รีวิว : All New Honda Accord 2013 ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) รุ่น Prototype ที่ใกล้เคียงเวอร์ชั่นขายจริงในเมืองไทยมากที่สุด ณ สนาม Twin Ring Motegi ประเทศญี่ปุ่น

ใกล้ออกสู่สายตาชาวไทยแล้วสำหรับ All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013 แต่ ณ บัดนี้ ทุกท่านจะได้สัมผัส New HONDA Accord 2013 ไปพร้อมๆ กับผมก่อนใคร เพราะ iAMCAR ได้รับเกียรติจาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญร่วมทดสอบ All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013 รุ่น Prototype ที่ใกล้เคียงเวอร์ชั่นขายจริงในเมืองไทยมากที่สุด ณ สนาม Twin Ring Motegi ประเทศญี่ปุ่น

 

HONDA Accord

  จากตำนาน 37 ปีของ HONDA Accord ที่ไล่เรียงการพัฒนาจาก Generation ที่ 1 มาจนถึง Generation ที่ 8 ทำให้เรามองเห็นการรักษาคอนเซ็ปท์ “ที่ต้องการให้ผู้ขับขี่ได้ทั้งด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพการขับเคลื่อน การประหยัดน้ำมัน และความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม” ซึ่งยังคงไว้ในทุกๆ Generation และยังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากคุณมองถึงการพัฒนาของ Accord จะเห็นได้ว่า ปัจจัยหลักที่ฮอนด้าพัฒนาเพิ่มในแต่ละ Generation มักจะเน้นที่ “สมรรถนะที่ดีขึ้น อัตราการใช้เชื้อเพลิงที่น้อยลง และ ปล่อยมลพิษน้อยลง ”

 

ซึ่งต้องบอกว่ายากมากๆ สำหรับการพัฒนาในลักษณะนี้ เพราะเครื่องยนต์ที่แรงขึ้น ต้องใช้น้ำมันมากขึ้น และต้องปล่อยมลพิษมากตามไปด้วย ดังนั้นการพัฒนาของ HONDA Accord จึงเป็นเรื่องยาก สวนทางกับทฤษฎีไม่น้อย ทำให้วิศวกรรุ่นต่อรุ่นของ HONDA พัฒนาเทคโนโลยีออกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ PGM-FI, VTEC, VTEC LEV, VCM หรือ ECON Mode ล้วนแล้วแต่ทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์ดีขึ้น และยังต้องประหยัดเชื้อเพลิงที่มากขึ้นอีกด้วย และอีกความตั้งใจหนึ่งในการผลิต HONDA Accord คือ ต้องการขายออกไปทั่วโลก ณ วันนี้สามารถขายอยู่ใน 130 ประเทศ และยังมียอดสะสมจากสายการผลิตอยู่ 19.14 ล้านคัน ตัวเลขนี้น่าจะการันตีถึงคุณภาพของ “HONDA Accord” ได้ไม่มากก็น้อย

 

All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013

ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าพัฒนาในคอนเซ็ปท์เดิม เพราะจากการ Research ผู้ใช้งานจริงส่วนใหญ่ต้องการให้ฮอนด้า พัฒนา Accord รุ่นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปท์นี้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มักจะกล่าวว่า “ซื้อไปไม่ผิดหวัง” จึงทำให้ New HONDA Accord 2013 พัฒนาต่อภายใต้จุดเด่นของ DNA HONDA Sedan ทั้งดีไซน์ที่โดดเด่น ภายในที่กว้างขวาง และพัฒนาเพิ่มทั้ง คุณภาพที่ดี ความฉลาดด้านเทคโนโลยี และการก้าวหน้าเหนือคู่แข่ง ใน Generation 9 การออกแบบเน้นหลัก Aero Dynamic ให้ด้านหน้าราบต่ำลง ด้านข้างมีเส้นสายที่สามารถลดการหมุนวนของลม ซึ่งสามารถลู่ลมได้ดีกว่ารุ่นเดิม 4 % ในด้านของตัวถัง ความยาวของตัวรถ 4,860 มม. สั้นกว่า Generation 8 ประมาณ 90 มม. ระยะช่วงล้อหน้า – หลัง 2,775 มม. สั้นกว่า Generation 8 ประมาณ 25 มม. ความสูงตัวรถ 1,465 มม. ต่ำกว่า Generation 8 ประมาณ 10 มม. แต่ความกว้างของภายในมากกว่าเดิม 5 มม. พื้นที่ผู้โดยสารตอนหลังบริเวณ Leg Room เพิ่ม 15 มม. และฐานล้อก็กว้างกว่าเดิม 5 มม. ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายยังคงมีขนาดเท่าเดิม

 

เพิ่มทัศนวิสัยให้ดีกว่าเดิม

จึงต้องลดเส้นสายของขอบตัวถังให้ต่ำลง เพิ่มความกว้างพื้นที่ของกระจกมากขึ้น ที่สำคัญยังเพิ่มความปลอดภัยด้วย “HONDA Lane Watch” กล้องที่ติดอยู่ใต้กระมองข้างด้านซ้าย เพื่อให้สามารถมองเห็นจุดบอดของกระจกด้านซ้ายได้จัดเจนขึ้น เพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนเลน ระบบสามารถปรับตั้งให้ใช้งานแสดงผลบนหน้าจอตลอดเวลา หรือ จะให้แสดงผลบนหน้าจอทุกครั้งที่เปิดไฟเลี้ยวซ้ายก็ได้

 

ส่วนการออกแบบภายนอก

นอกจากจะเน้นความหรูหราแล้ว ยังออกแบบให้ใช้งานง่ายกว่าเดิม มีหน้าจอ LED 8 นิ้วพร้อม Touch Screen แยกปุ่มส่งงานออกจากจอแบบอิสระ ทั้งระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง ส่วนพวงมาลัยมีมาให้ครบทุกฟังก์ชั่นต่างๆ บนก้านพวงมาลัย เพิ่มระบบการเก็บเสียงในห้องโดยสารให้ดีขึ้น

 

 

 

 

เครื่องยนต์

ใน Generation 9 ที่จะเข้ามาขายในเมืองไทยมีขนาดความจุกระบอกสูบ 2.0 ลิตร และ ขนาดความจุกระบอกสูบ 2.4 ลิตร พร้อมระบบ i-VTEC รองรับน้ำมัน e 85 ทั้งคู่ ในเครื่องยนต์ 2 บล็อคนี้พัฒนาในคอนเซ็ปต์ “Earth Dreams Technology ” เริ่มจากการลดน้ำหนักของเครื่องยนต์ลง 4.5 % ในรุ่น 2.4 ลิตร พัฒนาให้มีแรงบิดสูงในรอบต่ำลง อย่างในรุ่น 2.4 ลิตรมีแรงบิดมากขึ้นประมาณประมาณ 4 นิวตัน-เมตร แต่แรงบิดมาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำลง 300 รอบต่อนาที มีการเผาไหม้ที่หมดจดขึ้น ในรุ่น 2.0 ลิตร ออกแบบให้แรงบิดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างการขับขี่ที่สนุกขึ้น

 

ระบบช่วงล่าง

ระบบช่วงล่างแบบอิสระ4 ล้อพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ นอกจากนี้ยังให้ทีมพัฒนา F1 ของ HONDA มาพัฒนาในส่วนของวาล์วช็อคอัพ Rebound spring (สปริงควบคุมการคืนตัวของช็อคอัพ) ทำให้นิ่มนวลมากขึ้น ยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น สามารถรักษาระดับในการควบคุมขณะเข้าโค้งได้ดี โดยมีการปรับเปลี่ยนวัสุดของช่วงล่างให้มีน้ำหนักน้อยลง 15.2 กก. จากรุ่นเดิม เสียงรบกวนน้อยลง การสั่นสะเทือนน้อยลง พร้อมระบบช่วยการทรงตัว VSA ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ด้านหน้ามีครีบระบายความร้อน พร้อม ABS, EBD และ BA Test Drive @ Twin Ring Motegi

 

สัมผัส New HONDA Accord 2013 คันจริงที่สนาม Twin Ring Motegi

เมื่อบรรยายข้อมูลต่างๆ เป็นที่เรียบร้อย ผมก็พร้อมที่จะไปสัมผัส New HONDA Accord 2013 คันจริงที่สนาม Twin Ring Motegi ซึ่ง All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013 ไม่มีการผลิตในประเทศญี่ปุ่น จะมีผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ดังนั้น New HONDA Accord 2013 คันที่นำมาทดสอบจึงต้องส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองไทย แม้จะเป็นรถ Prototype หรือต้นแบบ แต่จะมีความแตกต่างจากคันที่จะนำเข้ามาขายจริงที่วัสดุแผงขอบประตูเท่านั้น เครื่องยนต์ ช่วงล่าง องค์ประกอบอื่นๆ เหมือนตัวขายจริงทั้งหมด คันที่ผมมีโอกาสได้ทดสอบเป็นตัว TOP ในเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ DOHC i-VTEC ความจุกระบอกสูบ 2,354 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก 87 มม. X 99.1 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 11.1 : 1 มีแรงม้าสูงสุด 172 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบ ECON Mode ระบบส่งกำลังแบบ CVT มี Paddle Shift ที่พวงมาลัย

 

การออกแบบ

ครั้งแรกที่ได้เห็นไกลๆ ผมรู้สึกเฉยๆ ครับ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆในระยะ 5 เมตรต้องร้อง “WoW!!!” เพราะความต่างในเส้นสายการออกแบบที่คมชัด ด้านหน้าราบต่ำ หลังคามองแล้วต่ำลง ใส่ความเป็นสปอร์ตลงไปในการออกแบบภายนอกได้ดี ในส่วนโคมไฟหน้าเป็นจุดที่ผมชอบมากที่สุดของการดีไซน์ นอกจากจะโฉบเฉี่ยวแล้ว ยังเติมความหรูด้วย LED Day Light พร้อมทั้งซ้อนโปรเจคเตอร์ที่ออกแบบให้เหมือนเพชรเม็ดงาม 2 เม็ดวางอย่างโดดเด่นในโคม ด้านท้าย และมีการวางองศาทั้งฝากระโปรงท้าย ไฟท้าย และกันชนท้ายในระนาบเดียวกันทั้งหมด ทำให้ความลงตัวของมุมมองด้านท้ายสมบรูณ์แบบ

 

เมื่อถึงคิวผมออกไปขับทดสอบ จาก Layout สนามมีข้อกำหนดไว้ว่า ห้ามใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. จากจุด Start วิ่งตรงไปจะเป็นโค้ง S เล็กๆ ทำให้ผมกดคันแบบเต็มที่ไม่มียก การออกตัวทำได้ดีกว่าเดิม และมาเร็วขึ้น แรงบิดในรอบต่ำดีกว่ารุ่นเดิม จากนั้นเป็นโค้งซ้ายบังคับความเร็วที่ 40 กม./ชม. จากความเร็ว 100 กม./ชม. ที่ผมกดคันเร่งมาแบบเต็มๆ จึงต้องลดความเร็วอย่างฉับพลันเพื่อจะเลี้ยวซ้าย แต่ก็ยังลดไม่ถึง 40 กม./ชม. ก็เข้าโค้งไปแล้ว สิ่งแรกที่ผมรู้สึกได้ คือ แรงเหวี่ยงจากท้ายลดลงจากรุ่นเดิม ทำให้สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ต่อมาเป็นสลาลอมหลบสิ่งกีดขวาง ในสเตชั่นนี้ ระบบช่วงล่างเริ่มสำแดงเดชให้สัมผัสได้ว่าควบคุมได้ง่ายกว่ารุ่นเก่า การคืนตัวของช็อคอัพทำได้ดี ความแม่นยำของพวงมาลัยลดการโยนตัวของรถลง สามารถตอบสนองการควบคุมรถได้ง่ายขึ้นมาก ต่อมาเป็นโค้งซ้ายอีกครั้งในโค้งนี้ความมั่นใจของตัวรถเริ่มเข้ามาในโสดประสาทของผม ทำให้เมื่อถึงกลางโค้ง ผมกดคันเร่งจมเพื่อส่งตัวรถออกโค้งอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วรถที่สมรรถนะช่วงล่างไม่สมบรูณ์แบบต้องมีอาการหน้าดื้อโค้ง (Under Understeer) แน่ๆ แต่อาการนี้ไม่เกิดใน Accord 2013 สุดท้ายเป็นโค้งซ้ายกว้างๆ ใช้ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหากับรถคันนี้

 

โดยรวมแล้วสำหรับผมถือว่า “พอใจ” แม้การเปลี่ยนแปลงของการออกแบบจะไม่ต่างอย่างชัดเจน เหมือน การเปลี่ยน Generation รุ่นต่างๆ ที่ผ่านมา แต่ผมอยากจะบอกว่าใน Generation 8 มีพื้นฐานเดิมของการออกแบบที่ดีอยู่แล้ว นำมาปรับ Aero Dynamic เพิ่มพื้นที่ของมุมมองทัศนะวิสัย ใส่รายละเอียดเด่นๆ เข้าไปอีกหน่อยก็โอเคแล้ว ที่สำคัญการออกแบบในลักษณะนี้ยังคงอินเทรนด์ไปอีกหลายปี ในส่วนของการตอบสนองเครื่องยนต์แม้จะไม่ได้ชัดเจนมาก แต่ความนิ่มนวลของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังเรื่องนี้ทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจน และผมยังมั่นใจว่า ตัวเลขอัตราการใช้เชื้อเพลิงน้อยว่ารุ่นเก่าแน่นอนครับ ส่วนช่วงล่างเรื่องนี้ก็ชัดเจนครับ นิ่มขึ้นมาก ควบคุมง่ายขึ้น และเสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารน้อยลง

 

สุดท้ายขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้เกียรติ iAMCAR ได้สัมผัส All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013 ยนตกรรมชั้นเลิศอีกรุ่นของฮอนด้า แล้วพบกันกับการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ของ All New Honda Accord ( ฮอนด้า แอคคอร์ด ) 2013 ในวันที่ 11 มีนาคมนี้