ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV พลังแห่งการขับเคลื่อน…ที่เกินกว่าใครจะตามทัน

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอน

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานไอคอนที่ครั้งนี้มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่จะมาขับเคลื่อนกลุ่มรถยนต์คอมแพคท์ให้ก้าวไปสู่มิติใหม่ พร้อมตอบสนองการขับขี่ในชีวิตประจำวันด้วยสมรรถนะอันทรงพลังแบบฟูลไฮบริด ซึ่งผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน มอบกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร เติมเต็มไลน์อัปสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้า ซีวิค และยนตรกรรมในกลุ่ม e:HEV ของฮอนด้าให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น มาพร้อมกับดีไซน์สปอร์ต พรีเมียม ที่ดึงดูดเกินต้าน ด้วยการตกแต่งโครเมียม และเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฮบริดรอบคัน เสริมความสปอร์ตพรีเมียมเร้าใจไปอีกขั้นกับความโดดเด่นที่ไม่สิ้นสุดในรุ่น e:HEV RS ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้วยเบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) เพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สะดวกสบายเหนือกว่ากับระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย

ดีไซน์สปอร์ต พรีเมียม ที่ดึงดูด…เกินต้าน

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Exhilarating Civic” เช่นเดียวกับฮอนด้าซีวิค เทอร์โบ เจเนอเรชันที่ 11 ที่สะท้อนถึงความเพลิดเพลินในการขับขี่ เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด ทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ และความสะดวกสบายที่คุ้นเคยภายในห้องโดยสาร

การออกแบบภายนอก

ดีไซน์ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Exhilarating Exterior สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นซีดานอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบอย่างประณีตในทุกรายละเอียด หรูหราทุกมุมมอง สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมไฮบริดด้วยด้วย โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต ออกแบบโดยใช้เส้นสายในแนวนอนที่ยาวต่อเนื่องจากด้านหน้าไปจนถึงด้านหลัง ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย โครงสร้างของตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำสไตล์ Low & Wide ที่ทำให้ตัวถังกว้างและยาวเน้นให้มีพื้นที่ภายในโปร่งโล่ง และทัศนวิสัยที่ดี อีกทั้ง มีการใช้เทคโนโลยี Roof Braze ในการประกอบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคา ช่วยให้ตัวรถมีเส้นสายที่สวยงามและเฉียบคม มาพร้อมความสปอร์ตพรีเมียมที่โดดเด่นในทุกมิติไม่มีสิ้นสุด พร้อมด้วยไฮไลท์สำคัญ ดังต่อไปนี้

  • กระจังหน้าและกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต
  • มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถตกแต่งด้วยโครเมียม
  • ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED สไตล์เอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็น   ยนตรกรรมไฮบริดได้อย่างชัดเจน
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม
  • ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีใหม่
  • ช่องเสียบกุญแจที่ย้ายไปไว้ด้านในที่มือจับประตูรถ เพื่อความประณีตสวยงาม
  • ดีไซน์ซุ้มล้อด้านหลัง พับและหุ้มเพื่อเพิ่มความประณีต  
  • ฝากระโปรงท้ายที่สามารถเปิดได้ด้วยเพียงจังหวะเดียว
  • ก้านปัดน้ำฝน ที่มีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยจะมีช่องฉีดน้ำอยู่ที่ก้านปัดน้ำฝน และมีการควบคุมปริมาณการฉีดและบริเวณที่ฉีดได้อย่างแม่นยำทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ชัดเจน แม้ในขณะฝนตก

ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมในรุ่น e:HEV RS ด้วยดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟรอบคัน โดดเด่นด้วย

  • กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS และกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต
  • กระจกมองข้างสีดำ
  • มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม
  • เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
  • สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย
  • ท่อไอเสีย พร้อมปลอกท่อไอเสีย
  • ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารออกแบบภายใต้แนวคิด “Fine Morning” มอบความสะดวกสบายทันทีเมื่อเข้าไปนั่งในห้องโดยสารพร้อมออกเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแอคทีฟตลอดทั้งวัน เน้นอรรถประโยชน์และเส้นสายที่สวยงาม ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมในทุกผิวสัมผัส พร้อมฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ที่ตอบโจทย์และใช้งานได้อย่างคล่องตัว ให้การขับขี่ที่มั่นคงแต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายในทุกอิริยาบถ สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น ด้วยเบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงใหม่ เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)  ช่องปรับอากาศและช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)

ขับเคลื่อนสู่มิติใหม่ของขุมพลังที่เหนือกว่า ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) กับเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ตัว มอบกำลังมอเตอร์สูงสุดได้ถึง 184 แรงม้าที่ 5,000 – 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 2,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 96 กรัม/กิโลเมตร

โดยระบบส่งกำลังของ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นทั้งในส่วนที่เป็นฮาร์ดแวร์และการควบคุมการทำงานของระบบฟูลไฮบริด e:HEV ให้ดีขึ้น โดยเครื่องยนต์ใหม่ ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC นอกจากจะมอบทั้งสมรรถนะการขับขี่และอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมแล้ว ยังได้รับการพัฒนาให้เก็บเสียงและแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น ทำให้สัมผัสได้ถึงเสียงเครื่องที่เร้าใจสมกับดีเอ็นเอความสปอร์ต พร้อมมอบประสบการณ์ขับขี่ที่มั่นใจบนทุกสภาพถนน ในหลายสถานการณ์การขับขี่

สมรรถนะการขับขี่มีการพัฒนาเพิ่มเติมใน 3 ส่วนหลัก ได้แก่

  1. Handling ที่ให้ความรู้สึกมั่นใจ อันเกิดจากการมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง 10 มิลลิเมตร จากการจัดวาง IPU ไว้ที่ใต้เบาะหลัง ส่งผลดีต่อสมรรถนะโดยรวมของการขับขี่
  2. ส่วนของ Upper Body ที่มีโครงสร้างแข็งแรง ไม่บิดตัวหรือโคลงง่าย มอบความสะดวกสบายในการขับขี่แม้บนถนนที่เป็นคลื่นหรือขรุขระ และบนถนนพื้นผิวแข็ง
  3. เพิ่ม​ความเพลิดเพลินในการขับขี่ โดยรุ่นนี้ได้มีการเพิ่ม ระบบ ANC (Active Noise Control) และระบบ ASC (Active Sound Control) เข้ามา โดยระบบ ANC จะทำหน้าที่ลดเสียงรบกวนโดยตรง เช่น ช่วยลดเสียงรบกวนในช่วงที่รถวิ่งอยู่บนถนนขรุขระ ส่วนระบบ ASC นั้นจะช่วยเสริมแต่งเสียงเครื่องยนต์ให้เหมาะสม มีความเร้าใจเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ระบบฟูลไฮบริด e:HEV มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมด ซึ่งระบบจะปรับเปลี่ยนโหมดให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด มอบประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ได้แก่

  • โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้า
    จากแบตเตอรี่ มอบอัตราเร่งที่ดีเยี่ยม ออกตัวได้อย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องรอรอบ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง โดยแบตเตอรี่ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความจุมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่อง
  • โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว มอบอัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
  • โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่

และมาพร้อมกับสวิตซ์ฟังก์ชัน Drive Mode ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามสไตล์ 3 โหมด ได้แก่

  • ECON Mode – โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
  • Normal Mode – โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
  • Sport Mode – โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่การทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ที่เหมาะกับการใช้งานบนถนนในทุกสภาวะการขับขี่ ให้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับความปลอดภัย

เทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย สู่มาตรฐานใหม่แห่งการขับเคลื่อนให้คุณมั่นใจมากขึ้นตลอดการเดินทาง

ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้

  • ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)  

ระบบช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วเมื่อมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน หรือคนเดินถนนที่อยู่ในระยะไม่ปลอดภัย โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง ซึ่งหากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนอง หรือในกรณีที่อยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชนระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)

ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทางปกติ ช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร

  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)

กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่

  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า

  • ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า อีกทั้งครบครันด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยอาทิ

  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)

ที่ช่วยลดจุดบอด ในการมองเห็นของกระจกมองข้างด้านซ้าย โดยใช้กล้องจับภาพ และแสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 9 นิ้ว เพื่อการมองเห็นที่ไร้มุมอับ ให้ความปลอดภัยในทุกการขับขี่

  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor)

ระบบจะตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่ผ่านการควบคุมพวงมาลัย เมื่อพบว่าประสิทธิภาพในการควบคุมรถของผู้ขับขี่ลดน้อยลง ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอ TFT และเมื่อตรวจพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากความเหนื่อยล้า ระบบจะทำการสั่นเตือนที่พวงมาลัย

  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multiangle Rearview Camera)

ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน

  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake)
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
  • ถุงลม 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า (Dual SRS) ถุงลมด้านข้างคู่หน้า (Side Airbags) และม่านถุงลมด้านข้าง (Side Curtain Airbags)
  • ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเตือนผู้โดยสารด้านหลัง (Front Passenger and Rear Seat Belt Reminder)
  • ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

ระบบป้องกันล้อล็อก ช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถและหักพวงมาลัยหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านหน้า ขณะที่ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) จะช่วยกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้าและล้อหลังเพื่อให้ความสมดุลกับน้ำหนักในการบรรทุกและเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก

  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ช่วยการยึดเกาะถนน มั่นใจกับทุกการขับขี่

  • ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) 

ระบบจะทำหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรกเมื่อรถยนต์จอดอยู่บนทางลาดชัน

  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)

เป็นระบบที่ทำงานโดยอัตโนมัติ โดยสัญญาณไฟฉุกเฉินจะทำงานเมื่อมีการเหยียบเบรกกะทันหัน   เป็นการแจ้งเตือนรถที่ตามมาข้างหลัง

  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors)

ระบบจะช่วยหน่วงความเร็วรถ โดยคุณไม่ต้องแตะเบรกบ่อยๆ เมื่อขับตามรถคันหน้า ขับรถลงทาง ลาดชัน หรือชะลอความเร็วเมื่อกำลังจะติดไฟแดง อีกทั้งในจังหวะลดความเร็ว ยังช่วยชาร์จไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่ให้อีกด้วย

  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า (Acoustic Vehicle Alerting System – AVAS)

ระบบจะส่งเสียงเตือนให้ผู้ที่อยู่ภายนอกรับรู้ว่ามีรถเคลื่อนตัวอยู่ในระยะใกล้ เมื่อรถขับเคลื่อนในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์

  • อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว (Temporary Puncture Repair Kit – TPRK)

เมื่อหน้ายางรถรั่วสามารถแก้ไขได้เองง่ายๆ ด้วยอุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว

เชื่อมต่อคุณและรถยนต์ให้เป็นหนึ่งเดียวด้วยเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ล้ำสมัย พร้อมยกระดับสู่มาตรฐานใหม่ของการใช้ชีวิต ได้แก่
  • ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • (ANC)  ครั้งแรกในฮอนด้า ซีวิค
  • ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) ดีไซน์เรียบหรู พกพาสะดวก ให้คุณล็อกและปลดล็อกรถได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่พกการ์ดไว้กับตัว
  • มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (เฉพาะรุน e:HEV EL+)
  • ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Andriod Auto และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง
  • ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) การแสดงผลมีความชัดเจนของภาพ และสีที่คมชัด นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อย เช่น ปุ่มยกเลิกเส้นทาง และปุ่มปิดเสียงแนะนำ ที่สามารถสั่งการได้ง่ายๆ ด้วยปลายนิ้วสัมผัส
  • อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
  • ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
  • พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ละปุ่มควบคุมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING
  • ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT)* (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน มาพร้อมหลากหลายฟังก์ชันการทำงาน โดยมี 8 ฟังก์ชันการใช้งานหลัก ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ได้แก่
  •  My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
  • Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และ บันทึกการเดินทาง ที่สามารถเลือกทริปโปรด และแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
  • Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง
    5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง

* ลูกค้าสามารถสมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย

  • Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงานให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
  • Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และ แจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
  • Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และสั่งการดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
  • Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
  • Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผล
    บนแอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน

รุ่นและสี

ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่

  • รุ่น e:HEV RS   ราคา 1,259,000 บาท
  • รุ่น e:HEV EL+  ราคา 1,129,000 บาท

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 31 กรกฎาคม 2565 รับดอกเบี้ย 2.59%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี เสื้อแจ็กเกต e:HEV มูลค่า 500 บาท**

นอกจากนี้ ยังมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ได้แก่

  • รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
    ไม่จำกัดระยะทาง
    **
  • ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
    มูลค่า 7,158.50 บาท

สีภายนอก

มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV EL+

สีภายใน

สำหรับรุ่น e:HEV EL+ มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก สำหรับรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น

ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง

ยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 10,000 บาท แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต ราคา 1,800 บาท คิ้วบันได LED ราคา 5,100 บาท ฝาครอบกระจกมองข้าง ราคา 1,000 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,950 บาท ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส ราคา 1,150 บาท คิ้วตกแต่งกระจังหน้า ราคา 3,900 บาท คิ้วตกแต่งกันชนหลัง ราคา 5,900 บาท ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,200 บาท เป็นต้น หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Sport Package ราคา 8,900 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และ คิ้วตกแต่งกันชนหลัง
  • Exclusive Sport Package ราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และสปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
  • Modulo Aero Package ราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/civic

หมายเหตุ:

  • **เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
  • อุปกรณ์มาตรฐานแตกต่างกันในแต่ละรุ่น
  • สีขาวแพลทินัม (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท
  • ราคาอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่รวม VAT 7% ดูรายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมได้ที่ https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-civic/

ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |