ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ พิสูจน์ความประหยัดน้ำมันอีกครั้งด้วยน้ำมัน 1 ถัง

โพสต์เมื่อ 28 มิถุนายน 2012 เวลา 6:03 น. หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์ โดย ป๋าซุ่ม..ขยุ้มหัวใจ

ranger

วิ่งไกลกว่า 1,700 กิโลเมตร บนเส้นทางเชียงราย – กระบี่
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ XLT ไฮไรเดอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ลิตร วีจี เทอร์โบ แบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 20.82 กิโลเมตรต่อลิตร สามารถวิ่งได้ไกลกว่า 1,700 กิโลเมตร
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ XLT ไฮไรเดอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ลิตร วีจี เทอร์โบ แบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุด 17.43 กิโลเมตรต่อลิตร สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 1,498 กิโลเมตร
ข้อกำหนดในการทดสอบ ความเร็วเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เปิดระบบปรับอากาศตลอดการทดสอบโดยใช้พัดลมระดับ 2 และความเย็นระดับกึ่งกลาง แรงดันลมยางตามมาตรฐานโรงงานคือ 38 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ห้ามเปิดกระจก สามารถหยุดพัก และเปลี่ยนผู้ขับได้ระหว่างทาง

กรุงเทพฯ ประเทศไทย, 28 มิถุนายน 2555 – ฟอร์ด ประเทศไทย จัดการทดสอบประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ อีกครั้ง โดยนำรถขับฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ XLT ไฮ-ไรเดอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ลิตร วีจี เทอร์โบ จำนวน 3 คัน แบ่งเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัต 6 สปีด จำนวน 3 คัน และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จำนวน 3 คัน ทำการทดสอบด้วยการเติมน้ำมัน 1 ถัง เดินทางจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สู่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดยมีระยะการเดินทางร่วมทั้งสิ้น 1.606 กิโลเมตร

ในการทดสอบฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่น เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ไฮ-ไรเดอร์ 4 ประตู แบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถทำสถิติการประหยัดน้ำมันสูงสุดได้ถึง 20.82 กิโลเมตรต่อลิตร โดยในการทดสอบเมื่อถึงที่หมายปลายทางยังสามารถเดินทางได้อีก 103 กิโลเมตรจากคอมพิวเตอร์ประเมินผลบนหน้าจอรถ ซึ่งฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ได้พิสูจน์ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันด้วยน้ำมัน 1 ถัง ไปได้ไกลกว่า 1,700 กิโลเมตร

การทดสอบประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ในครั้งนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์จำนวน 24 คน เป็นผู้ทำการทดสอบ ควบคุมการทดสอบและประเมินผลโดยรองศาสตราจารย์ ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน และคณะ พร้อมผู้แทนจำหน่ายฟอร์ด อเมริกันมอเตอร์ เชียงราย ผู้แทนจำหน่ายฟอร์ด สองแคว พิษณุโลก ผู้แทนจำหน่ายฟอร์ด นีโอ พระราม 2 ผู้แทนจำหน่ายฟอร์ด มิตรแท้ จังหวัดชุมพร และผู้แทนจำหน่ายฟอร์ด อนุภาษ มอเตอร์เซลส์ กระบี่ ร่วมเป็นสักขีพยานระหว่างการเดินทาง

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ วิ่งบนเส้นทางที่ผสมผสานระหว่างทางชันบนภูเขาจากจังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ มุ่งเข้าเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่งอย่างอำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก และนครสวรรค์ หรือการขับฝ่าการจราจารที่หนาแน่นของกรุงเทพฯ สู่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นต้น ภายใต้ข้อกำหนดในการทดสอบโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากบัณฑิตวิทยาลัย วิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธรไทย-เยอรมัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือซึ่งกำหนดให้ใช้ความเร็วเฉลี่ยตลอดเส้นทางไม่ต่ำกว่า 60 กิโมเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ทดสอบต้องใช้ช่วงความเร็วในการเดินทางประมาณ 70-90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเจอรถติดเป็นเวลานานบางช่วงอาจต้องใช้ความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อรักษาค่าเฉลี่ยรวมในการเดินทาง เป็นต้น

“นอกจากนี้ ระหว่างการทดสอบรถฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ทุกคันจะต้องเปิดแอร์และพัดลมเบอร์ 2 ปรับระดับความเย็นอยู่กึ่งกลางตลอดเส้นทาง ห้ามเปิดกระจกหรือปิดแอร์โดยเด็ดขาด เพื่อให้การทดสอบมีความแม่นยำ ภายใต้เงื่อนไขในการทดสอบเดียวกันทั้งหมด ส่วนระดับแรงดันลมยางนั้น ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ใช้แรงดันลมยางตามมาตรฐานโรงงานสำหรับการขับขี่แบบประหยัด หรือ ECO-Mode ซึ่งติดไว้ข้างประตูรถฝั่งผู้ขับของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ และในคู่มือประจำรถทุกคัน คือใช้แรงดันลมยาง 38 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ซึ่งฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ XLT ไฮ-ไรเดอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ลิตร วีจี เทอร์โบ แบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถเดินทางสู่จังหวัดกระบี่ได้ทุกคัน” รองศาสตราจารย์ ดร. สายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน กล่าว

เมื่อถึงจุดหมายปลายทางในอำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ คณะกรรมการได้ประเมินผล และสรุปผลการทดสอบประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ รุ่นดับเบิลแค็บ XLT ไฮ-ไรเดอร์ เครื่องยนต์ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ ขนาด 2.2 ลิตร ลิตร วีจี เทอร์โบ แบบ 4 สูบ รุ่นต่างๆ ดังนี้

รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
อันดับที่ 1 มีอัตราสิ้นเปลือง 20.82 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน 77.13 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,606 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 62.09 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อันดับที่ 2 มีอัตราสิ้นเปลือง 19.98 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน 80.39 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,606 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 61.45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อันดับที่ 3 มีอัตราสิ้นเปลือง 18.26 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน 85.93 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,569 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 64.57 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปิด
อันดับที่ 1 มีอัตราสิ้นเปลือง 17.43 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน ใช้ปริมาณน้ำมัน 85.93 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,498 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 62.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อันดับที่ 2 มีอัตราสิ้นเปลือง 17.11 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน ใช้ปริมาณน้ำมัน 85.93 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,470 กิโลเมตร ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 62.16 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อันดับที่ 3 มีอัตราสิ้นเปลือง 16.76 กิโลเมตรต่อลิตร ใช้ปริมาณน้ำมัน ใช้ปริมาณน้ำมัน 85.93 ลิตร วิ่งได้ได้ระยะทางรวม 1,440 ด้วยความเร็วเฉลี่ยตลอดการเดินทาง 65.01 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

“ผลการทดสอบอย่างเป็นอิสระในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้นของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ อย่างแท้จริง ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นในการพลิกโฉมหน้าทางธุรกิจจากการดำเนินงานภายใต้แผน One Ford ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งรวมถึงการมีความสามารถในการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น” คุณสาโรช เกียรติเฟื่องฟู รองประธานฝ่ายการตลาด การขาย และการบริการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าว

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ที่จะได้รับการผลิตในประเทศไทย เป็นรถกระบะที่ได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์ขึ้นโดยทีมงานระดับโลกที่ทำงานร่วมกันภายใต้แผน One Ford โดยทีมงานได้นำทรัพยากรระดับโลกที่บริษัทมีอยู่แล้วมาใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตเครื่องยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในระบบเกียร์ 6 สปีด ที่มีความสามารถในการประหยัดน้ำมันมาใช้ในการพัฒนาฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่

ทั้งนี้ เครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ 2.2 ลิตร วีจี เทอร์โบ ของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร และให้กำลัง 110 กิโลวัตต์ (150 แรงม้า) โดยใช้เทอร์โบแปรผันที่ช่วยให้สามารถควบคุมแรงดันอากาศได้อย่างแม่นยำในแต่ละรอบของเครื่องยนต์ ทั้งยังช่วยลดอาการรอรอบ ให้แรงบิดสูงในรอบต่ำ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มีตัวเลือกระบบส่งกำลังทั้งแบบเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด เพื่อการตอบสนองและการประหยัดน้ำมันที่เหนือชั้น สำหรับเกียร์อัตโนมัติ ผู้ขับขี่สามารถเลือกรูปแบบในการขับได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งยังสามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบแมนนวลได้โดยใช้ปุ่มซีเควนเชี่ยล ชิฟท์

นอกจากนี้ ระบบส่งกำลังของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ยังสามารถปรับการทำงานให้เหมาะกับสไตล์ของผู้ขับขี่ได้ด้วยระบบจดจำรูปแบบการขับขี่ หรือ Driver Recognition ซึ่งจะคำนวณการขับขี่ในปัจจุบันและบันทึกสถิติการเหยียบคันเร่งและเบรก รวมทั้งความเร็วที่ใช้ในการเข้าโค้ง เพื่อให้ระบบส่งกำลังเลือกเกียร์ได้อย่างถูกต้องและถูกเวลา เพื่อตอบสนองต่อการขับขี่ทุกสไตล์

สำหรับผู้ขับขี่ที่นิยมการเลือกเกียร์ด้วยตนเอง ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีดมอบการเปลี่ยนเกียร์ที่กระชับและแม่นยำด้วยคันเกียร์แบบสั้นที่มีลักษณะคล้ายกับคันเกียร์ในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ซึ่งติดตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ สำหรับเกียร์ธรรมดาทุกรุ่นมาพร้อมไฟสัญญาณเตือนให้เปลี่ยนเกียร์บริเวณแผงหน้าปัดของรถ เพื่อช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสมที่สุดในการเปลี่ยนเกียร์ เพื่อความประหยัดน้ำมันสูงสุด

อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประหยัดน้ำมันของฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ นั่นคือการที่นักอากาศพลศาสตร์ได้นำเอาซอฟท์แวร์อันล้ำสมัยในการทดสอบรถแบบเสมือนจริง เช่นเดียวกับที่ใช้ในการพัฒนารถแข่งฟอร์มูล่า วัน มาจำลองการทดสอบความสามารถทางอากาศพลศาสตร์ของเรนเจอร์ ใหม่ ทั้งคันมากกว่า 1,000 ครั้ง จนได้รูปโฉมของรถที่สมบูรณ์แบบและประหยัดน้ำมันสูงสุด

“ในขณะนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มียอดจองแล้วกว่า 22,000 คัน หลังจากการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยได้เพียง 6 เดือน เรามีความเชื่อมั่นว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ จะทำให้เราเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ซึ่งเป็นเซ็กเม้นท์ที่มีความสำคัญอย่างมากนี้ได้ ทั้งในประเทศไทย ในภูมิภาคนี้ และในทุกประเทศทั่วโลกเรา” คุณสาโรช กล่าว