Toyota GR Yaris … น่าจะ “ดีงาม” ถ้านำเข้ามาขายในบ้านเรา
ขณะที่ Yaris ในบ้านเราแปรสภาพจากตัวแรงขับสนุกเครื่อง 1.5 ลิตร สู่กระแสความประหยัดในพิกัดรถ Eco Car เครื่อง 1.2 … เลยทำให้เราเชื่อว่าข่าวนี้คงทำให้สาวก Yaris ในเมืองไทย คง “น้ำลายหก” ไม่น้อย กับการเปิดตัวความเร้าใจครั้งใหม่ ด้วยโมเดล Toyota GR Yaris
Toyota GR Yaris จากตัวแข่งทางฝุ่น สู่ท้องถนน
Toyota GR Yaris โมเดลที่เห็นอยู่นี้ คือ การตัดต่อพันธุ์กรรมจากฝีมือของ TOYOTA GAZOO Racing และ Tommi Mäkinen Racing ที่ใช้เทคโนโลยีจากตัวแข่งทางฝุ่นแห่งรายการ World Rally Championship มาต่อยอดสู่รถถนน เพื่อส่งให้ GR Yaris เป็นรถ Hot Hatch ที่เร้าใจ
เริ่มจากรูปลักษณ์ตัวถังแบบ Hatchback 3 ประตู ที่ในมุมมองด้านข้างจะเห็นถึงแนวเส้นหลังคาสไตล์ Coupe ซึ่งช่วยลดระดับวามสูงลงไปราวๆ 91 มม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ และตามด้วยการลดน้ำหนักส่วนเกินจาเหลือเพียง 1,280 กก. จากการเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบา เช่น อลูมิเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์ เป็นส่วนประกอบ พร้อมการใส่เอกลักษณ์ตัวตนความเป็น GR Sport เข้าไปในรายละเอียด เช่น งานดีไซน์ชุดกระจังหน้า, ชุดสปอยเลอร์ในด้านหลัง และการขยายความกว้างตัวถัง สำหรับรองรับล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
สมรรถนะของ GR Yaris นั้นได้รับการอัพเกรดตั้งแต่การปรับเปลี่ยนตำแหน่งเครื่องยนต์ ซึ่งวางค่อนไปทางด้านหลังเกือบกึ่งกลางรถ เพื่อให้เกิดการกระจายน้ำหนักหน้า/หลังที่สมดุลย์ ขณะที่ขุมพลังจะมากับเครื่องยนต์เบนซินแบบ 3 สูบ 12 วาล์ว พิกัด 1.6 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศ และเทคโนโลยีจากสายงานมอเตอร์สปอร์ต
ซึ่งช่วยกันปลุกปั้นเรี่ยวแรงจนได้มาถึง 261 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมรูปแบบการขับขี่ที่เลือกได้ 3 โหมด คือ Normal, Sport และ Track พร้อมความสามารถด้านอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ในเวลาเพียง 5.5 วินาที ตลอดจนทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 230 กม./ชม.
นอกจากนี้ GR Yais ยังมาพร้อมกับความพิเศษสุด ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในชื่อ GR-FOUR ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ และติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรกในไลน์อัพที่เป็นรถพิกัดเล็ก หลังจากสิ้นสุดไลน์การผลิต Toyota Celica GT-Four ไปในปี 1999 โดยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-FOUR จะมีการทำงานในอัตราส่วนการกระจายกำลังระหว่างล้อคู่หน้า และคู่หลัง ที่แตกต่างกันไปในแต่ละโหมดการขับขี่
เช่น โหมด Normal จะอยู่ที่ 60/40, โหมด Sport จะอยู่ที่ 30/70 และโหมด Track ที่ 50/50 ขณะที่ระบบช่วงล่างพื้นฐานด้านหน้าจะมากับชุดแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ก่อนปิดท้ายด้วยระบบเบรกสมรรถนะสูง ที่ประกอบด้วยจานเบรกหน้าขนาด 356 มม. จับคู่กับคาลิปเปอร์ 4 Pot และจานเบรกหลังขนาด 297 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ 2 Pot
นอกจากนี้ผู้เป็นเจ้าของยังสามารถอัพเกรดความเร้าใจเพิ่มเติมได้ด้วยชุดออพชั่น Circuit-Pack ที่จะมาพร้อมกับระบบล็อคเฟืองท้าย Torsen Limited-Slip Differentials 2 ตำแหน่ง ทั้งในล้อคู่หน้า และล้อคู่หลัง ตามด้วยระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ และล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง Michelin Pilot Sport 4s ขนาด 225/40R18
