เบนซ์ ยกทัพยนตกรรมกลุ่มเอสยูวี อบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย

บริษัท เมอร์เซเดส – เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำนวัตกรรมยานยนต์ ด้านความปลอดภัย เดินหน้าสานต่อกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยครั้งที่ 13 “Mercedes-Benz Driving Events 2016” ครั้งแรกของการยกทัพยนตรกรรมเอสยูวีระดับพรีเมี่ยม

เบนซ์ ยกทัพยนตกรรมกลุ่มเอสยูวี (SUV) อบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย

รถยนต์ เบนซ์ ในกลุ่ม SUV ครบทั้งพอร์ทโฟลิโอจำนวนรวมกว่า 15 คัน ได้แก่ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC Exclusive, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic มาให้ทดสอบสมรรถนะพร้อมเชิญทีมครูผู้ฝึกสอนมากประสบการณ์จากประเทศออสเตรเลียร่วมสอนเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย ณ บ้านบันยัน จ.ประจวบคีรีขันธ์

มร. ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ “เดอะ เบสท์” (THE BEST) สะท้อนความมุ่งมั่น ของบริษัทฯ ที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าในวันนี้ และวันข้างหน้า พร้อมสะท้อน คุณค่าของแบรนด์ทั้งในด้านความหลงใหล (Fascination) ความสมบูรณ์แบบ (Perfection) ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและดีไซน์อันทันสมัย เพื่อเป็นการตอบสนอง ความต้องการ ของผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมารถยนต์กลุ่มเอสยูวี (Sport Utility Vehicle) เป็นกลุ่มรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์รถยนต์กลุ่มนี้มียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยนับตั้งแต่มีการเปิดตัวรถยนต์กลุ่มเอสยูวีเมื่อปี 2011 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ทำการส่งมอบรถยนต์ในกลุ่มนี้เป็นจำนวนกว่า 4 ล้านคันทั่วโลก และสำหรับ ในประเทศไทย บริษัทฯได้มีการเปิดตัวรถยนต์ในกลุ่มนี้ไปแล้วทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดี”

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำระดับโลกและผู้บุกเบิกนวัตกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นพัฒนาระบบความปลอดภัยใหม่ๆ อย่างจริงจัง และต่อเนื่องทั้งยังคำนึงถึง “การพัฒนาทักษะการขับขี่” เพื่อให้ผู้ขับขี่ทุกท่านได้มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องสมรรถนะของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการทำงานของระบบความปลอดภัยต่างๆที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ขับขี่ในการช่วยเหลือตนเองและบุคคลรอบข้างในกรณีที่ เกิดเหตุคับขันเพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง”

“สำหรับกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2016” ในครั้งนี้นับเป็นการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเสริมทักษะความรู้และ วิธีการขับขี่ปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนและลูกค้ารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยความพิเศษของกิจกรรมในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้รวบรวมสุดยอดยนตกรรมในกลุ่มเอสยูวีครบทั้งพอร์ทโฟลิโอมาให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับสมรรถนะความแข็งแกร่ง ตลอดจนความสะดวกสบายระหว่างการขับขี่จากเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดโดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้ร่วมทดสอบสมรรถนะรถยนต์เอสยูวีแต่ละรุ่นเพื่อให้ได้สัมผัสกับประสิทธิภาพด้านต่างๆ เช่น กำลังเครื่องยนต์ ระบบส่งพลัง ระบบรองรับการสั่นสะเทือน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการขับขี่ อาทิ การบังคับพวงมาลัยบนพื้นผิวขรุขระ การใช้ระบบช่วยเหลือระหว่างการขับขี่ ควบคู่ไปกับการใช้ระบบความปลอดภัยต่างๆ ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายใต้การนำทีมของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ อย่าง มร.ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วทั่วโลก ไม่ต่ำกว่า 20 ปี”

สำหรับสนามทดสอบที่เมอร์เซเดส-เบนซ์จัดเตรียมไว้ มีทั้งหมด 3 ฐานด้วยกัน ซึ่งแต่ละฐานจะมีวัตถุประสงค์ในการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะเน้นทักษะการควบคุมคันเร่งและเบรกของผู้ขับขี่เป็นหลัก โดยฐานแรกเป็นการทดสอบการทำงานของระบบ 4MATIC ด้วยการขับขึ้นโครงเหล็กที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ที่ท้าทาย พร้อมจำลองสถานการณ์การขับขี่ขณะลุยน้ำที่มีระดับสูง เพื่อให้ผู้ขับได้เรียนรู้วิธีการรับมือสถานการณ์คับขันที่ต้องอาศัยทั้งเทคนิคการขับเฉพาะตัวและการรักษาระดับความเร็วให้คงที่ควบคู่กัน ฐานที่สองเป็นการทดสอบ¬¬¬¬สมรรถนะในการทรงตัว ด้วยการขับขึ้นและลงเนิน ทั้งเนินสูงและเนินต่ำบนสภาพถนนที่เป็นดิน ส่วนฐานสุดท้ายนั้นเป็นการทดสอบสมรรถนะในสถานที่จริงโดยมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทายความสามารถของผู้ขับขี่ ด้วยถนนที่แคบและ มีแหล่งน้ำล้อมรอบ ซึ่งผู้ขับขี่ต้องใช้ทักษะจากการอบรมในฐานต่างๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ผ่านสถานการณ์จำลองต่างๆ ในฐานนี้ไปได้อย่างสมบูรณ์

ในปีนี้บริษัทฯ ได้จัดเตรียมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์สำหรับการฝึกไว้จำนวนรวมกว่า 15 คัน ได้แก่ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium, Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC Exclusive, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic, Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic โดยกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2016” จัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 5-18 ตุลาคม 2016 รวมระยะเวลาการจัดทดสอบทั้งหมด 14 วัน โดยแบ่งผู้เข้ารับ การอบรมออกเป็นกลุ่มต่างๆ อาทิ สื่อมวลชน ลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ตัวแทนพนักงานขาย จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 31 แห่ง เป็นต้น เพื่อเข้าอบรมในแต่ละวัน ณ บ้านบันยัน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ข้อมูลผลิตภัณฑ์กลุ่ม SUV

Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium

Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium เป็นรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถยนต์ตระกูลเอสยูวีในฐานะที่เป็น “เอสยูวี ระดับเอส-คลาส” (S-Class among SUVs) ดีไซน์ภายนอก มีจุดเด่นที่การออกแบบส่วนหน้าของตัวรถ กันชนหลัง และไฟหลังใหม่ มาพร้อมกับความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG ประกอบด้วยกันชนหน้า และหลังแบบพิเศษ บันไดสำหรับเข้าและออกห้องโดยสารและล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง 21 นิ้ว ดีไซน์ภายใน ได้รับการออกแบบห้องโดยสารให้กว้างขวางโดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 ท่าน และไฮไลท์ของห้องโดยสาร คือ แผงหน้าปัดของผู้ขับขี่แบบใหม่ ซึ่งได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับส่วนหน้าจอความบันเทิงขนาด 8 นิ้ว (20.3 เซนติเมตร)

GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC เป็นระบบมาตรฐานและคุณสมบัติเด่นอีกมากมาย เช่น นวัตกรรมระบบเกียร์ DYNAMIC SELECT ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เลือกโหมดการทำงานของระบบเกียร์ได้ถึง 6 แบบ ระบบกันสั่นสะเทือน AIRMATIC ซึ่งทำงานร่วมกับระบบ damping system ADS เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงให้กับตัวรถขณะใช้งานและระบบ ACTIVE CURVE SYSTEM ซึ่งเป็นระบบเสริมเพื่อรักษาสมดุลและป้องกันการพลิกคว่ำ โดยระบบดังกล่าวจะทำงานร่วมกับโรลบาร์ ด้านหน้า และเพลาหลังเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้รถพลิกคว่ำขณะเข้าโค้งช่วยเพิ่มความคล่องตัวและสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่น่ารื่นรมย์ GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแบบวี ความจุกระบอกสูบ 2,987 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 258 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 620 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-2,400 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม/ชม.

• GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ราคา 7,990,000 บาท

Mercedes-Benz GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic

GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมกับ ดีไซน์ภายนอก ที่ดูสปอร์ต และปราดเปรียว ด้วยลายเส้นโค้งเว้าที่ให้ความรู้สึกพลิ้วไหว พร้อมความรู้สึกอันแข็งแกร่งจากกระจังหน้าขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง เสริมไฟหน้าโค้งมนและกรอบไฟแบบ LED Intelligent Light System โดดเด่นด้วยชุดแต่งสปอร์ตแบบ AMG ซึ่งประกอบด้วย กันชนหน้า-หลัง ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว แบบ AMG 5 ก้านคู่ เส้นสายของหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทาง ด้านท้าย แสดงถึงความเรียบหรูและล้ำสมัยพร้อมพาโนรามิคซันรูฟ ซึ่งสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้อัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า สำหรับ ดีไซน์ภายใน ยังคงความหรูหรา สง่างาม ด้วยการเลือกใช้วัสดุ คุณภาพชั้นดี ที่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานและสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย เบาะนั่งด้านหลังแบบ 3 ที่นั่ง สามารถ พับได้แบบ 1/3 : 2/3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ รถรุ่นนี้ยังเพิ่มเติมความสะดวกและความบันเทิงในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบ COMAND Online และระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ด้านเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบ Dynamic Select ที่มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ คือ Individual ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ Comfort ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกผ่อนคลาย สะดวกสบายเหมือนขับรถซาลูน Slippery เหมาะกับการวิ่งบนถนนที่ลื่น Sport เน้นการเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้รถรุ่นนี้ยังได้ติดตั้งระบบกันสะเทือน แบบอากาศพร้อมระบบควบคุมระดับ ADS (Adaptive Damping System) เพื่อรองรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแบบ V6 เทอร์โบพร้อมเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,987 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 258 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิด 620 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.0 วินาที ความเร็วสูงสุด 226 กม./ชม. ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Permanent all-wheel drive

• GLE 350 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ราคา 6,990,000 บาท

Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC

Mercedes-Benz GLE 500 e 4MATIC ยนตรกรรมกลุ่มเอสยูวีที่เป็นเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ไฮบริด นวัตกรรมด้านยานยนต์ และรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยวเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับ GLE 500 e 4MATIC มีให้เลือก 2 ดีไซน์ด้วยกัน คือ Exclusive และ AMG Premium ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยลายเส้นสวยคมสะดุดตา พร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ เส้นสายหลังคาถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเน้นดีไซน์แบบเรียบหรู ล้ำสมัย ไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลด แสงสะท้อนอัตโนมัติโดย GLE 500 e 4MATIC Exclusive จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สี Himalayas grey ส่วน GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic จะเพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยล้ออัลลอย ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว สี titanium grey ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน ดีไซน์ภายใน ยังคงเน้นความหรูหรา สง่างาม แต่แฝงกลิ่นอายความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิมโดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบผ่อนแรงและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ สำหรับ GLE 500 e 4MATIC Exclusive ตกแต่งด้วย เบาะนั่งหุ้มหนังและมาพร้อมระบบมัลติมีเดียอย่าง วิทยุซีดี MB Audio 20 สำหรับ GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic จะตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง nappa อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบ COMAND Online ระบบเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon® Logic 7® และฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apply CarPlay™) นอกจากนี้ห้องโดยสารภายในของทั้ง 2 รุ่น

มาพร้อมกับเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3/2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น ระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันซึ่งเรียกว่าระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมฟังก์ชัน Electronic Traction System 4ETS ระบบกันสะเทือนแบบ AIRMATIC ระบบป้องกัน ก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP),และ ระบบรักษาสมดุลของตัวรถเมื่อมีลมมาปะทะด้านข้าง (Crosswind assist) เป็นต้น GLE 500 e 4MATIC Exclusive มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน แบบวี เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ 6 สูบ ความจุ กระบอกสูบ 2,996 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 333 แรงม้า และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 116 แรงม้าที่ 5,250-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 480 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600-4,000 ต่อนาที อัตราเร่ง0-100 กม./ชม. ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 7G-TRONIC PLUS แบบ DIRECT SELECT พร้อมด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 8.7 กิโลวัตต์ น้ำหนักประมาณ 114 กิโลกรัม ไว้ที่ใต้เพลาขับด้านหลังซึ่งมีระบบหล่อเย็นจากน้ำและฝาป้องกันการกระแทกที่ผลิตจากแผ่นโลหะปิดทับไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความปลอดภัยสูงสุดโดยแบตเตอรี่นี้สามารถชาร์ตไฟให้เต็มได้ภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงส่งผลให้สามารถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าหรือ EV เพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 30 กิโลเมตร ด้วยความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม.

• GLE 500 e 4MATIC Exclusive ราคา 4,490,000 บาท

• GLE 500 e 4MATIC AMG Dynamic ราคา 4,990,000 บาท

Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC

Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC มีปรัชญาทางการออกแบบที่ต้องการสื่อถึงความสวยงามและเรียบง่าย สะท้อนผ่านเส้นสายลวดลายที่โค้งมน ผสมผสานความดุดัน ความสะดวกสบาย หรูหรา เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว สำหรับ GLC 250 d 4MATIC มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน คือ GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ทั้งสองดีไซน์มาพร้อมไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System และไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED fibre-optic เพื่อการขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ ลายเส้นด้านข้างถูกออกแบบให้ลาดเอียงไปทางด้านท้ายเสริมโครงสร้างตัวรถให้ดูทรงพลังและสง่างาม ไปพร้อมกัน

โดย GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ในขณะที่ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic จะมาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 20 นิ้ว ชุดแต่ง AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง) สำหรับ ดีไซน์ภายใน ถูกออกแบบโดยเน้นความหรูหรา ทันสมัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงกลิ่นอายของความสปอร์ตเอาไว้เช่นเดิม โดยทั้งสองรุ่นถูกตกแต่ง ด้วยลายไม้แบบ Open-pore brown ash wood โครงสร้างตัวถัง เป็นโครงสร้างน้ำหนักเบาที่ผสานด้วยการใช้วัสดุแบบอะลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง ทำให้น้ำหนักของตัวรถเบาลงกว่ารถยนต์รุ่น The GLK-Class ถึง 50 กิโลกรัม ช่วยลดอัตราการใช้พลังงานลงกว่าร้อยละ 19 และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลงร้อยละ 19 เช่นกัน GLC 250 d 4MATIC ทั้ง 2 แบบมาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ และเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ความจุกระบอกสูบ 2,143 ซีซี กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 204 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,600 -1,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กม./ชม.

• GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD 3,240,000 บาท

• GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic 3,690,000 บาท

Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic มาพร้อมกับการออกแบบตัวรถให้ดูทันสมัย คล่องแคล่ว ปราดเปรียว และปลอดภัย สามารถตอบสนองทุกความท้าทายของการขับขี่ได้เป็นอย่างดี ดีไซน์ภายนอก ถูกออกแบบให้สื่อถึงพลัง และความสุขุมได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าครีบระบายอากาศคู่ที่ช่วยเน้นให้ตัวรถกว้างขึ้น ตกแต่งด้วยกระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมแบบ 2 แถบ พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ตรงกลาง ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ ไฟหน้าแบบไบซีนอน (bi-xenon) ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ในกรอบไฟหน้าและไฟส่องสว่างอัตโนมัติในที่มืด เพิ่มลุคสปอร์ตยิ่งขึ้น ด้วยล้ออัลลอยทูโทน ดีไซน์สปอร์ตจาก AMG ขนาด 19 นิ้ว ชุดแต่ง AMG bodystyling ที่บริเวณกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้าง ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน รวมถึงเพิ่มความรู้สึกกว้างขวางด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

สำหรับ ดีไซน์ภายใน มีการออกแบบ ก้าวล้ำทันสมัยให้อารมณ์สปอร์ตและสง่างาม เบาะนั่งหุ้มหนัง Artico สลับ DINAMICA microfibre สีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ โดยเบาะนั่งด้านหลังสามารถพับได้ทั้ง 1:3 / 2:3 ตามความต้องการเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บของที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 2 โซน และระบบปิดบานประตูท้ายอัตโนมัติ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี กำลังแรงม้า สูงสุดที่ 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 1,200-1,400 รอบ ต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 6.6 วินาทีความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม.

• GLA 250 AMG Dynamic 2,440,000 บาท

 ภาพบรรยากาศ


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |