รีวิว : ขอลอง 3 Series เจนล่าสุด BMW 320d Sport (G20) … ราคา 2,929,000 บาท

ครั้งนี้เรา “จั่วหัว” การทดลองขับด้วยประเด็นง่ายๆ สบายๆ ซักวัน ด้วยการหนีฝุ่น PM 2.5 มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครนายก โดยมีพาหนะในครั้งนี้เป็น BMW 320d Sport (G20) ซึ่งใครเป็นสาวกค่ายนี้ ก็น่าจะรู้กันดีว่านี่คือ โมเดลลำดับเจเนอเรชั่นที่ 7 ของอนุกรม BMW 3 Series … ส่วนจะมี “ความขึ้นหรือลง” ด้านการใช้งานอะไรบ้าง … ตามมาดู “ภายใต้ Mindset ของเรา” กันได้เลย

BMW 320d Sport

BMW 320d Sport (G20) เอกลักษณ์คุ้น, แปลกตาดีไซน์, อัพเกรดความหรู

ใครที่เป็นแฟน BMW 3 Series มาตั้งแต่ยุคสมัยรหัสตัวถัง “E” ต่อเนื่องมาถึงรหัสตัวถัง “F” จนกระทั่งมาถึงรหัสตัวถังล่าสุด “G” น่าจะสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ขนาดของมิติตัวถังที่ประเมินคร่าวๆ ด้วยสายตา ก็สามารถบอกได้เลยว่ามีขยับขยายให้มีขนาดใหญ่โตขึ้น โดยในตัว G20 นี้จะมีความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,709 มม. ตามด้วยความกว้างที่ 1,827 มม. และความสูงอยู่ที่ 1,435 มม.

ส่วนงานดีไซน์นั้นเรียกได้ว่า “แปลกตา” ไปอย่างมาก จากอดีตที่ 3 Series จะนำเสนออารมณ์สปอร์ตมาโดยตลอด และมีส่วนผสมของความหรูหราบางๆ ซึ่งมีการปรับส่วนผสมทั้ง 2 อย่างขึ้นมาเรื่อยๆ และเริ่มชัดเจนมากขึ้นในเจนเนอเรชั่นรหัสตัวถัง “F” จนกระทั่งแสดงตัวออกมาให้เป็นแบบเต็มในรุ่นล่าสุดรหัสตัวถัง G20

BMW 320d Sport

จนแทบจะเรียกได้ว่าส่วนผสมระหว่างความสปอร์ต และความหรูหรา น่าจะอยู่ในอัตราส่วนระดับครึ่งๆ เลยทีเดียว โดยรายละเอียดภายนอกของเจ้า 320d Sport (G20) เจนล่าสุดนี้ ก็ว่ากันตั้งแต่ ด้านหน้าของตัวรถที่ยังคงมากับเอกลักษณ์ของชุดกระจังหน้าไตคู่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และอัพเกรดด้วยระบบ Active Air Stream Kidney Grille ซึ่งสามารถเปิด-ปิดช่องว่างของซี่กระจังได้แบบอัตโนมัติ

นอกจากนี้ยังเพิ่มความจุดสนใจ ด้วยงานออกแบบของชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มีการเพิ่มรอยหยัก ตลอดจนช่องดักอากาศในชุดกันชนหน้าที่มากับรูปทรง T-Shaped แนวนอน ขณะที่ด้านข้างนั้นมีจุดเด่นเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว ซึ่งลวดลายออกจากเรียบๆ หรูๆ พร้อมด้วยยางขนาด 225/45 R18 ที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็น Runflat แน่นอน

BMW 320d Sport

 

มาที่ด้านหลังยังคงนำเสนอความแปลกใหม่ผ่านชุดไฟท้ายทั้งในส่วนของานดีไซน์ และการให้โทนสี ที่เพิ่มความเป็น 3 มิติมากขึ้น รวมถึงงานออกแบบรูปทรง T-Shaped แนวนอน เพื่อสร้างความกลมกลืนกับมุมมองด้านหน้า โดยมีการเสริมความสปอร์ด้วยท่อไอเสียทรงกลมมาให้ทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวาของชุดกันชนท้าย

ภายในห้องโดยสารสำหรับคนที่ผ่านมือ BMW มาบ้าง คงไม่ยากที่จะทำความคุ้นเคย ด้วยออพชั่นมาตรฐานที่จัดมาให้ เช่น ปุ่มควบคุมมัลติฟังค์ชั่นบนพวงมาลัยดีไซน์ Sport, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, เบาะนั่งแบบสปอร์ตที่มากับระบบปรับไฟฟ้า และหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง

ซึ่งเท่าที่ลองนั่งดูก็พบเจอข้อติเตียนเบาๆ ว่าด้วยเรื่องของงานดีไซน์ของเบาะนั่งที่ดูจะสปอร์ตสำหรับคนร่างเล็ก ที่คาดเดาเอาว่าแทบจะไม่ต้อนรับ “คนหุ่นหมี” ซักเท่าไหร่ รวมถึงการดีไซน์ของตัวอุโมงค์เกียร์ที่ใหญ่จนการวางเท้าซ้ายบนแป้นพักอาจจะไม่สะดวกเท่าที่ควร

BMW 320d Sport

ขณะที่เรื่องอื่นถือเป็นปัญหาเบาๆ ที่แค่ต้องใช้ความ “คุ้นเคย” มากกว่า เช่น ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่เคยอยู่แถวๆ คอพวงมาลัย ก็ย้ายมาอยู่ข้างคันเกียร์ หรือ สวิทช์ควบคุมไฟหน้าในตำแหน่งเดิม แต่จากที่เคยเป็นแบบบิดๆ หมุนๆ ก็กลายมาเป็นแผงปุ่มให้กดแทน … แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับว่า แค่ “ไม่คุ้น” และนั่นไม่ใช่ “ปัญหา” ต่อการเป็นเจ้าของ

Start Engine … ลองของ 320d Sport (G20)

ใต้ฝากระโปรงของ 320d Sport (G20) คือ เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร ซึ่งพ่วงเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo โดยผลิตเรี่ยวแรงมาให้ใช้ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic สู่ล้อคู่หลัง

BMW 320d Sport

โดยหลังจากทำการสตาร์ทเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบว่า “เสียง” ช่างมีความต่างกันมากมาย ระหว่างภายนอก และภายใน แบบที่เรียกว่าความ “กราว” จากสไตล์ของเครื่องยนต์ดีเซลที่หลับตาฟังจากนอกรถ ยังนึกว่าน้องๆ ปิคอัพ กลับเงียบสงบเมื่ออยู่ภายในห้องโดยสาร ที่การันตีได้เลยว่าไม่ “ทำลาย” สุนทรียภาพในทุกการเดินทางแน่นอน

ส่วนความมันส์ในการขับขี่ยังคงเป็นสไตล์ที่สาวกแบรนด์ BMW นั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยความหนึบแน่น ที่อาจจะเกินเลยไปถึงความกระด้างบ้าง แต่นั่นคือข้อดีเมื่อคุณใช้ความเร็วสูงกว่าปกติ เพื่อรับสัมผัสความมันส์ในการขับขี่ ที่ประกอบด้วยน้ำหนักของพวงมาลัยที่เหมาะสม ซึ่งน่าจะมีการปรับเซ็ทใหม่ให้เบาแรงขึ้น แต่ยังคงมีการควบคุมที่ดีบนความเร็วสูง และความเบาแรงบนความเร็วต่ำ ซึ่งต่างจาก 3 Series จากยุคอดีต ที่ใครเคยผ่านมือจะรู้สึกดีว่าในความเร็วต่ำก็ไม่ได้เบาแรงซักเท่าไหร่นัก และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่เปิดทางให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ได้มากขึ้น

BMW 320d Sport

ขณะที่ความเร้าใจนอกจากภาพรวมของฟิลลิ่งแล้ว คือ เรื่องของอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่โรงงานเคลมมาให้ คือ 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 240 กม./ชม. แต่ด้วยสภาวะการขับขี่จริงทำให้การลองของความเร็วสูงสุดเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้กลายเป็นอะไรที่น่าสนใจกว่า

และนำมาซึ่งการลองจับตัวเลขเบาๆ ใน 2 โหมดการขับขี่ คือ Comfort และ Sport จากทั้งหมด 3 โหมด ซึ่งมี Eco Pro รวมอยู่ด้วยแต่ไม่นับ ส่วนผลงานของการลองของแบบ “จอดนิ่ง” และกระแทกคันเร่งทันทีจนถึง 100 กม./ชม. นั้นต่างจากที่เคลมเล็กน้อย คือ ราวๆ 8 วินาที โดยในโหมด Comfort นั้นเร็วกว่าที่ 8 วินาทีต้นๆ ขณะที่โหมด Sport นั้นอยู่ที่ราว 8 วินาทีกลางๆ ส่วนเหตุผลที่ทำให้เกิดความต่างนั้นน่าจะเป็นเรื่องของหลากองค์ประกอบของการขับขี่จริงที่ต่างจากตัวเลขทดลองในแล็บ

BMW 320d Sport

แต่สิ่งที่สัมผัสได้ คือ ในโหมด Comfort นั้นมีการส่งถ่ายกำลังที่เร้าใจ และต่อเนื่องสัมพันธ์กับการเปลี่ยนเกียร์จนทำให้เวลาที่ได้มานั้น “ดีกว่า” ขณะที่โหมด Sport จะเกิดอาการ “สลิป” เล็กๆ ในจังหวะออกตัว ซึ่งเกิดจากแรงบิดระดับ 400 นิวตันเมตรในรอบต่ำ จนระบบ Traction Control ต้องออกมาจัดการ แต่ถ้าถามในภาพรวมแบบไม่ต้องเอาตัวเลขมาเป็นเครื่องวัด บอกเลยว่าไม่ว่าจะในโหมดไหนก็ตามคุณจะรู้สึกถึงความ “สะใจ” ผ่านอาการหลังติดเบาะแน่นอน

อีกทั้งในโหมด Sport ที่แรงบิดทั้งหมดจะถ่ายทอดลงสู่ล้อหลังทันทีเมื่อกดคันเร่ง ทำให้เกิดการ Weight Transfer ถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดไปที่ด้านหลังเป็นส่วนใหญ่ จนทำให้รู้สึกว่า “หน้าเบา” และอาจทำให้รู้สึกคล้ายๆ เกิดอาการ Torque Steer ขึ้น เนื่องจากระบบพยายามสร้างเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยการโอนถ่ายแรงบิด เพื่อสร้างแรงยึดเกาะให้กับล้อคู่หน้าด้วยเช่นกัน และทั้งหมดที่ว่ามาจะเกิดขึ้นเพียงแค่ “เสี้ยววินาที” ก่อนจะบริหารจัดหารให้ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม และสร้างความมั่นใจ ให้ได้สนุกกับ G20 อย่างเต็มที่

BMW 320d Sport

นอกเหนือจากแค่การกระแทกคันเร่งจากจุดหยุดนิ่งแล้ว การลองขับในทั้ง 2 โหมด คือ Comfort และ Sport คุณจะยังได้สัมผัสถึงความต่างอย่างชัดเจนผ่านแป้นคันเร่ง โดยเฉพาะในโหมด Sport ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พร้อมจะปลดปล่อยพละกำลังทั้งหมด เพียงแค่เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาเพียงเล็กน้อย ขณะที่ในโหด Comfort กลับทำให้เรารู้สึกดีกว่า ด้วยพละกำลังที่ถ่ายทอดออกมาให้เราได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และ “เชื่องมือ”

เพราะฉะนั้นเราเลยเหมาเอาว่า 320d Sport (G20) มากับบุคคลิคที่ตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการซิ่งแบบสะใจด้วยโหมด Sport เมื่อใช้งานคนเดียว หรือกับเพื่อนร่วมแนวทาง โดยเว้นวรรคเอาโหมด Comfort ไว้ใช้กับครอบครัว หรือ ในอารมณ์ที่ไม่ต้องการความเร้าใจมากนัก แถมด้วยความประหยัดของสไตล์เครื่องยนต์ดีเซลที่เราเองลองขับแบบอยากกดก็กด อยากชิลล์ก็ชิล์ โดยไม่สนใจตัวเลขจาก กทม. ไปถึง จ. นครนายก ได้ในแบบ ระดับ 15-16 กม./ลิตร เลยทีเดียว

BMW 320d Sport

และสุดท้ายที่เราอยากขอร้องซักนิดก็คือเรื่องของระบบความปลอดภัย ซึ่งจัดมาให้อย่างครบครัน แต่ดันลืมไปอย่างเดียว และเราอยากขอร้องให้จัดมาเหลือเกินก็คือ “กล้องมองหลัง” เพราะแค่เซ็นเซอร์ถอยหลังที่ติดตั้งมาให้เพียงอย่างเดียว คงไม่พอสำหรับผู้ใช้รถในปัจจุบัน ฉะนั้นถ้าต้องการสร้างความ “อุ่นใจ” ในการใช้งานได้มากขึ้น การใส่ “กล้องมองหลัง” มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน น่าจะเป็นการเติมเต็มความ “สมบูรณ์” ให้กับ 320d Sport (G20) ได้ดีทีเดียว

ราคารถใหม่ BMW 3 Series

BMW 320d Sport ราคา 2,929,000 บาท

แท็กยี่ห้อรถยนต์ : BMW

แท็กฮิต : , , , , , ,