รีวิว : CHEVROLET Captiva 2014 ” ทดสอบ เชฟโรเลต แคปติวา “

เชฟโรเลต ประเทศไทย จัดกิจกรรมทดสอบขับ CHEVROLET Captiva 2014 ( เชฟโรเลต แคปติวา )ซึ่งอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์อันล้ำสมัยใหม่ล่าสุด พร้อมปรับรูปลักษณ์และสมรรถนะที่โดดเด่น เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสกับสมรรถนะการขับขี่ พร้อมทำกิจกรรมสนุกๆมากมายกับกล้อง GO PRO Hero3+ ตลอดการเดินทางกว่า 200 กม. ณ จังหวัดภูเก็ต

 

CHEVROLET Captiva

CHEVROLET Captiva ” เชฟโรเลต แคปติวา ”  ถือเป็นรถแฟล็กชิพของเชฟโรเลตในประเทศไทยนับตั้งแต่เปิดตัว โดยมียอดจำหน่ายรวมทั้งหมดมากกว่า 35,000 คัน และอีกหลายพันคันที่จำหน่ายทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ CHEVROLET Captiva 2014 “เชฟโรเลต แคปติวา” มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก โดยการปรับดีไซน์กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมฝาครอบไฟตัดหมอกที่โฉบเฉี่ยวสะดุดตา ขณะที่กันชนหลังได้รับการออกแบบใหม่คู่กับปลายท่อไอเสียโครเมียม และกรอบไฟหลังสไตล์ใหม่ ที่สำคัญติดตั้งบันไดข้างสแตนเลส ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเข้าออกรถได้สะดวกสบายมากขึ้น ในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกนี้ช่วยยกระดับความหรูหราได้อย่างโดดเด่นชัดเจน

นอกจากนั้นยังเพิ่มระบบเข้า-ออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ (Passive Entry Passive Start – PEPS) ผู้ขับขี่สามารถปลดล็อกประตูและสตาร์ทเครื่องยนต์เมื่ออยู่ในรัศมีของเซ็นเซอร์ โดยไม่ต้องถือกุญแจ

ส่วนระบบควบคุมอากาศแบบดูอัลโซนสามารถเลือกปรับอุณหภูมิแยกอิสระ มีช่องปรับอากาศเพื่อความเย็นสบายของผู้โดยสารแถวที่สามและเบาะรองรับห้าถึงเจ็ดที่นั่ง พร้อมเนื้อที่เก็บสัมภาระ 930 ลิตร ระบบเครื่องเสียงเทคโนโลยีแบบสามมิติ (Three-Dimensional Sound Staging) พร้อมลำโพงแปดตัวที่ได้รับการออกแบบเพื่อมอบคุณภาพเสียงชั้นเลิศ

 

เครื่องยนต์เบนซิน

การทดสอบในครั้งนี้เราได้ขับทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร E85 พร้อมเพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว และระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) ให้กำลังสูงสุด 167 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร  เป็นรถ SUV รุ่นแรกในเซกเมนท์นี้ที่รองรับเชื้อเพลิง E85 ซึ่งสมรรถนะหลังจากการทดสอบขับ ตอบได้เลยว่าในส่วนของอัตราเร่งเป็นที่น่าพอใจ การทำงานประสานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบส่งกำลังเป็นไปได้อย่างต่อเนื่องราบรื่นขึ้นมากกว่ารุ่นเดิม อัตราการใช้น้ำมันอยู่ราวๆ 8-9 กม./ลิตร (ในการทดสอบใช้น้ำมัน e85) แต่จะมีเรื่องให้ติเล็กน้อยตรงที่เสียงของเครื่องยนต์ดังรอดเข้ามาในห้องโดยสารมากเกินไปหน่อย

 

รุ่นที่ 2 ที่ผมได้ทดสอบขับเป็นบล็อกดีเซล เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 16 วาล์ว พร้อมระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลแรงดันสูงให้แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร และกำลังสูงสุด 163 แรงม้า เกียร์ GF6 ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 2 พร้อมฟังก์ชั่น DSC (Driver Shift Control) ซึ่งถือเป็นรถเกียร์ 6 สปีด รุ่นแรกในเซกเมนท์นี้ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2554 สำหรับแคปติวาใหม่นี้มีทั้งระบบขับเคลื่อนสองล้อและขับเคลื่อนสี่ล้อ

 

เครื่องยนต์ดีเซล

ในเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบแรงบิดมาที่รอบเครื่องยนต์ต่ำที่ 1,750 รอบ/นาที ไปจนถึงสูงสุด 2,750 รอบ/นาที ทำให้การขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองมีอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่ออกตัว จนไปถึงความเร็วสูงประมาณ 180 กม./ชม. กำลังเครื่องยนต์ถูกถ่ายทอดสู่ล้อด้วยระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รหัส GF6 ซึ่งความนิ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ดี แต่เมื่อคุณเปลี่ยนโหมดมาใช้แบบ Manual ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เอง แต่อาจจะรู้สึกว่าประมวลผลช้าไปนิด เมื่อคุณเพิ่มเกียร์ “+” กว่าจะเพิ่มอีกเกียร์รอเกือบวินาที และไม่มีการตัดเปลี่ยนเกียร์ให้เองเมื่อรอบเครื่องยนต์เกิน ส่วนการลดเกียร์ลงเพื่อใช้ Engine Brake ก็ยังรู้สึกว่า การทำให้ความเร็วต่ำด้วยเครื่องยนต์ทำได้ยาก ต้องใช้เบรกช่วยอยู่เสมอ แต่ข้อดีของรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ ทำให้การขับขี่มีความเงียบและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีปริมาณการปล่อยมลพิษต่ำที่สุด

 

ระบบช่วงล่าง

ในส่วนของระบบช่วงล่างมีเหล็กกันโคลงขนาดใหญ่และช่วงล่างที่มั่นคง ด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ขณะที่ด้านหลังเป็นแบบมัลติ-ลิงค์ แถมความโดดเด่นด้วยระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติเพื่อรักษาความสูงของตัวรถเมื่อน้ำหนักบรรทุกต่างกัน ช่วยควบคุมและเพิ่มเสถียรภาพในการทรงตัว ทำให้รถ SUV ที่มีความสูงมาก ควบคุมได้ดี การขับขี่ที่คล่องตัว ในส่วนที่ผมชอบมาก คือ ความนิ่มนวลในการเดินทาง ทำให้เมื่อเดินทางไกลๆ จะไม่รู้สึกเมื่อยล้ามากนัก

 

ระบบความปลอดภัย

ส่วนเรื่องระบบความปลอดภัยมีให้ทั้งเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุและเชิงปกป้องเมื่อเกิดเหตุ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบเบรกไฮโดรลิก (HBA) ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิก (EBD) ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) และระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)

 

ระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน

พร้อมระบบป้องกันการลื่นไถลบนทางลาดชัน (HSA) ซึ่งป้องกันไม่ให้ตัวรถไหลถอยหลังเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากเบรก พร้อมระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ซึ่งทำงานร่วมกับระบบเบรก ABS และ EBD ในการรักษาความเร็วของตัวรถเมื่อลงทางลาดชันและมีความลื่น ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวและการคุมพวงมาลัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แคปติวาใหม่มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัย และเข็ดขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ

 

สุดท้ายต้องบอกว่า “หากคุณต้องการรถยนต์ SUV อเนกประสงค์ที่ไปได้ทั้งครอบครัว เพื่อเดินทางสักคัน CHEVROLET Captiva 2014 “เชฟโรเลต แคปติวา” สามารถตอบสนองคุณได้หลายส่วนทั้งความหรูหรา ภายในที่มีความอเนกประสงค์ สามารถนั่งได้ 7 ที่นั่ง และสมรรถนะเครื่องยนต์ที่ใช้เดินทางได้สบายๆ ที่สำคัญคือ ความปลอดภัยที่มากขึ้น”