รีวิว : Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) 2017 การยกระดับมาตรฐาน Eco Car ครั้งใหม่ “คุ้มค่า” ใน ราคา 640,000 บาท

ค่าย Nissan นับเป็นแบรนด์รถยนต์รายแรกในเมืองไทย ซึ่งปล่อย Nissan March ลงตลาด ปลุกกระแสรถเล็ก Eco Car ให้ตื่นตัว และสร้างบรรทัดฐาน Eco Car ให้แต่ละค่าย “ปล่อยของ” กันอย่างจริงจัง โดยล่าสุดดูเหมือนค่าย Nissan จะกลับมาทวงบัลลังค์ “ ผู้นำ ” ด้าน Eco Car อีกครั้ง กับการนำเสนอ Eco Car ลำดับที่ 3 ในค่ายอย่าง Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) รุ่นท็อปที่มากับความ “คุ้มค่า” ใน ราคา 640,000 บาท

 

น้องใหม่กับการ “ปลุกกระแส” Eco Car ระลอก 2

Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) นับเป็นโมเดลที่ 3 ในพิกัดรถ Eco Car ที่ทำตลาดต่อจาก March และ Almera ซึ่งเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติเด่นจากแนวคิด Nissan Intelligent Mobility ตั้งแต่มิติตัวถังในสไตล์นถ Hatchback ที่มีขนาดใหญ่โตขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกับรถ B-Segment ด้วยตัวเลขความยาว 4,105 มม. ความกว้าง 1,695 มม. ความสูง 1,535 มม. และความยาวฐานล้อถึง 2,600 มม. ตามด้วยการกำหนดความกว้างแทรคล้อทด้านหน้าไว้ที่ 1,480 มม. และในด้านหลังที่ 1,485 มม.

 

 

ในขณะที่การดีไซน์นั้นยึดแนวทางการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความหรูหรา และความสปอร์ต เช่น เอกลักษณ์ของแบรนด์อย่าง กระจังหน้าแบบ V-Motion ที่รับกับชุดกันชนหน้าแบบสปอร์ตที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยช่องกันชนด้านล่างที่ตกแต่งด้วยโครเมี่ยม ตามด้วยเติมรายละเอียดด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อยกระดับความปลอดภัย เช่น ชุดไฟหน้าแบบ LED Projector ปรับสูง – ต่ำ พร้อม LED Signature Light และไฟตัดหมอกคู่หน้า ตลอดจนการติดตั้งกระจกมองข้างแบบปีกนก พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ส่วนด้านหลังนั้นมากับชุดไฟท้าย LED แบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง พร้อมด้วยไฟเบรก LED และสปอยเลอร์หลังคา ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15

 

ทางด้านภายในห้องโดยสารนั้นมากับความกว้างขวาง ด้วยการปรับขยายขนาดมิติตัวถัง พร้อมด้วยการเติมความสปอร์ตด้วยโทนสีดำให้กับดีไซน์ที่แม้จะหยิบยืมมาจาก March โดยเฉพาะในส่วนของคอนโซลหน้า แต่การติดตั้งชุดพวงมาลัยใหม่ทางสปอร์ตแบบ D – Shape เพิ่มเติมเข้าไปก็ช่วยขับความสปอร์ตออกมาได้ดีเช่นกัน ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นเรียกว่าจัดมาให้เต็มที่มากกว่า เช่น ชุดมัลติฟงัค์ชั่นบนพวงมาลัยสำหรับควบคุมเครื่องเสียง และโทรศัพท์, ชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส, ตลอดจนมาตรวัด MID – Multi Information Display ที่อ่านค่าได้อย่างชัดเจน อีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ “ความอเนกประสงค์” ที่มีมาให้ ทั้งจากการเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้วยการปรับ-พับเบาะนั่งด้านหลังแบบ 60:40 รวมถึงความกว้างในการเปิดประตูหลังที่มีมากถึง 85 องศา และเปิดได้ถึง 3 ระดับ ซึ่งช่วยให้ขนของ หรือเข้า-ออกห้องโดยสารได้ง่ายขึ้น

 

ชมคลิป

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=4qEDXzSM2f8[/embedyt]

Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) กับฐานะ Eco Car มากเทคโนโลยีความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยของ Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) เรียกได้ว่า “จัดเต็ม” ซึ่งนอกจากระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่รู้จักกันดีอย่าง ระบบ VDC – Vehicle Dynamic Control ทำหน้าที่ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบ HSA – Hill Start Assist ช่วยออกตัวบนทางลาดชัด, ระบบเบรก ABS, EBD, BA, เข็มขัด และถุงลมนิรภัยแล้ว

 

ก็ยังได้เพิ่มเติมตัวช่วยด้านอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปอีกมากมาย เช่น ระบบ Intelligent Forward Collision Warning ช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ ที่ใช้เซ็นเชอร์จากกล้องหน้าตรวจจับคนเดินถนน หรือรถยนต์บริเวณหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียง พร้อมสัญลักษณ์เตือน, ระบบ Intelligent Emergency Braking ทำงานร่วมกับระบบ Intelligent Forward Collision Warning ซึ่งจะวิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า และช่วยชะลอความเร็ว ตลอดจนหยุดรถ เพื่อลดอุบัติเหตุ หรือความเสียหายที่อาจเกิดจากการชน, ระบบ Lane Departure Warning ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะช่วยเตือนผู้ขับด้วยเสียง และสัญญาณไฟ โดยจะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 กม./ชม., ระบบ Intelligent Around View Monitor กล้องมองภาพรอบทิศทาง ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน ที่จะตรวจจับวัตถุเคลื่อนไหวรอบคันด้วยระบบ MOD (Moving Object Detection) และแสดงผลที่กระจกมองหลัง

 

พื้นฐานสมรรถนะเดิม แต่เพิ่มเติมความ “สนุก”

Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) ยังคงใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกับ Eco Car ในค่ายทั้ง 2 รุ่น กับรหัส HR12DE แบบ 3 สูบแถวเรียง DOHC 12 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) และหัวฉีดอิเลคทรอนิค มัลติพอยท์ (ECCS) 32 บิท โดยผลิตกำลังสูงสุดมาให้ใช้ที่ 79 แรงม้า พร้อมแรงบิด 106 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT ที่มีการปรับเซ็ทใหม่ พร้อมติดตั้งระบบ D – Step Logic และติดตั้งระบบ Idling Stop แบบมีสวิทช์เปิด – ปิดระบบ โดยระบบล่างเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหน้า และแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหลัง พร้อมการปรับเซ็ทใหม่ซึ่งใกล้เคียงกับที่ติดตั้งให้กับ Almera

 

 

แต่ด้วยการปรับเซ็ทใหม่ในเรื่องของสมรรถนะ ทำให้ Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) เป็นรถ Eco Car ที่ขับสนุกมากขึ้น ตั้งแต่ความกระชับมือของวงพวงมาลัย ต่อเนื่องด้วยการแปรผันน้ำหนักที่เพิ่มความคล่องตัวในความเร็วต่ำ ทำให้การใช้งานในเมืองนั้นมากด้วยความคล่องตัว ทั้งยังมากด้วยความปลอดภัยด้วยระบบต่างๆ ติดตั้งมา เพื่อทำให้การจอดรถเป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไป โดยเฉพาะกับการจอดเทียบทางเท้า ส่วนในระดับความเร็วสูงนั้นก็ให้ความมั่นใจได้ดี ทั้งจากน้ำหนักของพวงมาลัย ผสมผสานด้วยการทำงานที่ส่งผ่านความรู้สึกสปอร์ตมาจากระบบช่วงล่างที่มีความนุ่มหนึบ และยึดเกาะถนนได้ดี ซึ่งในความเห็นส่วนตัวผมว่าคงจะดีมากขึ้นกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนเรื่องงานดีไซน์ของเบาะนั่งให้รับกับสรีระดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

 

ในขณะที่เรื่องของขุมพลังนั้นก็ยังคงเป็นอารมณ์ที่คุ้นเคย รวมถึงการส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ที่ต้องใช้การขับขี่อย่างนุ่มนวลในการเรียกความเร็ว ซึ่งในบางจังหวะของการเติมคันเร่งเรารู้สึกได้ถึงอาการ “สะอึก” เล็กๆ ในช่วงความเร็วต่ำๆ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ แต่หากขยับไปใช้ความเร็วเดินทางปกติก็ไม่พบอาการใดๆ นอกจากความสนุกในการขับขี่ ซึ่งถ้าเทียบกับโมเดลแรกของค่ายอย่าง March ล่ะก็เราบอกได้เลยว่า Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต ) เป็น Eco Car ที่ขับสนุกมากขึ้นเยอะเลยทีเดียว

 

แกลลอรี่ Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต )


ราคารถยนต์ใหม่

ราคารถยนต์  Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต )  รุ่น 1.2 V   ราคา 568,000 บาท

ราคารถยนต์  Nissan Note ( นิสสัน โน๊ต )  รุ่น 1.2VL  ราคา ุ640,000 บาท

 

บทความแนะนำเกี่ยวกับ Nissan

ใหม่ Nissan Teana ( นิสสัน เทียน่า ) 2017 หรูหรา และสง่างาม พร้อมสะกดทุกสายตาให้จับจ้องใน ราคา 1.3 ล้าน

ใหม่ Nissan Navara 2017-2018 ( นิสสัน นาวารา )เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มาพร้อมการสร้างมาตรฐานใหม่ ราคา โดนใจ

ใหม่ Nissan Urvan ( นิสสัน เออแวน ) 2017 สู่จุดหมายด้วยสมรรถนะ และการประหยัดน้ำมัน ด้วย ราคา เบาๆ 1.1 ล้านบาท