The New Lexus LS ย้ำสถานะระดับ “First Class” ด้วยราคาเริ่มต้น 11,550,000 ล้านบาท

โพสต์เมื่อ 29th พฤศจิกายน 2020 หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

The New Lexus LS มาพร้อมการสานต่อความเป็นยนตรกรรมชั้นหรูระดับ “First Class” ด้วยความประณีต พิถีพิถัน และใส่ใจในรายละเอียดของทุกองค์ประกอบ ตามมาตรฐานคุณภาพแห่งวิศวกรรมการผลิตระดับโลก ภายใต้ช่างฝีมือชั้นครู “ทาคูมิ” (Takumi craftsmanship) เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุนทรียภาพ และความรื่นรมย์

ตั้งแต่เรื่องของโทนสีเงิน Gin Ei Luster ใหม่ ซึ่งมากับเทคนิคการพ่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จากการใช้สารเคลือบอะลูมินั่มบนชั้นสี เพื่อสร้างการตัดแสง และเงาให้โดดเด่นที่สุด จนรู้สึกเหมือนกับเส้นแสงของดวงจันทร์ที่ส่องบนผิวน้ำยามค่ำคืน

ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานยังคงมากับความล้ำสมัย และจัดมาให้แบบครบครัน เช่น ชุดไฟหน้า LED 3 ดวง ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด BladeScan Adaptive High-Beam System ที่สามารถปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ เพื่อช่วยกระจายแสงไฟหน้าด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำ พร้อมด้วยความสามารถในการปรับองศาการส่องสว่างในมุุมต่ำ

โดยจะมาพร้อมชุดไฟ Daytime Running Light รูปทรงตัว L และไฟเปิดต้อนรับผู้โดยสารขณะเข้า–ออก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากชุดไฟหน้าของ Lexus LC ต้นแบบสายพันธุ์สปอร์ต ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว พร้อมด้วยการติดตั้งชุดไฟเลี้ยวหน้า และหลังแบบ LED Sequential ที่สร้างความโดดเด่นด้วยไฟแสดงสัญญาณแบบกระพริบจากด้านในสู่ด้านนอก

เสริมความสปอร์ตดุดันด้วยชุดกระจังหน้ารมดำ ที่มากับงานดีไซน์ช่องดักลมใหม่ รับกันอย่างลงตัวทั้งชุดกันชน และชุดไฟหน้าสไตล์สปอร์ตได้อย่างลงตัว รวมไปถึงในมุมมองด้านหลังที่เร้าใจด้วยขอบไฟท้าย LED แบบรมดำ ตลอดจนไฟเบรกดวงที่่ 3 แบบ LED เพื่อตอกย้ำความสปอร์ตหรูหราให้เด่นชัดในทุกมุมมองยิ่งขึ้น

ขณะที่ภายในห้องโดยสารมากับความพิถีพิถันที่ผสมผสานด้วยความล้ำสมัย เช่น ชุดคอนโซลหน้า และแผงควบคุมสีดำ Piano Black ที่มากับการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายระดับพรีเมียม อาทิ หน้าจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบสัมผัสที่รองรับ Apple Car Play, ระบบปรับอุุณหภููมิอัจฉริยะแบบมัลติโซน พร้อมระบบ Nano-e รวมไประบบความบันเทิงจากเครื่่องเสียง Mark Levinson ซึ่งมากับหน้าจอแสดงภาพ LCD ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง เครื่่องเล่น Blu-Ray/DVD

Lexus LS ใหม่ มากับสมรรถนะที่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น จากการพัฒนาระบบช่วงล่างใหม่ให้มีเสถียรภาพ และการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวล พร้อมขุมพลังที่มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย เริ่มต้นด้วย LS 350 ที่มากับเครื่องยนต์ V6 ความจุ 3,456 ซีซี. พร้อมเรี่ยวแรงสูงสุด 315 แรงม้า และแรงบิด 380 นิวตันเมตร ต่อเนื่องด้วย LS 500 ที่เร้าใจขึ้นด้วยเครื่องยนต์ V6 Turbo ความจุ 3,445 ซีซี. ซึ่งขยับเรี่ยวแรงขึ้นไปเป็น 421 แรงม้า พร้อมแรงบิด 600 นิวตันเมตร โดยทั้ง 2 รุ่นจะมากับชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด

ขณะที่อีก 2 รุ่นคือ LS 500h Executive และ LS500h Pleat Executive จะมากับขุมพลังบล็อกเดียวกัน คือ เครื่องยนต์ V6 ความจุ 3,456 ซีซี. 295 แรงม้า พร้อมแรงบิด 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchonous ที่มีกำลังราวๆ 180 แรงม้า พร้อมแรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังรวมทั้งระบบอยู่ที่ 359 แรงม้า และมีหน้าที่ส่งกำลังเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ Multi-Stage Hybrid

อีกหนึ่งจุดเด่นด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต คือ เรื่องของระบบความปลอดภัยเหนือที่ระดับในชื่อ Lexus Safety System Plus มาตรฐานระดับโลก เช่น ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัจฉริยะ BladeScan Adaptive High-beam System (AHS) ที่ช่วยกระจายลำแสงไฟหน้ากับวัตถุด้านหน้ารถได้อย่างแม่นยำ เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่ในเวลากลางคืน โดยไม่รบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง ตามมาด้วยระบบช่วยจอด พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (Parking Support Brake System) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะจอด ด้วยระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุที่อยู่บริเวณใกล้ๆ โดยรอบขณะเดินหน้าหรือถอยหลัง เมื่อรถมีความเร็วต่ำกว่า 15 กม./ชม. และกระจกมองหลังดิจิตอลแบบลดแสงสะท้อน ที่ช่วยเพิ่มความกว้างของมุมอง และทัศนวิสัยในการขับขี่ โดยไม่ถูกบดบังด้วยพนักพิงศรีษะด้านหลัง