สาย ด้วยเส้นทางสายเก่าเลาะตะเข็บชายแดนไทย-พม่า กลับเข้าถนนเส้นหลักพหลโยธิน เพื่อกลับมาที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร เริ่มต้นเห็นเส้นทางผมขยับเปลี่ยนเกียร์ “B” ทันที เพราะเป็นเส้นทางลงเขาแคบๆ โค้งหักศอกตลอดทาง แถมด้วยคนขับนำเป็นนักแข่งซะด้วย เรียกได้ว่าได้เห็นสมรรถนะของ “B” โหมด และระบบกันสะเทือนหน้าอิสระ แม็กเฟอร์สันสตรัตพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม แน่..แน่

 

“B” โหมด

จากการดสอบ “B” โหมดซึ่งเป็นการชาร์ทแบตเตอรี่แล้ว ยังทำหน้าที่คล้ายกับ Engine Brake เวลาขับลงเขาจะคล้ายกับเราใส่เกียร์ต่ำเอาไว้ ซึ่งตัวมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยทำการหน่วงความเร็วไว้ทำให้เค้าโค้ง ลงทางลาดชันได้ดีขึ้น ลดการใช้เบรกให้น้อยลง ซึ่งก็สามารถทำได้ดีในระดับที่หน้าพอใจ ยิ่งเสริมความปลอดภัยด้วยตัวช่วยอิเล็กทรอนิกส์  VSC ควบคุมเสถียรภาพ และ TRC ป้องกันล้อหมุนฟรี เพราะบางช่วงที่ผมเข้าโค้งแรงๆ ระบบ VSC ส่งเสียงเตือนและมีสัญญาณไฟกะพริบว่ากำลังทำงาน

 

ช่วงล่าง

ส่วนช่วงล่างนั้นอันนี้ถือว่าทำได้ดีเกินกว่าที่ผมคาดเอาไว้ เพราะการเข้าโค้งโหดๆ ขนาดนี้ด้วยความเร็วที่สูงมันสามารถพาเราผ่านโค้งต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ เรื่องระบบเบรกเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อม ABS และ EBD ต้องทำความคุ้นเคยสักพักจึงจะเบรกได้อย่างนุ่มนวล แต่ระบบพิเศษที่มีมาเพิ่มคือเมื่อเบรกจนกระทั่งรถหยุดนิ่ง แล้วกดแป้นเบรกต่อลงไปอีกนิด จะเป็นการเปิดระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน มีไฟสัญญาณเดียวกับ VSC สว่างขึ้น โดยเมื่อยกเท้าจากแป้นเบรกแล้ว เบรกจะทำงานค้างไว้ให้ประมาณ 3 วินาทีเพื่อป้องกันรถไหล ใช้งานง่ายและมีความนุ่มนวลเมื่อปลดเบรก และถ้าเบรกกะทันหันไฟเบรกจะกะพริบเตือนผู้ขับที่ตามมา ลดโอกาสการถูกชนท้าย

 

หลังจากที่เรากลับรถที่ด้านแม่สาย ผมลอง EV โหมดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ทดลองขับแล้วมีความรู้สึกเงียบและราบเรียบ ทำงานจากความเร็ว 0-48  กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้ากดคันเร่งหนักๆ หรือความเร็วเกินก็จะตัดเข้าโหมดไฮบริด ตอนที่เครื่องยนต์ดับเมื่อจอดรถนิ่ง หรือสตาร์ทอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็ว แทบไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของการสตาร์ทเครื่องยนต์เลย

 

  

Power  โหมด

โหมดสุดท้าย Power  โหมด   สุดท้ายที่ผมได้สัมผัส แรงขึ้นชนิดสัมผัสได้ ทำความเร็วได้ทะลุ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ช่วงความเร็วเกิน 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปขยับขึ้นช้าหน่อย แต่เวลาเร่งเครื่องรอบสูงมากๆ มีเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในห้องโดยสารอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยเร้าอารมณ์การขับให้ดูสปอร์ตมากขึ้นครับ เรื่องระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ CVT อัตราทดต่อเนื่องจึงมีการทำงานราบเรียบนุ่มนวลดีเยี่ยม

 

ราคารถยนต์ใหม่

TOYOTA Prius มีให้เลือก 2 รุ่น คือ

รุ่น Standard Grade ราคา 1,190,000 บาท

รุ่น Top Grade ราคา 1,260,000 บาท

 

สำหรับสี White Pearl เพิ่มเงิน 10,000 บาท (มีเฉพาะ Top Grade) ถ้าไม่นับสีพิเศษ ราคาของทั้ง 2 รุ่นจะต่างกัน 70,000บาท อุปกรณ์ที่ได้เพิ่มจากรุ่น Standard Grade คือ ไฟหน้า LED พร้อมระบบปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ, กระจกประตูคู่หน้าลดการเกาะตัวของหยดน้ำ และระบบอุ่นเบาะคู่หน้า ดูจากอุปกรณ์และราคาแล้วคิดว่าคนส่วนใหญ่คงซื้อรุ่น Top Grade

สุดท้ายขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ให้ iAMCAR VARIETY E-MAGAZINE ได้ร่วมทริปการทดสอบดี..ดี และสัมผัสนวัตกรรมดี..ดีครับ