รีวิว TR Transformer Max ( ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์ )ไม่ต้องกังวลเรื่องศูนย์บริการ ด้านเครื่องยนต์ และช่วงล่างเข้าศูนย์บริการของ โตโยต้า ทั่วประเทศ

เรารู้สึกว่าคงมีหลายคนไม่น้อยในค่ำคืนนั้น ที่แปลกใจกับการมาของยนตรกรรมคันใหญ่ยักษ์ที่ดูดุดันด้วยสีดำด้านทะมึน ที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างสุขุมด้วยความเร็วเดินทางอยู่บนมอเตอร์เวย์…ใช่ครับ เรากำลังพูดถึง “ผลงานคนไทย เพื่อคนไทย” อย่าง TR Transformer MAX ” ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์ ” ยนตรกรรรมอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งรุ่นล่าสุด “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์”

 

TR Transformer MAX

แต่อย่างที่ทราบกันดีว่านี่คือยนตรกรรมที่ต่อยอดพื้นฐานมาจากรถปิคอัพยอดนิยมในบ้านเราอย่างวีโก้ ด้วยมันสมอง และสองมือเพื่อสร้างยนตรกรรมที่มีเอกลักษณ์ และไลฟ์สไตล์เฉพาะตัวซึ่งไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบแนวทางแบบ Military ที่ดุดัน แกร่งกร้าวในทุกการเคลื่อนไหว โดยจะมีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ รวมถึง
ขุมพลังที่มีทั้งเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร 171 แรงม้า และ 2.5 ลิตร 144 แรงม้า

 

รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 144 แรงม้า

ส่วนคันที่อยู่กับเราในทริปนี้ คือ รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 144 แรงม้า หน้าตาดุดัน โดยภายใต้รูปลักษณ์ทรงเหลี่ยมสัน ที่สร้างความสะดุดตาในทุกครั้งที่อยู่บนถนนนั้น คือ โครงสร้างความปลอดภัยในระดับที่มั่นใจได้ในความแข็งแกร่งทั้งการโดยสาร และรองรับการใช้งานแบบหนักๆ ซึ่งเป็นการออกแบบ และวิเคราะห์จากระบบ Simulation จากคอมพิวเตอร์มาตรฐานสากล ในขณะที่ตัวถังรถทั้งคันยังถูกเพิ่มความโดดเด่นลงไปด้วยการชุบสีกันสนิมด้วยประจุไฟฟ้า EDP และกระบวนการพ่นสีมาตรฐานเดียวกับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไป พร้อมด้วยการเสริมแต่งรายละเอียดบนเรือนร่าง เช่น กระจังหน้าลายซี่ทรงตั้ง ประกบข้างด้วยชุดไฟทรงกลมทั้งไฟหน้า และไฟตัดหมอก ที่ดูเข้ากันได้ดีกับชุดกันชนหน้า แผ่นปิดชายกันชนสีเงิน ฝากระโปรงหน้าที่ติดตั้งช่องดักลมขนาดใหญ่ และงานดีไซน์ทรงกล่องตลอดทั้งคันของ TR Transformer MAX “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์” ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวรถแบบยกสูงที่มากับความดุดันในส่วนของโป่งล้อแบบเย็บขนาดใหญ่ที่ครอบทับอยู่บนล้อออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว รัดด้วยยางหน้าตาโหดๆ ขนาด 265/70 R16 เพื่อเน้นบุคคลิกสไตล์รถออฟโรดได้ชัดเจนขึ้น และนั่นคือสิ่งที่สร้างความสะดุดตาให้เกิดขึ้นในทุกๆ ครั้งที่เราเยื้องกรายอยู่บนท้องถนน

 

แม้เวอร์ชั่นที่เราขับจะเป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อก็ตาม แต่ด้วยรูปลักษณ์ในสไตล์นี้ของ  ” ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์ “มันทำให้ผมเชื่อว่าหลายคนก็ที่ได้เห็น และสัมผัสความแข็งแกร่งอย่างเต็มตา ก็คงยากที่จะหลีกหนีความเจริญแห่งแสงสี แล้วพามันไปบุกป่าฝ่าดงให้เต็มคราบเท่าที่พื้นฐานความสามารถจะเอื้ออำนวยไม่น้อยไปกว่าเราเช่นกันฉะนั้นภารกิจของเรากับ ” ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์ “ในครั้งนี้จึงเริ่มขึ้นด้วยการเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เพื่อหาสถานที่สวยๆ ในการเก็บภาพชุดในครั้งนี้

 

ภายในห้องโดยสาร

ยังคงเป็นอารมณ์ที่คุ้นเคยด้วยพื้นฐานของ Vigo แต่แปลกตาด้วยตัวหลังคาเป็นแบบทรงสูง (Hi Roof) ภายในจึงกว้าง โล่ง ซึ่งมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็น เช่น ระบบปรับอากาศแบบ 2 ตอน ติดตั้งที่เพดาน และมีการเพิ่มขนาด Compressor แอร์, เบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ที่สามารถพับเก็บได้ทุกที่นั่ง บันไดหลังที่สามารถขึ้น – ลงได้จากประตูท้าย, ชุดเครื่องเสียงแบบ 2 DIN ที่รองรับ CD, MP3 พร้อมช่องต่อ AUX และ USB ควบคุมได้อย่างง่ายดายทั้งจากบนคอนโซล และพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นแบบ 4 ก้าน ตลอดจนหน้าจอ MID (Multi Information Display) สำหรับแสดงข้อมูลตัวรถที่จำเป็น เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายมากที่เราจะทำความคุ้นเคยกับบรรดาอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ที่กล่าวมา ส่วนสิ่งเดียวที่คุณอาจจะต้องทำความคุ้นเคยมากเป็นพิเศษสักหน่อยก็คือเรื่องของทัศนวิสัยรอบคัน ขณะประจำการอยู่หลังพวงมาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่คุ้นชิน เพราะแม้ตำแหน่งการนั่งจะมีความสูงเพื่อให้มองเห็นเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน แต่ด้วยการออกแบบที่เน้นความแข็งแกร่งเป็นหลัก ทำให้บางครั้งจะมีจุดอับ จุดบอด เมื่อมองกระจกข้าง หรือกระจกหลังอยู่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ซึ่งมันอาจจะส่งผลให้เกิดการขับขี่ที่ยากขึ้นสักนิด แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินความสามารถ หากแต่แค่ต้องใช้สมาธิ และความระมัดระวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น และมันทำให้รู้สึกราวกับว่า  “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์”จะช่วยให้คุณเป็นคนที่ขับรถ “เรียบร้อย” ไปโดยปริยายเลยทีเดียว

 

ขุมพลัง

นอกจากฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกที่คุ้นเคยแล้ว ขุมพลังยังเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ยังคงไว้วางใจได้ ด้วยเรี่ยวแรงจากเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล รหัส 2KD-FTV แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ที่เพิ่มพละกำลังด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบแปรผัน VNT และอินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งมีกำลังสูงสุดที่ 144 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 343 แรงม้าที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ขับเคลื่อนตัวรถน้ำหนักกว่า 2.3 ตันด้วยล้อหลัง ที่หากประเมินดูจากเพียงตัวเลข คุณอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ดูจะหนักหนาสำหรับเครื่องยนต์ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ เพราะแรงบิดระดับ 343 นิวตันเมตรที่รอบต่ำ ตลอดจนระบบส่งกำลัง 5 สปีด นั้นยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะในช่วงตีนต้น หรือการออกตัวที่ระดับการตอบสนองอยู่ในขั้นที่น่าพอใจ ทั้งยังไต่ระดับความเร็วขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถทำความเร็วสูงๆ ได้อย่างน่าตื่นเต้นด้วยมาตรวัดบนเข็มความเร็วที่หวดขึ้นไปถึงระดับ 150 กม./ชม. ซึ่ง ณ จุดนี้ คุณอาจจะต้องใช้สมาธิ และสติมากสักนิดในการควบคุม เพราะด้วยพื้นฐานตัวรถ และยางแล้วมันคงไม่ชอบที่จะแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงเท่าไหร่นัก โดยสิ่งที่เราคิดว่าความเร็วที่เหมาะสมที่สุดกับ “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์” นั้นน่าอยู่ในระดับ 90 – 120 กม./ชม. หรือความเร็วเดินทางปกตินั่นเอง ซึ่งในระดับความเร็วนี้คุณจะสามารถลดความเครียดในขณะขับขี่ และพบกับความสบายในระดับเดียวกับรถอเนกประสงค์ทั่วๆ ไป

 

เราขับ TR Transformer MAX “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์”  สีดำด้านอยู่บนไฮเวย์ในช่วงค่ำ เพื่อมุ่งหน้าออกนอกเมืองด้วยสไตล์การขับขี่ที่เรียบง่าย และไม่หวือหวามากนัก เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่ามันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการนั้น แต่ก็ใช่ว่ามันจะขาดความคล่องตัวมากมายนัก เราเดินทางไปด้วยความเร็วแบบปกติ เพราะนอกจากจะได้รับรู้สมรรถนะของรถได้ดีขึ้นแล้ว เรายังอวดเรือนร่างบึกบึนให้เพื่อนร่วมท้องถนนได้ยลโฉมกันอย่างชัดเจนขึ้นจนในเวลาไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อทำภารกิจสุดท้ายของวันด้วยการหาอะไรใส่ท้อง และมองหาห้องพักในค่ำคืนนี้ เพื่อนอนเก็บแรงเอาไว้ผจญภัยในวันรุ่งขึ้น

 

ได้เวลาออกเดินทางกันอีกครั้งในช่วงสายๆ ของวัน ด้วยยนตรกรรมร่างยักษ์สีดำทะมึน ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่สัญจรไปมา และเพื่อนร่วมท้องถนน ที่คงแลเห็นความดุดันของ TR Transformer MAX “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์” ได้ชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อวาน เนื่องจากเราเดินทางด้วยความเร็วที่ต่ำ ขณะคืบคลานออกนอกเมือง ซึ่งกว่าจะเจอสถานที่ที่โดนใจเราก็ใช้เวลาไปกว่า 2 ชม. กับการขับขี่บนถนนไฮเวย์ ที่ขับขี่นานๆ ไป ยิ่งคุ้นเคย คุ้นมือ ก็รู้สึกว่าเป็นรถที่มีอารมณ์ของการขับสนุกเปิดเผยออกมาให้ได้สัมผัสกันมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนเลนส์ หรือการแซงผ่านเพื่อนร่วมท้องถนน เพียงแต่ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เพราะด้วยชุดช่วงล่างพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์ปริง และเหล็กกันโคลง กับด้านหลังแบบแหนบซ้อน และโช๊คอัพทรงกระบอกติดตั้งแบบทแยงมุม ที่แบกน้ำหนักตัวรถเกือบๆ 2 ตันครึ่งนั้น ทำให้รู้สึกได้ชัดเจนถึงความนุ่มนวลที่มากขึ้นแม้จะเป็นพื้นฐานช่วงล่างจากรถกระบะก็ตาม ประกอบกับความสูง และน้ำหนักของตัวรถแล้ว ในบางจังหวะที่ขับแบบหวือหวา มันอาจจะทำให้เกิดอาการตกใจเล็กๆ ให้รู้สึกได้ เพราะฉะนั้นเราจึงยอมรับว่ามันเหมาะสมมากกับการเป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่เน้นความสบายในกรขับขี่ และการโดยสารเป็นหลัก

 

ไม่นานนักเราก็มาถึงสถานที่ที่น่าจะเหมาะสม ด้วยลักษณะพื้นที่ของทุ่งกว้างที่โรยทางด้วยฝุ่นแห้งๆ ราวกับทะเลทราย ซึ่งเมื่อหันมองเจ้ายักษ์สไตล์ Military ที่เราขับมา บางสิ่งบางอย่างก็บอกเราว่านี่แหล่ะคือสถานที่ที่เหมาะสม แม้ว่า TR Transformer MAX จะเป็นรถขับเคลื่อน 2 ล้อก็ตาม และในอีกไม่กี่อึดใจเราก็รู้สึกเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ ด้วยการกดคันเร่ง TR Transformer MAX ตะลุยลงไปในทางฝุ่น และค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนรู้สึกถึงอาการท้ายสไลด์ออกนิดๆ ในทิศทางตรงกันข้ามกับการหักพวงมาลัย จนกลายเป็นความสนุกสนานอีกแบบ ที่ทำเอาเราต้องเผลอกดคันเร่งหนักๆ ทุกครั้งเมื่อเส้นทางฝุ่นเบื้องหน้าเอื้ออำนวย

 

ชุดช่วงล่าง

ชุดช่วงล่างที่นุ่มนวล สไตล์ออฟโรด ดูจะช่วยส่งเสริมความมันส์ในการขับขี่บนเส้นทางแบบนี้ได้ดียิ่งขึ้น และเหนืออื่นใดเลยก็คือ ความแข็งแกร่งของตัวถังที่ดูเหมือนจะกลายเป็นสิ่งยั่วยุให้คุณไม่กลัวเกรงอุปสรรคเบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นกิ่งไม้ ใบไม้ หรือเนินดินเตื้ยๆ ตลอดจนหลุมโคลนที่ไม่ลึก และเละมากนัก เพราะแค่หากคุณมีความเร็วในขณะขับเคลื่อน อุปสรรค์เหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่บทพิสูจน์ความแกร่งเล็กๆ อีกบทที่ให้เราผ่านไปอย่างสบายๆ เท่านั้น

 

และมันก็มากพอที่จะทำให้เราสามารถมั่นใจได้ในความสามารถของ TR Transformer MAX “ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ แม็กซ์” ยนตรกรรมจากคนไทย ถึงคนไทยที่เพียบพร้อมในสมรรถนะ ความโดดเด่นด้วยสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งยังรวมถึงเรื่องของระบบความปลอดภัยที่ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง เช่น ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อนในคู่หน้า และดรัมเบรกพร้อมวาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติ Super LSPV และ LTS ตลอดจนตัวช่วยด้านอิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ABS, EBD และถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมเข็มขัดนิรภัย ELR, กุญแจรีโมท Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย, ไฟตัดหมอก และกล้องมองหลังที่แสดงภาพผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว

 

ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้การควงคู่กับ TR Transformer MAX ทั้งในยามเฉพาะกิจ หรือในชีวิตประจำวันกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ TR Transformer MAX สามารถเข้ารับบริการด้านเครื่องยนต์ และช่วงล่างได้ที่ศูนย์บริการของ โตโยต้า ทั่วประเทศ ได้อีกด้วยเช่นกัน

 


บทความแนะนำเกี่ยวกับ Thairung

ไทยรุ่งฯ มอบรางวัลที่พักสุดหรู กับผู้โชคดีจากการจองรถยนต์ TR TRANSFORMER II

ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ ก้าวสู่ปีที่ 50 จัดกิจกรรม “ รักษ์ช้าง รักษ์ไทย กับ ไทยรุ่ง ” ณ บ้าน ช.ช้างชรา จ.กาญจนบุรี

ไทยรุ่ง นำ TR Transformer II บุกงาน Phitsanulok Motor Show 2016