รีวิว : All New HONDA City 2014 ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ ” กับเส้นทางหฤโหด โค้งเยอะๆ ที่เชียงราย

ปีนี้ ฮอนด้า ประเทศไทย ประเดิมเปิดตัว ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ ” All New HONDA City เป็นรุ่นแรก ซึ่งต้องบอกว่าตื่นตาตื่นใจกันทั้งวงการ เนื่องจากการดีไซน์ที่ล้ำสมัยทั้งภายใน ภายนอก แต่ที่โดดเด่นไปกว่านั้น ต้องยกให้ฟังก์ชั่นต่างๆ ที่มีมาให้อย่างท่วมท้น ซึ่งตัวผมเองก็ไม่คิดว่าจะมีมาให้ในรถระดับ 1,500 ซีซี. ภายใต้คำจำกัดความที่ว่า “ยนตรกรรมที่ไม่หยุดแค่คำว่าที่สุด” (Be Your B-E-S-T) แต่จะมากมายขนาดไหนตามมาชมกันครับ

 

การทดสอบ All New HONDA City

การทดสอบ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City ในครั้งนี้ จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย โดยใช้เส้นทางหฤโหด โค้งเยอะๆ ทางตรงสามารถใช้ความเร็วสูงได้ แถมยังเป็นถนนแบบสองเลนสวนกัน เพื่อที่จะให้สื่อมวลชนทดสอบอัตราเร่งแซงได้ ฟังดูแล้วอาจจะไม่เหมาะกับการทดสอบ City Car สักเท่าไรนัก แต่เพื่อให้สื่อมวลชนทุกท่านได้ลองสมรรถนะขั้นสูงสุดของรถ จึงจำเป็นต้องใช้เส้นทางแบบนี้ ส่วนตัวผมคิดว่าทางฮอนด้ามั่นใจกับสมรรถนะ All New HONDA City มาก จึงไม่กลัวคำติชมจากสื่อมวลชน เรามารู้จักรถในตระกูล City กันก่อน รุ่นแรกซึ่งเปิดตัวในปี 1996 โดนเด่นในเรื่องราคาที่ใครๆ ก็จับจองได้ รองรับกับความต้องการของลูกค้าในตลาดเอเชียโดยเฉพาะ ส่วนในรุ่นที่ 2 ปี 2002 ได้ขยายสู่ตลาดอื่นๆ ของโลก เช่น จีน หลังจากนั้น ในรุ่นที่ 3 ปี 2009 ได้ถูกจำหน่ายไปมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมียอดการผลิตต่อปี ในปี 2010 มากกว่า 300,000 คัน และยังมียอดขายสูงกว่าฮอนด้า แอคคอร์ด, ซีวิค และแจ๊ซ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมอย่างมากที่ผู้บริโภคมีต่อ HONDA City

 

ดีไซน์โดดเด่นอย่างสปอร์ต

” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ ” All New HONDA City ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด Advanced Cool Stunner ที่เน้นหนักในสามเรื่อง คือ การดีไซน์โดดเด่นอย่างสปอร์ต (Cool Sport), ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ (Best Fuel – Efficiency) และความสะดวกสบาย (Be Comfort) แต่ในสามเรื่องนี้จะถูกสะท้อนออกมาในรถ All New HONDA City ได้อย่างไร ต้องมาดูกันต่อ ผมขอเริ่มจากตัวรถภายนอกก่อน การยกระดับ City Car ให้หรูขึ้นมาแบบทันตาเห็นคงต้องอาศัยการดีไซน์ไฟหน้าที่งดงาม กระจังหน้าสีโครเมียม แต่ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City มีให้มากกว่าที่คิด คือ มีไฟหน้าแบบ 4 ดวงในโคมเดียว แถมใส่ Cutting คล้ายกับเพชรให้เกิดความหรูหรา พร้อมทั้งวางกระจังหน้าแบบแพลตินัมให้อยู่ในระนาบเดียวกันกับไฟหน้า พร้อมยกโลโก้ “H” ให้โดดเด่นขึ้นมา ด้านข้างตัวรถคล้ายสปอร์ตคูเป้มาก เนื่องจากแนวเส้นที่ถูกลากผ่านจากประตูหน้าไปจนถึงด้านท้ายของรถ ถือว่าเป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจของซิตี้ ใหม่ ได้ดีจริงๆ ขยับมาด้านท้ายอาศัยเสน่ห์จากไฟท้ายที่ดีไซน์เป็น “อัญมณี” ชิ้นงามไหลยาวต่อเนื่องมายังฝากระโปรงท้ายและเชื่อมต่อด้วยคิ้วโครเมียม เพื่อให้มุมมองด้านท้ายดูกว้างขึ้น สง่างามลงตัวที่สุด

 

ภายใน

เปิดประตูมาดูภายใน จุดนี้แหละที่เป็นความโดดเด่นสูงสุดของ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City ในความรู้สึกผม เริ่มจากดีไซน์แนวคิด “Layered Floating Cockpit” ที่เน้นสะท้อนความล้ำสมัยและมีความสปอร์ตแฝงเอาไว้ด้วย ตัวคอนโซลเป็นแบบ T ZONE ให้อารมณ์ต่อเนื่องในการดีไซน์ นอกจากนี้เราทึ่งกับออฟชั่นที่มาเต็มแบบไม่กลัวขาดทุนจากฮอนด้า โดยเริ่มจาก มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้า Blue Triple Meter มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advance Touch รองรับการเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย แสดงผลอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และยังรองรับการเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri Eye Free Mode (สำหรับ iPhone 4s ขึ้นไป) รองรับการเชื่อมต่อ Honda Link Application (เฉพาะ iPhone 4S ขึ้นไป) ลำโพงทั้ง 8 ตัวจะถูกติดตั้งกระจายตามจุดต่างๆ ในห้องโดยสารที่แผงประตู มีช่องสำหรับชาร์จกระแสไฟฟ้ามากถึง 3 จุด ช่องเก็บของมากมายตามจุดต่างๆ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ Honda Smart Key System ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ และ อื่นๆ อีกมากมาย ส่วนตัวผมคิดว่าเติมเบาะไฟฟ้าเข้าไปอีกอย่างก็เท่ากับรถซีดานตัวท็อปราคาเกินล้านแล้วล่ะครับ การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ จากการใช้งานอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้ง่ายๆ หากคุณนั่งในตำแหน่งท่านั่งที่ถูกต้องคุณจะสามารถใช้งานฟังก์ชั่นทุกจุดโดยที่คุณไม่ต้องขยับตัว ในความรู้สึกผมคิดว่าสิ่งที่ฮอนด้าให้มาใน ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถยุคใหม่ต้องการใช้งาน

 

ขุมพลัง

มาลองขับบ้างดีกว่าขุมพลังของ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City เป็นเครื่องยนต์ SOHC i-VTEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที โดยปรับปรุงเครื่องยนต์จากพื้นฐานเครื่องยนต์รุ่นเดิม พร้อมระบบ “Ecological-Drive Assist System” หรือ “E-CON System” เพื่อช่วยแนะนำการขับขี่อย่างประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ขับขี่ นอกจากนี้ฮอนด้ายังกลับมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT รุ่นใหม่ ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา และยังมาพร้อมกับสายพานที่มีความทนทาน และน้ำมันแบบพิเศษ

 

เกียร์

สำหรับเกียร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ทางฮอนด้าการันตีเกียร์ชุดนี้ว่า “สามารถใช้งานได้มากถึง 350,000 กม.” ส่วนถังน้ำมันได้ถูกย้ายตำแหน่งในการติดตั้งมาอยู่ที่ด้านท้ายของตัวรถ เพื่อลดน้ำหนักและรองรับการใช้พลังงานทางเลือก E85 ได้ จากการที่ผมได้สัมผัสการพัฒนาเครื่องยนต์ตัวนี้บวกกับระบบส่งกำลังแบบ CVT สังเกตได้ว่าการปรับพื้นฐานเน้นหนักไปที่ความเร็วช่วงต้นถึงกลางจาก 0-150 กม./ชม. มีการตอบสนองของอัตราเร่งที่เร้าอารมณ์อย่างมาก ถือว่าจัดจ้านกดคันเร่งลงไปครั้งใดเราจะได้อัตราเร่งที่มาอย่างต่อเนื่อง ราบเรียบไต่ความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณอยากสนุกมากกว่านั้นก็มี Paddle Shift ที่หลังพวงมาลัยให้คุณสามารถปรับตำแหน่งด้วยตัวเอง เวลาที่คุณใช้ Paddle Shift ในการเปลี่ยนเกียร์จะสังเกตได้เลยว่าจะมีอาการกระชากนิดๆ คล้ายกับเกียร์ออโต้รุ่นเก่า จุดนี้ทางฮอนด้าตั้งใจทำมาเพื่อสร้างอารมณ์ความสนุกในการขับขี่ให้คล้ายเกียร์ธรรมดา ส่วนด้านความประหยัดทางฮอนด้าเคลมได้ประมาณ 15.6 กม./ลิตรนะครับ

 

 

ช่วงล่าง

โค้งเยอะในการทดสอบครั้งนี้ ช่วงล่างน่าจะเป็นจุดที่ถูกใช้งานมากที่สุด เนื่องจากการเดินทางแบบ Free Style ไม่มีรถนำเช่นนี้ สื่อมวลชนส่วนใหญ่มักจะขับเร็ว เพื่อให้ทราบถึงสมรรถนะตัวรถ ระบบช่วงล่างของ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “All New HONDA City ปรับปรุงระบบบังคับเลี้ยวโดยแกนพวงมาลัยได้ถูกขยายขนาดขึ้น ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า หรือ EPS จะมีการปรับอัตราทดพวงมาลัยให้สูงขึ้น ลดความสูงของ Roll Center ระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และคานตัว H ของระบบทอร์ชั่นบีมในด้านหลัง ก็มีการยกให้สูงขึ้น เพื่อให้มีการเคลื่อนตัวไปทางด้านหน้า ทำให้สัมผัสของการทรงตัวและการขับขี่ในเชิงราบดีขึ้น มีการปรับปรุงในส่วนของมุมล้อของช่วงล่างหน้า โดยเมื่อเกิดแรงกระทำทางด้านข้างก็จะมีค่าของมุมเพิ่มขึ้น เพื่อให้ตัวรถมีการทรงตัวที่ดีขึ้น แม้ว่าจะต้องเข้าโค้งที่แคบ อัตราทดของเฟืองในระบบบังคับเลี้ยวก็มีการเปลี่ยนให้ตอบสนองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมการทรงตัว VSA ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมระบบป้องกันล้อล็อก ABS และ TCS อย่างเต็มรูปแบบ ยังช่วยป้องกันการลื่นไถลออกทางด้านข้าง และให้ความมั่นใจในระหว่างการขับ การเลี้ยว หรือการหยุด กับการทรงตัวที่ดีของรถยนต์ในทุกทิศทาง ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ช่วยทำหน้าทีในการป้องกันไม่ให้ตัวรถเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังในจังหวะที่มีการปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก โดยการทำงานจะอาศัยหน้าที่ในระบบการทรงตัว VSA เข้ามาควบคุมการรักษาแรงดันของน้ำมันเบรกเอาไว้ เมื่อรถยนต์จอดอยู่ประมาณ 1 นาทีเพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ ขณะที่มีการเคลื่อนย้ายเท้ามาที่คันเร่ง และช่วยให้การออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น ระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (EBD)
 เรื่องการทรงตัวในการเข้าโค้งรูปแบบต่างๆ ส่วนตัวผมถือว่าดีนะครับ ระบบช่วงล่างใหม่นี้ถือเป็นช่วงล่างที่เกาะถนนดี เมื่อมี VSA เข้ามาช่วย ยิ่งทำให้มั่นใจในการเข้าโค้งมากขึ้นไปอีก แต่การแปรผันของน้ำหนักพวงมาลัยในความเร็วสูงถือว่าเบาเกินไป เวลาที่คุณเข้าโค้งด้วยความเร็วจะรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ หวิวๆ นิดหน่อย ทั้งที่จริงๆ แล้วสามารถเข้าโค้งไปได้อย่างสบาย หากปรับในจุดนี้อีกนิดจบเลย แต่ผมก็เข้าใจได้นะครับว่าซิตี้เอาไว้ใช้ในเมืองพวงมาลัยน้ำหนักเบาจะทำให้ความเหนื่อยล้าน้อยลง การควบคุมง่ายขึ้น แต่ลูกค้าบางท่านที่มีงบน้อยอาจใช้เดินทางต่างจังหวัดด้วยเผื่อไว้สักนิดก็ดีครับ

 

สุดท้ายขอบคุณบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จํากัด ที่ให้ iAMCAR ได้สัมผัสนวัตกรรมดีๆ เสมอมาครับ บทสรุปของ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ ” All New HONDA City ของผมเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจส่วนหนึ่ง แต่จะดีดั่งใจที่คุณต้องการหรือไม่ ” ออล นิว ฮอนด้า ซิตี้ “ All New HONDA City จอดรอให้คุณทดสอบขับทุกโชว์ของฮอนด้าทั่วประเทศ