Nissan Motor Thailand (นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย) เปิดตัว Nissan GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) อย่างเป็นทางการ เคาะราคา 13.5 ล้านบาท

โพสต์เมื่อ 26th มีนาคม 2018 หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ส่งตรงความเร้าใจครั้งใหม่สู่ประเทศไทย เปิดตัว “ของแรง” Nissan GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) Premium Edition 2018 อย่างเป็นทางการ ด้วยราคาจำหน่าย 13.5 ล้านบาทไทย โดย Nissan Motor Thailand (นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย) ได้แต่งตั้ง Siam Nissan TKF (สยาม นิสสัน ทีเคเอฟ) เป็น Nissan High Performance Center (นิสสัน ไฮเพอร์ฟอร์มแมนซ์ เซ็นเตอร์) ศูนย์บริการรถสมรรถนะสูงของนิสสันแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

Nissan GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) ชื่อชั้นระดับตำนาน

กว่า 35 ปีในการสั่งสมประสบการณ์ด้านวิศวกรรมของ Sport Car ระดับตำนานจากนิสสัน ตลอดจนประสบการณ์จากวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก คือ ที่สิ่งที่หล่อหลอมเป็นความล้ำหน้า เพื่อสร้างสรรรค์ Nissan GT-R ซึ่งนี่คือหนึ่งในรถ Production Car ที่เร็วที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง ซึ่งในเวอร์ชั่นปี 2018 นี้ก็ได้รับการยกระดับความเหนือชั้นเข้าไปอีกขั้น

เริ่มจากรูปลักษณ์ที่อัพเกรดตามหลักอากาศพลศาศตร์ เช่น กระจังหน้า V-Motion หนึ่งในเอกลักษณ์การออกแบบล่าสุดของแบรนด์นิสสัน ซึ่งถูกขยายขนาดขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนเครื่องยนต์ มาพร้อมกับการตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมแบบด้าน และลายรังผึ้ง

ในขณะที่ฝากระโปรงได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเส้นสายเฉียบคม โดยยึดแนวทางหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้กระแสลมไหลผ่าน พร้อมกับเพิ่มเสถียรภาพมากขึ้นบนความเร็วสูง ตามด้วยการเสริมด้วยสปอยเลอร์ใต้กันชนหน้าแบบคาร์บอน แบบ เอสเอ็มซี (Carbon SMC) ที่มีการปรับขยายขนาด และติดตั้งในตำแหน่งที่ต่ำลง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนอากาศบริเวณมุมด้านล่างของตัวรถ

ส่วนด้านหลังบริเวณเสา C-Pillar ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ เพื่อให้อากาศสามารถไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยความโดดเด่นจากมุมมองด้านหลังกับชุดไฟท้ายทรงกลม เสริมความดุด้วย Diffuser สีเงินด้านหลังแบบคาร์บอนคอมโพสิท, ช่องระบายอากาศด้านข้าง และชุดท่อไอเสียไททาเนียมคู่ซ้าย-ขวา ปิดท้ายสุดด้วยการติดตั้งล้อฟอร์จอัลลอยจากแบรนด์ Rays ที่มีน้ำหนักเบาพิเศษแบบ Super Lightweight ขนาด 20 นิ้วมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ภายในห้องโดยสาร “ปรับ” ให้ตอบรับกับการใช้งานได้ “ทุกวัน”

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างความสะดวกสบาย ซึ่งผสมผสานด้วยความหรูหรา สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว เช่น แผงควบคุมที่ปรับปรุงใหม่ให้เรียบง่าย กับจำนวนสวิทช์ควบคุมซึ่งลดลงจาก 27 ปุ่มเหลือเพียง 11 ปุ่ม โดยแสดงผลจากบนหน้าจอ Touch Screen ขนาด 8 นิ้ว ซึ่งเข้าถึงได้ง่ายด้วยไอคอนขนาดใหญ่

ส่วนการตกแต่งนั้นประกอบด้วยแผง Dashboard ที่ได้รับการออกแบบใหม่ พร้อมด้วยการหุ้มหนัง และตัดเย็บด้วยงานมือ ตามด้วยแผงควบคุม Display Command ใหม่บนคอนโซลกลาง ที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ที่ติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ซึ่งนอกจากนี้ในส่วนของโทนสี ลูกค้ายังสามารถเลือกสีภายในห้องโดยสารได้ถึง 4 สไตล์ คือ Black Amber, Ivory, Saddle Tan และ Red Amber เพื่อให้เหมาะสมกับสีตัวถังภายนอก ซึ่งจะมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ Katsura Orange, Vibrant Red, Pearl Black, Gun Metallic, Pearl White และ Pearl Blue

ขับเคลื่อน “สะใจ” ด้วยระบบวิศวกรรมชั้นแนวหน้า

Nissan GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง V6 พิกัด 3.8 ลิตร พ่วงตัวช่วยเพิ่มสมรรถนะด้วยระบบอัดอากาศ Twin Turbo ซึ่งเป็นขุมพลังที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วย ช่างเทคนิคระดับมาสเตอร์ของนิสสัน พกพาพละกำลังมาให้ใช้ที่ 555 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 632 นิวตันเมตร

ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบเกียร์แบบ Sequential Dual-Clutch 6 สปีด ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ เพื่อให้ส่งต่อกำลังได้อย่างนุ่มนวล แต่กระชับฉับไวมากขึ้น ตลอดจนตอบรับรูปแบบการขับขี่ได้หลากหลายสไตล์ อีกทั้งยังมีชุดท่อไอเสียที่พร้อมระบบวาล์วเปิด-ปิด สำหรับสร้างเสียงอันดุดัน เพื่อเพิ่มความเร้าใจยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ในสไตล์สปอร์ต

ส่วนระบบช่วงล่างมากับฟังค์ชั่น DampTronic จากแบรนด์ Bilstein ที่ปรับเลือกโหมดได้ 3 รูปแบบ คือ Normal, Comfort และ R พร้อมการยกระดับเสถียรภาพการขับขี่ด้วยยาง Run Flat สมรรถนะสูงจากค่าย Dunlop รุ่น SP Sport Maxx GT 600 DSST CTT ด้านหน้าซีรี่ส์ 255/40ZRF20 และด้านหลังซีรี่ส์ 285/35ZRF20

ปิดท้ายด้วยความมั่นใจของระบบเบรกที่เลือกให้แบรนด์ Brembo รับหน้าที่ติดตั้งชุดเบรกด้านหน้าขนาด 390 มม. จับคู่คาลิปเปอร์ 6 Pot และด้านหลังขนาด 380 มม. คู่คาลิปเปอร์ด้านหลัง 4 Pot ที่มาพร้อมกับผ้าเบรกที่มีสมรรถนะ และความทนทานสูง เพื่อช่วยลดอาการเบรกเฟด และหยุดยั้งรถได้อย่างมั่นใจ