รีวิว : VOLVO XC60 D4 ” ทดลองขับ วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4 “

 วอลโว่จัดกิจกรรมการทดสอบรถยนต์ VOLVO XC60 D4 ” วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4 ” พาสื่อมวลชนพิสูจน์ความเร้าใจในสมรรถนะที่ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมโชว์เทคโนโลยีชั้นเทพ Drive-E Powertrains เครื่องยนต์ดีเซลทวินเทอร์โบชาร์จ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 สปีดพร้อม Sport Mode และโชว์เทคโนโลยี i-ART ครั้งแรกของโลก โดยใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – จันทบุรี – พัทยา ในระยะทางรวมกว่า 500 กม.

 

VOLVO XC60 D4

บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ร่วมพิสูจน์ความเร้าใจที่คุ้มค่าของ VOLVO XC60 D4 วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4″ เริ่มการทดสอบกันที่ฐานทัพใหญ่ของวอลโว่ย่านคลองตัน โดยมีคุณฉันทนา วัฒนารมย์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด มาต้อนรับพร้อมแนะนำเทคโนโลยีใหม่ด้วยตนเอง ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ทางวอลโว่ได้ลงทุนกว่า 9262.53 ล้านบาทในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ใหม่ในสวีเดน เพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมเครื่องยนต์ใหม่บนแนวคิด Scalable Product Architecture หรือ SPA ทำให้รถยนต์หลายๆ รุ่นของวอลโว่สามารถใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยประหยัดต้นทุนทั้งที่เป็นตัวเงินและทรัพยากรของวอลโว่และของโลกแล้ว วอลโว่ยังมีความสามารถรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตได้อีกมากมาย

 

Drive-E Powertrains

จากเดิมที่เรามักจะเห็นโลโก้ “DRIVE-e” ซึ่ง “e” จะมีความหมายเกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมัน E85 แต่ในคราวนี้เปลี่ยนเป็น “E” ตัวใหญ่ คือ พัฒนาเครื่อง Drive-E Powertrains รุ่นใหม่ให้มีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบากว่าเครื่องยนต์ 4 สูบแบบเดิมประมาณ 30-50 กิโลกรัม ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในการออกแบบ จึงใช้เชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่อง 4 สูบอื่นๆ ที่มีในท้องตลาดปัจจุบันประมาณ 10-30% (ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ที่นำมาเปรียบเทียบกัน) นอกจากนี้ การออกแบบที่ช่วยลดแรงเสียดทานชิ้นส่วนกลไกภายในเครื่องยนต์ ประกอบกับการเผาไหม้ที่สมบูรณ์มากขึ้น ทำให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลังน้อยลง และเทคโนโลยีตัวต่อมาคือ Intelligent Accuracy Refinement Technology หรือ i-ART ที่มีการพัฒนาหัวฉีดเชื้อเพลิงโดยใช้คอมพิวเตอร์เซ็นเซอร์ ติดตั้งอยู่ในแต่ละหัวฉีดคอยควบคุมปริมาณการใช้เชื้อเพลิงตลอดเวลา ระบบ i-ART จะช่วยปรับการทำงานของหัวฉีดให้จ่ายเชื้อเพลิงในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละกระบอกสูบอย่างต่อเนื่อง ติดตั้งเซ็นเซอร์ควบคุมการทำงานของแต่ละหัวฉีด (หัวฉีดเชื้อเพลิงแบบจ่อตรงแต่ละสูบ หรือ Direct-Injection Fuel System) ให้แรงดันเชื้อเพลิงสูงถึง 2,500 บาร์ ฉีดจ่ายในอัตราสูงถึง 9 ครั้งต่อการหมุนของเครื่องยนต์ 1 รอบ

 

เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ที่มาใน VOLVO XC60 D4 วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4″ ติดตั้งระบบเทอร์โบชาร์จ 2 จังหวะ โดยที่เทอร์โบเล็กจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานที่รอบต่ำ เมื่อเครื่องยนต์ทำงานเร็วขึ้นจนถึงระดับที่กำหนด เทอร์โบใหญ่จะทำงาน ทำให้เครื่องยนต์สามารถผลิตแรงบิดได้เร็วขึ้นและต่อเนื่องในช่วงเวลาที่นานขึ้น จึงให้พลังสูงถึง 181 แรงม้า ที่ 4,250 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ในช่วง 1,740-2,500 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยี i-ART และระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แถมด้วย Sport Mode นอกจากนี้ยังมีโหมด Eco+ (อีโคพลัส) เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยลดมลพิษและปริมาณการใช้เชื้อเพลิงลงได้อีก 5% ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ โดยปรับระบบอื่นๆ ให้ลดการทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งรอบเครื่องหรือหน่วงกำลังเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากที่สุด ระบบ Eco+ มีฟังก์ชั่นการทำงานย่อยที่ทำงานร่วมกันจากหลายส่วน ตัวหนึ่งที่สำคัญคือ Eco Coast ซึ่งจะปิดการทำงานของระบบเบรกของเครื่องยนต์ (Engine Brake) ในย่านความเร็วระหว่าง 65-140 ก.ม./ช.ม. และเครื่องยนต์จะเปลี่ยนมาที่รอบเดินเบา เพื่อประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง

 

การลองในโหมดของ Eco+

อธิบายเทคโนโลยีเครื่องยนต์ซึ่งเป็นความโดดเด่นสูงสุดไปแล้ว ออกไปลองขับกันดีกว่า ทริปนี้เราวิ่งกันอย่างสบายๆ ไปเรื่อยๆ โดยใช้ถนนมอเตอร์เวย์เริ่มจากการลองในโหมดของ Eco+ ก่อน ในโหมดนี้จะลดการทำงานของระบบที่ไม่จำเป็นออก ผมของยกตัวอย่างเช่น ระบบปรับอากาศเวลาที่คุณยกคันเร่งคอมเพรสเซอร์จะตัดการทำงานด้วย แต่พอลองใช้งานดูไม่ค่อยโอเคสำหรับเมืองไทยที่อากาศร้อนมาก แต่วอลโว่ก็มีวิธีแก้ให้คือ เมื่อคุณกดโหมด Eco+ เรียบร้อย คุณกดปุ่ม AC อีกครั้งระบบปรับอากาศก็จะทำงานปกติ อีกส่วนที่สำคัญในการลดการใช้พลังงานคือ Eco Coast ซึ่งจะทำงานเมื่อคุณยกคันเร่ง ปกติแล้วเวลาคุณยกคันเร่งรอบเครื่องยนต์จะค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ เหมือนจะมีแรงเบรกจากเครื่องยนต์มาฉุดเอาไว้เล็กน้อย แต่ระบบ Eco Coast รอบเครื่องยนต์จะตกลงมาที่รอบเดินเบาทันที ทำให้ลดการสั่งจ่ายน้ำมันลงไปได้มาก และระบบการจ่ายน้ำมันจะทำงานได้อย่างแม่นยำขึ้น เพราะแต่ละหัวฉีดจะมีการฝังชิปคอมพิวเตอร์เอาไว้ทุกลูกสูบ ทำให้การจ่ายน้ำมันจะไม่เท่ากันในแต่ละสูบ แต่จะจ่ายในปริมาณที่เหมาะสม จึงทำให้การเผาใหม่หมดจด ไม่มีน้ำมันส่วนเกินที่คายออกมาเป็นไอเสียให้เกิดมลพิษ ผมเองทดสอบขับสบายๆ ชิวๆ ด้วยความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ในโหมดนี้ใช้ระบบปรับอากาศปกติ ยังสามารถทำตัวเลขการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ 26.3 กม./ลิตร ส่วนสื่อมวลชนอีกท่านทำได้ดีกว่าผมอีกประมาณ 29 กม./ลิตร ซึ่งโรงงานเคลมเอาไว้แค่ 21 กม./ลิตรเอง

 

ระบบส่งกำลัง

จะไม่พูดถึงเรื่องอัตราเร่งคงจะไม่ได้ ต้องบอกว่าแรงบิดระดับ 400 นิวตัน-เมตร สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างน่าประทับใจ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 8.5 วินาที หลังจาก 100 กม./ชม.ความเร็วยังไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง แถมระบบส่งกำลังยังทำงานราบรื่นไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนจังหวะของเกียร์เลย แต่มองที่เรือนไมล์ความเร็วไปแตะที่ 205 กม./ชม.แบบไม่รู้ตัว แถมยังมีระบบ Geartronic ที่ยังสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์ได้เอง พร้อมทั้งยังสามารถลดตำแหน่งเกียร์ลง เพื่อเรียกกำลังของเครื่องยนต์มาช่วยเบรกได้อีกด้วย

 

ห้องโดยสาร

ในส่วนของห้องโดยสารยังคงความกว้างขวาง อเนกประสงค์ และคลาสสิกไว้เป็นอย่างดี แต่มาในเวอร์ชั่นนี้เสริมด้วยลายไม้ เปลี่ยนวัสดุบุหลังคาใหม่ เสา B บุด้วยผ้า ใช้กรอบโลหะตกแต่งรอบๆ ช่องแอร์และปุ่มควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องโดยสาร หัวเกียร์ดีไซน์ให้โมเดิร์นขึ้นรูปทรงใหม่ใช้โทนสีดำ Piano Black ขลิบด้วยโลหะขัดด้านที่จับกระชับมือ และเบาะนั่งสไตล์สปอร์ตใหม่บุด้วยหนังแท้คุณภาพสูงที่โอบกระชับมากขึ้น เบาะที่นั่งรับกับสรีระนั่งสบายทุกที่นั่ง ให้ความสะดวกในการควบคุมบังคับรถได้สะดวกสำหรับที่นั่งคนขับ ส่วนเบาะนั่งหลังยังปรับพับได้ 3 แบบ (40/20/40) และที่พิงหลังให้ความสบาย มีที่วางแขนตรงกลางแบ่งที่นั่งด้านหลังออกเป็นสองด้านได้ หรือแบ่งเป็น 3 ที่นั่งได้ด้วยเข็มขัดนิรภัย เบาะที่นั่งติดตั้งอยู่กับที่ ขณะที่ที่พิงหลังสามารถปรับได้แยกชิ้น แต่ะละส่วนสามารถพับราบลงได้ง่ายเพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระจำนวนมาก พนักพิงศีรษะของเบาะโดยสารด้านหลังพับได้ด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้เบาะหลังสามารถปรับเป็นที่นั่งสำหรับเด็กได้ สามารถปรับความสูงได้สองระดับ เพื่อให้การปกป้องสูงสุด

 

สำหรับเด็กที่มีขนาดร่างกายแตกต่างกัน รวมทั้งทำให้เด็กๆ มองเห็นวิวภายนอกได้ดี โดยสามารถปรับระดับไว้ต่ำ สำหรับเด็กโตที่มีความสูงระหว่าง 115-140 ซม. น้ำหนักระหว่าง 22-36 ก.ก. และเบาะระดับสูงสำหรับเด็กเล็กที่มีความสูงระหว่าง 95-120 ซม. และมีน้ำหนักระหว่าง 15-25 ก.ก. แต่ส่วนสำคัญคือ การเพิ่มเทคโนโลยีล่าสุดที่พัฒนาขึ้นต่อยอดจาก Sensus ด้วยการผสานการใช้งานอินเทอร์เน็ตเข้ามาไว้ในระบบ แสดงผลผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ที่คอนโซลหน้ารถ พร้อมแสดงข้อมูลสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับรถ ระบบนำทางที่แสดงผลเป็นกราฟิก 3D และสามารถอัพเดตได้ตลอดอายุการใช้งาน รวมทั้งสาระบันเทิงในรูปแบบที่ใช้งานง่าย Sensus Connect มีระบบสั่งการด้วยเสียง และอ่านข้อความเป็นเสียง (text to speech) ผู้ขับขี่จึงไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยหรือละสายตาจากถนน ให้ความสะดวก และสอดคล้องกับการบังคับกฎจราจรใหม่ที่ห้ามใช้โทรศัพท์ในขณะขับรถได้เป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยเชื่อมโยงตัวเรา รถ และโลกภายนอกให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ระบบนี้คัดเลือกแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่คนคุ้นเคยและใช้งานอยู่ในปัจจุบันมาไว้ในรถให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งรองรับเว็บแอพพลิเคชั่นบนเทคโนโลยีคลาวด์ที่ทำให้การเชื่อมต่อเป็นไปได้ง่ายและราบรื่น สามารถอัพเดตข้อมูลต่างๆ ได้ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ ระบบนี้รองรับแอพพลิเคชั่นที่สำคัญ ได้แก่ Send to Car ผู้ขับขี่สามารถสมัคร Volvo ID เพื่อล็อกอินเข้าใช้งานระบบต่างๆ รวมทั้งเลือกและส่งแผนที่เส้นทางที่ต้องการจาก HERE Location Platform ที่ทำงานบนเทคโนโลยีคลาวด์ จากคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊ก และกดส่งไปยังระบบนำทางในรถผ่านแอพพลิเคชั่น Send to Car ทำให้สามารถดูแผนที่จากหน้าจอในระบบ Sensus Connect ได้สะดวก, TuneIn ความบันเทิงที่สามารถค้นหาและเลือกได้จากสถานีวิทยุออนไลน์กว่า 100,000 สถานีทั่วโลก Local Search เว็บแอพพลิเคชั่นที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกค้นหาสถานที่ต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร ในละแวกใกล้เคียงได้สะดวกมากขึ้น

 

ระบบความปลอดภัย

ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของวอลโว่ มีมาให้เต็มพิกัดทั้งส่วนการป้องกันและปกป้องทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ผู้เดินถนน และทรัพย์สิน โดยเฉพาะระบบเบรกอัตโนมัติที่ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ชนรถคันข้างหน้า ไม่ชนคนเดินถนน และไม่ชนจักรยาน ได้แก่ ระบบป้องกันการชนเมื่อขับขี่ที่ความเร็วต่ำ (City Safety) และ Pedestrian and Cyclist Detection with Full Auto Brake นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเพื่อป้องกันรถวิ่งออกนอกช่องทางเดินรถ (Lane Departure Warning) ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งเข้ามาทางด้านข้างขณะถอยหลังออกจากที่จอด (Cross Traffic Alert) และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ระบบช่วงล่าง

มาสัมผัสระบบช่วงล่างกันต่อครับ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสปริงสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ แชสซีแบบสปอร์ต ลดการโคลงของตัวรถ และมีการกระจายน้ำหนักเป็นอย่างดีระหว่างเพลาด้านหน้าและหลัง ทำให้รถมีความสมดุลมาก และยังมีระบบ DSTC ที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว โดยระบบจะบันทึกอัตราความเบี่ยงเบนระหว่างทิศที่ผู้ขับขี่ต้องการไปกับทิศทางจริงที่รถแล่น ทำให้สามารถทราบได้ว่าถึงจุดที่รถอาจลื่นไถลหรือยัง เช่น เมื่อผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่งอย่างกระทันหันขณะหักเลี้ยว เป็นต้น ระบบ DSTC จะปรับการถ่ายเทกำลังระหว่างล้อทำให้สามารถสร้างสมดุลและมีการทรงตัวที่ดี จากที่ได้สัมผัส VOLVO XC60 D4 วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4″ มีการปรับปรุงช่วงล่างให้แข็งขึ้น เพื่อความเกาะถนนที่ดีกว่าเดิม แต่ความนิ่มนวลยังอยู่ในระดับที่สบายทุกรูปแบบการเดินทาง อาจจะมีอาการโคลงบ้างในการเข้าโค้งที่ความเร็วสูง แต่ระบบ DSTC จะเข้ามาช่วยจัดการให้ตัวรถเข้าโค้งไปได้ด้วยความปลอดภัยครับ

 

สุดท้ายต้องขอบคุณ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เรา iAMCAR ได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เช่นนี้ ส่วนตัวเราถือว่า VOLVO XC60 D4 วอลโว่ เอ็กซ์ ซี 60 ดี 4″ เป็นนวัตกรรมเครื่องยนต์เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถออกแบบเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา ใช้น้ำมันน้อยลงมาก แต่กลับให้แรงม้า แรงบิด มากมายกว่าเครื่องยนต์ใหญ่ยักษ์ที่เคยมีมาด้วยซ้ำ ต้องยกนิ้วให้กับ “ความแรงแบบประหยัด รักษ์โลก” ของวอลโว่จริงๆ

 

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : Volvo

แท็กฮิต : , , , ,