รีวิว : Mitsubishi All New Xpander ล่องลงใต้ จาก กรุงเทพฯ สู่ด้ามขวาน แดนใต้ กับเส้นทาง กรุงเทพฯ – สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ระนอง

All New Xpander จาก กรุงเทพฯ ล่องใต้ สุดปลายทางที่ ระนอง อีกหนึ่งบททดสอบ ที่เป็นนิยามใหม่ของรถ Crossover จากค่าย Mitsubishi ด้วยการเปลี่ยนทิศทางล่องลงภาคใต้หลังจากที่ไปลุยกับสายเหนือและอีสานมาแล้ว โดยคราวนี้ใช้เส้นทางจาก กรุงเทพฯ – สมุทรสาคร – สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ – ระนอง

Day1 เดินทางแบบสบายๆกับ All New Xpander สู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ไปเรื่อยๆ กับ All New Xpander ด้วยเส้นทางยาวๆ มุ่งหน้าสู่ร้านอาหารกลางวันแบบริมชายหาดแสนสงบ ที่ร้านเดอะเบสท์ หาดบึกเตียน จังหวัดเพชรบุรี หลังจากอิ่มหน่ำกันแล้วก็ออกเดินทางเข้าสู่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพื่อแวะพักดื่มเครื่องดื่มในแบบ coffee break กันที่ พิพิธภัณฑ์ 4D โดยมีการแวะเข้าชมภายใน พิพิธภัณฑ์อีกด้วย
หลังจากพักผ่อนกับ coffee break ก็เดินทางสู่ที่พักกายของคืนนี้ที่โรงแรม @T Boutique Hotel ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นี่แหละเพื่อพักผ่อนเตรียมพบกับบททดสอบในแบบทางยาวๆ ที่ต้องขับต่อเพื่อลงสู่จังหวัดระนองในวันรุ่งขึ้น

Day2 มุ่งหน้าลงสู่จังหวัดระนองกับเส้นทางสุดยาว

สำหรับวันที่สองของบททดสอบ ช่วงแรกเป็นเส้นทางแบบทางตรงยาวๆ มุ่งลงสู่จังหวัดชุมพรเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน ลุย ซีฟู๊ด จังหวัดชุมพร จากนั้นก็จะมุ่งหน้าลงที่สู่จุดหมายสุดท้ายที่จังหวัดระนอง ซึ่งช่วงนี้จะมีการขับผ่านช่วงเขาที่คดเคี้ยวรวมไปถึงมีการทำถนนอยู่ตลอดทาง แต่ก็ไม่เป็นปัญหารอันใด จนมาถึงจังหวัดระนองที่โรงแรมน้ำใสเขาสวย เป็นอันจบการทดสอบครั้งนี้

เหมาะสมกับการใช้งานในทุกภูมิประเทศ

ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือการเดินทางการพักผ่อน ด้วยตัวรถในรูปแบบของ Crossover ที่มีขนาดตัวถังที่ไม่ใหญ่ ไม่เล็ก ด้วยความยาว 4,475 มม. ความกว้าง 1,750 มม. กับความสูงของใต้ท้องรถในระดับ 205 มม. ที่ จะลุย จะซิ่ง จะชิว ก็ทำได้อย่างสบายหายห่วง

รวมไปถึง ห้องโดยสารที่มาด้วยเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่สามารถปรับพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ หรือจะขนผู้โดยสารแบบเต็มพิกัดตัวเบาะแถวที่ 3 ก็ยังสามารถนั่งได้แบบสบายๆ รวมไปถึงความสะดวกสบายจากฟังค์ชั่นมาตรฐานต่างๆ ถือว่าให้มาค่อนข้างครบครัน และตอบโจทย์การใช้งานได้แบบเพียงพอ ตลอดจนระบบความบันเทิงที่ควบคุมสั่งการผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว ซึ่งรองรับกล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด

 

 

สมรรถนะใช้งานดี ไม่ต้องซิ่งมาก

ด้วยขุมพลังเบนซินพิกัด 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ก็เพียงพอกับการใช้งาน ในแบบไม่ใจร้อนจนเกินไป แต่ช่วงเร่งแซงขอให้เผื่อไว้ซักนิดก็จะดี


ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็กเฟอร์สันสตรัท และเหล็กกันโคลง ในขณะที่ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ที่เซ็ตมาได้อย่างเหมาะเกินคาด ให้ความนุ่มหนึบ ไร้การดีดเด้งในช่วงหลัง พร้อมด้วยระบบเบรกแบบด้านหน้าดิสก์เบรก กับด้านหลังแบบดรัมเบรก พร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้วเป็นมาตรฐาน รัดด้วยยาง Bridgestone Ecopia EP150 ขนาด 205/55R16

 

บทความที่เกี่ยวข้อง