BMW Group ETC: Energy and Environmental Test Center

BMW Group ETC: Energy and Environmental Test Center
ศูนย์ทดสอบไฮเทคสามารถจำลองสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศทุกแบบ
ทั้งร้อน หนาว ฝน หรือ หิมะ เพื่อประสิทธิภาพการพัฒนารถยนต์สูงสุด
ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘From Roads to Labs’


บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เปิดศูนย์เทคโนโลยี Energy and Environmental Test Center (ETC) ซึ่งเป็นศูนย์ทดสอบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ มูลค่าลงทุน 130 ล้านยูโร (ประมาณ 6,500 ล้านบาท) ศูนย์ ETC มีความสามารถในการจำลองสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศในทุกรูปแบบ ทั้งร้อน หนาว ฝน หรือ หิมะ เพื่อศึกษาการทำงานของรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ในสภาพการขับขี่เสมือนจริง รวมถึงการทำงานอุปกรณ์ส่วนประกอบต่างๆ เช่น ระบบหล่อเย็น ระบบเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบแบตเตอรี่ และระบบปรับอากาศ ภายใต้สภาวะแวดล้อมแบบสุดขั้ว เช่น ร้อนจัดหรือหนาวจัด ซึ่งก่อนหน้านี้ การทดสอบต่างๆ ดังกล่าวนี้ ต้องอาศัยการนำรถยนต์ไปวิ่งทดสอบจริงในสถานที่ต่างๆ เช่น ในประเทศสวีเดนตอนฤดูหนาว หรือในเขตทะเลทรายทวีปแอฟริกาตอนฤดูร้อน

ความสามารถจำลองสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้ห้องแล็บในศูนย์ ETC – ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘From Roads to Labs’ – สามารถทำการทดลองที่เคยต้องขนส่งทั้งรถยนต์และทีมวิศวกรไปตามสถานที่ต่างๆ มาอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันของศูนย์เทคโนโลยีนี้ จึงเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพในการพัฒนายานยนต์ในอนาคตของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งเป็นการประหยัดทรัพยากรทั้งด้านเวลา งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล ประหยัดพลังงาน และลดการคายคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ระหว่างกระบวนการทดสอบต่างๆ อีกทั้งยังไม่ต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้


Roads of the World in the ETC
สู่อนาคตแห่งขั้นตอนการพัฒนายานยนต์ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด

ศูนย์เทคโนโลยี Energy and Environmental Test Center (ETC) ประกอบด้วยแผนกทดสอบ 5 แผนก คือ (1) Cold test chamber, (2) Altitude test chamber, (3) Thermal wind tunnel, (4) Climatic wind tunnel และ (5) Environmental wind tunnel โดยแต่ละแผนกมีหน้าที่ทดสอบการทำงานของรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ภายใต้สภาวะการณ์จำลองที่แตกต่างกันตามที่วิศวกรกำหนด ซึ่งสามารถกำหนดตัวแปรต่างๆ เช่น อุณหภูมิ ความชื้นอากาศ การแผ่รังสีความร้อนของแสงแดด ความกดอากาศ ความเร็วลม ความเร็วของรถยนต์ ปริมาณฝนหรือหิมะ รวมถึงโปรแกรมจำลองการขับขี่ตามสภาพการใช้งานเสมือนจริง เช่น การจำลองการขับขึ้นภูเขาฟูจิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรถยนต์จะถูกเร่งเครื่องยนต์ เปลี่ยนเกียร์ และเบรก ภายใต้ตัวแปรด้านภูมิอากาศ รวมถึงน้ำหนักบรรทุกและน้ำหนักลากจูงได้ตามที่วิศวกรที่กำหนด ซึ่งการทดสอบดังกล่าว วิศวกรจะได้เรียนรู้ถึงการทำงานและพฤติกรรมของรถยนต์หรืออุปกรณ์ต่างๆได้อย่างละเอียด ยกตัวอย่างเช่น ระบบเผาไหม้ของเครื่องยนต์ภายใต้ความกดอากาศที่น้อยบนภูเขา, การทำงานของปั๊มน้ำมันเครื่องและปั๊มน้ำหล่อเย็นภายใต้น้ำหนักบรรทุกและน้ำหนักลากจูงเต็มพิกัดบนเส้นทางขึ้นเขา หรือแม้กระทั่งการสตาร์ทเครื่องยนต์ภายใต้อุณหภูมิหนาวจัดถึง -30 องศาเซลเซียส เป็นต้น

นอกจากศูนย์เทคโนโลยี ETC จะช่วยให้การทดสอบต่างๆ ที่เคยต้องขนส่งรถยนต์และทีมวิศวกรไปตามสถานที่ต่างๆ สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพในแล็บของศูนย์เทคโนโลยีแห่งนี้ ซึ่งเป็นการประหยัดทั้งเวลา งบประมาณ และทรัพยากรบุคคล เป็นอย่างยิ่งแล้ว ศูนย์เทคโนโลยี ETC ยังถูกสร้างขึ้นตามหลักการอนาคตที่ยั่งยืน (Sustainability) ด้วยโครงสร้างตัวอาคารแบบประหยัดพลังงาน อีกทั้งพลังงานที่ป้อนให้การทดสอบนั้น ส่วนหนึ่งผลิตได้จากการกระบวนการ Recuperation ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับระบบ Brake Energy Re-generation ในรถยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยส์ด้วย


Thermal and Climatic Wind Tunnels – Mid-summer in winter
จำลองสภาพภูมิอากาศได้ทุกรูปแบบตลอดปี –
สามารถสร้างฤดูร้อนขึ้นมาท่ามกลางหิมะฤดูหนาวในมิวนิค

อุโมงค์ลม Thermal and Climatic Wind Tunnels ของศูนย์เทคโนโลยี ETC สามารถจำลองสภาพภูมิอากาศได้ทุกรูปแบบ ทั้งร้อน หนาว ฝน หรือหิมะ โดยไม่ต้องขึ้นกับสภาพอากาศภายนอก และไม่ต้องขนส่งทั้งรถยนต์และทีมวิศวกรออกนอกสถานที่ นี่ครั้งแรกที่การทดสอบต่างๆ สามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนาผลิตภัณฑ์ในระดับ Prototype ไม่ต้องรอจนถึงขั้นเป็นผลิตภัณฑ์เกือบสมบูรณ์ดังเช่นในอดีต ซึ่งช่วยให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะว่าข้อมูลความรู้ที่ได้จากการทดสอบสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้แต่เนิ่นๆในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อีกทั้งตัวแปรต่างๆ ทั้งอุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ความเร็วลม ความเร็วของรถยนต์ ปริมาณฝนหรือหิมะ สามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำและสามารถสร้างขึ้นเพื่อทำการทดลองซ้ำได้หลายรอบตามที่ต้องการ

การทดสอบหลักใน Thermal and Climatic Wind Tunnels คือ การทำ Stress Test กล่าวคือ การทดสอบการทำงานในระดับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งระบบปั๊มน้ำมันเครื่องและระบบปั๊มน้ำหล่อเย็น ระบบเบรกและการระบายความร้อนของเบรก รวมถึงระบบเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้แน่ใจว่าภายใต้ทุกระบบยังสามารถทำงานได้ตามปกติภายใต้สภาพอากาศและสภาวะการขับขี่แบบสุดขั้ว เช่น ร้อนจัดหรือหนาวจัด ในขณะที่รถยนต์บรรทุกและลากจูงเต็มพิกัด หรือวิ่งที่ความเร็วสูงเป็นเวลานานติดต่อกัน ซึ่ง Thermal and Climatic Wind Tunnels สามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ เช่น อุณหภูมิจากช่วง -20 ถึง 45 องศาเซลเซียส ความชื้น และความเร็วลมสูงถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ความสามารถในการจำลองสภาพภูมิอากาศได้ทุกรูปแบบตลอดปีภายในศูนย์เทคโนโลยี ETC นี้ นอกจากจะช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณ ทั้งการเดินทางและการขนส่งแล้ว ยังช่วยให้การทดสอบต่างๆ สามารถทำได้ตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น การทดสอบ Stress Test ภายใต้สภาวะร้อนจัดและหนาวจัด ที่ในอดีตต้องไปทำที่ศูนย์ทดสอบในประเทศสวีเดนในช่วงฤดูหนาวและในทวีปแอฟริกากลางฤดูร้อน Thermal and Climatic Wind Tunnels ก็สามารถจำลองสภาพอากาศดังกล่าวขึ้นมาภายในศูนย์เทคโนโลยี ETC ด้วยความสามารถดังกล่าวนี้ ศักยภาพและประสิทธิภาพการทดสอบต่างๆ จึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยตารางการทดสอบของทีมวิศวกรสามารถทำได้ทั้งปีในทุกฤดู ไม่ต้องขึ้นกับฤดูกาลและการเดินทางเหมือนในอดีต ซึ่งมักทำได้ภายในกรอบระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน


Altitude Test Chamber – EfficientDynamics to the next level
ห้องทดสอบความกดอากาศกับการพัฒนาเทคโนโลยี EfficientDynamics ขั้นสุดยอด

หนึ่งในหลักปรัชญา EfficientDynamics มุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูง ประหยัดน้ำมัน และคายไอเสียต่ำในทุกสภาวะการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ ซึ่งห้องทดสอบ Altitude test chamber ของศูนย์เทคโนโลยี ETC ได้เพิ่มศักยภาพความสามารถในการทดสอบให้กับทีมวิศวกรได้อีกขั้น ด้วยการจำลองสภาพความกดอากาศที่แตกต่างกันจากระดับ 200 เมตรต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึงระดับ 4,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (เมืองลาซา ในธิเบตอยู่ที่ระดับความสูง 3,650 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) อีกทั้งยังสามารถปรับระดับอุณหภูมิจาก -30 ถึง 45 องศาเซลเซียส และจำลองความเร็วรถยนต์ได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนั้นยังสามารถปรับความชื้นและความร้อนจากการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ได้อีกด้วย ซึ่งตัวแปรต่างดังกล่าวมีผลอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์เทอร์โบ ซึ่งการวิ่งที่ระดับความสูงเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์ก็จะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง โดยทุกๆความสูง 1,000 เมตร ความกดอากาศจะลดลง 30% ดังนั้นข้อมูลที่สามารถเรียนรู้จากการทดลองในห้องทดสอบ Altitude test chamber จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งๆ ขึ้นในอนาคต

สำหรับการทดสอบในห้อง Altitude test chamber รถยนต์จะวิ่งในสภาวะการขับขี่ที่จำลองขึ้นให้เหมือนกับการวิ่งบนถนนขึ้นภูเขาสูงต่างๆ เช่น ภูเขาไฟฟูจิในประเทศญี่ปุ่น เมืองลาซาในธิเบต หรือยอดเขาไพค์พีคส์ในสหรัฐอเมริกา โดยรถยนต์จะวิ่งตามโปรแกรมที่ถูกกำหนดขึ้นเสมือนการวิ่งบนถนนในสถานที่จริง ทั้งการเร่งเครื่องยนต์เพื่อขึ้นเขา การเบรกขณะเข้าโค้งลงเขา อีกทั้งยังสามารถกำหนดน้ำหนักบรรทุกและน้ำหนักลากจูงได้ด้วย นอกจากการทดสอบจะมุ่งเน้นเรื่องของประสิทธิภาพการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งในเรื่องประสิทธิภาพความประหยัดน้ำมันและการคายไอเสียแล้ว ยังมีการทดสอบอื่นๆ อีก เช่น การทำงานของระบบเทอร์โบ ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็น รวมถึงระบบเบรกด้วย


Cold Test Chamber
ห้องทดสอบสภาพอากาศหนาวสุดขั้ว

ห้องทดสอบ Cold Test Chamber จำลองสภาพอากาศแบบหนาวสุดขั้วถึง -40 องศาเซลเซียส เพื่อใช้สำหรับทดสอบการทำงานระบบปรับอากาศ ระบบละลายน้ำแข็งบนกระจก (Windscreen De-icing) ระบบความปลอดภัย ระบบแบตเตอรี่ ระบบเครื่องยนต์และการสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ รวมถึงระบบไฮบริด ในสภาวะอากาศดังกล่าว ซึ่งการทำงานของระบบต่างๆจะถูกบันทึกข้อมูลโดยระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รูปแบบการละลายของน้ำแข็งบนกระจกหน้า ซึ่งทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการทดสอบได้เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เวลาในการทดสอบระบบละลายน้ำแข็งบนกระจกใช้เพียง 5-10 นาที เทียบกับ 5 ชั่วโมงในอดีต


Environmental Wind Tunnel – Snow storm in summer
จำลองสภาวะการขับขี่ผ่านพายุฝนหรือพายุหิมะภายใต้หลังคาของศูนย์เทคโนโลยี ETC

ข้อมูลความรู้ที่ได้จากการทดสอบในอุโมงค์ลม Environmental Wind Tunnel ของศูนย์เทคโนโลยี ETC แห่งนี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอุโมงค์ลม Environmental Wind Tunnel จะจำลองสภาวะการขับขี่ในสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน ทั้งร้อนจัดถึง 55 องศาเซลเซียสและหนาวจัด -20 องศาเซลเซียส รวมถึงพายุฝนและพายุหิมะที่มีความรุนแรง เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถยนต์และความสามารถในการทำงานของระบบรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ รวมถึงอุปกรณ์ส่วนประกอบต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละส่วนสามารถทำงานได้เป็นปกติภายใต้สภาวะสุดขั้ว

ในอุโมงค์ลม Environmental Wind Tunnel ซึ่งประกอบด้วยถนนจำลอง ระบบฉีดน้ำฝน ระบบพ่นหิมะที่สามารถจำลองได้ทั้งหิมะที่มีความแห้งแตกต่างกัน ระบบฉายแสงสำหรับจำลองการแผ่รังสีของแสงอาทิตย์ อีกทั้งยังสามารถควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่แตกต่างกันได้ ซึ่งทำให้วิศวกรสามารถจำลองลักษณะการวิ่งของทั้งรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อศึกษาการทำงานของระบบและส่วนประกอบต่างๆ รวมถึงการวิเคราะห์แอร์โร่ไดนามิกส์แบบ Free body analysis ซึ่งจะทำให้เข้าใจการทำงานของรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ในสภาพเสมือนวิ่งทดสอบบนถนนจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น การทดสอบการขับรถฝ่าพายุหิมะ ซึ่งจะต้องให้แน่ใจว่าหิมะที่มีความละเอียดและแห้งไม่เข้าไปสะสมหรืออุดตันระบบเครื่องยนต์ หรืออุปกรณ์ความปลอดภัยสำคัญ เช่น กลอนฝากระโปรงหน้า หรือสะสมบนไฟท้าย

ข้อมูลความรู้ที่ศึกษาได้จากการทดสอบในอุโมงค์ลม Environmental Wind Tunnel ช่วยให้วิศวกรของบีเอ็มดับเบิยู กรุ๊ป สามารถลงรายละเอียดการออกแบบวิศวกรรมได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ในขั้นตอนการพัฒนารถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ ยกตัวอย่างเช่น การออกแบบระบบรางน้ำฝนและแอร์โร่ไดนามิกส์ของตัวรถขณะวิ่งตอนฝนตก ซึ่งวิศวกรได้ใช้ลมปะทะให้เป็นประโยชน์ในการทำหน้าที่ไล้น้ำฝน เพื่อไม่ให้เกาะสะสมบริเวณกระจกหน้าและกระจกข้าง เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด


Sustainability at the heart
อนาคตที่ยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญในทุกกระบวนการ

ศูนย์เทคโนโลยี ETC Energy and Environmental Test Center แห่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน (Sustainability) ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริบทของปรัชญา EfficientDynamics ได้ถูกขยายจากด้านผลิตภัณฑ์และด้านการผลิต ให้หมายรวมถึงขั้นตอนและวิธีการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรพลังงาน อีกทั้งยังเพิ่มความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยการลดไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในขั้นตอนต่างๆ

ดังนั้นเมื่อมองแบบองค์รวม (holistic view) แล้ว ศูนย์เทคโนโลยี ETC ได้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรพลังงานและการคายคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ถึง 3 ต่อ กล่าวคือ (1) ศูนย์เทคโนโลยี ETC ช่วยให้วิศวกรสามารถนำข้อมูลความรู้ที่ศึกษาได้จากการทดสอบต่างๆ มาประกอบการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อให้มีประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น, (2) ศูนย์เทคโนโลยี ETC ช่วยลดจำนวนการทดสอบในสถานที่จริง ซึ่งหมายถึงการลดการใช้ทรัพยากรพลังงานและคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในการทดสอบบนถนนจริงๆ ทั้งการขนส่งรถยนต์และทีมวิศวกรไปมาระหว่างสถานที่ทดสอบซึ่งมักอยู่ไกลออกไป การทำการทดสอบที่อาจจะต้องทำซ้ำหลายรอบเนื่องจากต้องรอเวลาให้มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม อีกทั้งยังลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ในการทดสอบ เพราะว่าการทดสอบทั้งหลายล้วนอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน และ (3) การออกแบบก่อสร้างศูนย์เทคโนโลยี ETC เองก็เป็นไปตามหลักปรัชญา EfficientDynamics กล่าวคือ มุ่งเน้นที่การใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการติดตั้งระบบ Recuperation ที่สามารถนำพลังงานส่วนเกินกลับมาปั่นไฟฟ้าเพื่อใช้อีกด้วย


{pgslideshow id=102|width=640|height=480|delay=3000|image=L}

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์ BMW, MINI และ Rolls-Royce และรถมอเตอร์ไซค์ BMW เรามีเครือข่ายการผลิต 24 แห่งใน 13 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีเครือข่ายจำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ในปีค.ศ. 2009 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมียอดขายรถยนต์ 1.29 ล้านคันและรถมอเตอร์ไซค์ 87,000 คัน มีรายได้ 50.68 ล้านยูโร และมีพนักงาน 96,000 คนทั่วโลก

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิต และจากความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างไม่ลดละ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปจึงได้รับการจัดอันดับให้เป็น The World’s Most Sustainable Car Manufacturer โดยสถาบัน Dow Jones ใน 5 ปีที่ผ่านมา


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |