CHEVROLET Sonic Hatchback 1.4 LTZ AT

CHEVROLET Sonic Hatchback 1.4 LTZ AT

นาทีนี้ถ้าให้วัยทีนทั้งหลาย เลือกรถที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นในสายตา เท่าที่ถามๆ มากกว่าครึ่ง เลือก CHEVROLET Sonic ที่มีเอกลักษณ์ใหม่ไม่ซ้ำใคร และยังได้เลือกพรีเซนเตอร์ตัวแทนคนรุ่นใหม่ Gen Y อย่าง จอห์น วิญญู ในรุ่น 4 ประตู และ น้องยิบโซ รมิตา ในรุ่น Hatch Back ซึ่งเป็นวัยรุ่นที่มีความต่างทั้งแนวคิด และไลฟ์สไตล์ แต่เรามาเข้าเรื่องสมรรถนะดีกว่า เพราะนอกจากความหล่อแล้ว อย่างอื่นผมก็ยังไม่ทราบว่าจะดีตามไปด้วยหรือไม่ ฉนั้นตามผมมาพิสูจน์กันครับ

 

โดนใจ GEN Y ทุกอนู
 

ครั้งแรกที่ผมได้เห็น CHEVROLET Sonic ต้องบอกว่าชอบในเรื่องของการดีไซน์ เพราะความต่างที่สะท้อนตัวตนของ Sonic ออกมาได้ชัดเจน ถ้าเริ่มมองจากด้านหน้าคุณจะเห็นความโดดเด่นของไฟหน้าคู่โคมดำแบบเปลือยในสไตล์ของ Super Bike ที่ขนาบกับกันชนหน้าขนาดใหญ่ ที่ร้อยเรียงกระจังหน้าแบบรังผึ้งสีดำที่เติมความหรูหราด้วยคิ้วโครเมียม ส่วนโลโก้สีทอง “CHEVROLET” มีการเว้ากลางกันชนให้สามารถวางโลโก้ในตำแหน่งที่เรียบสวย และโดดเด่น ส่วนของฝากระโปรงมีการเว้าตรงกลาง ยกสันที่ซ้าย-ขวาของฝากระโปรง เพื่อให้จัดอนูของอากาศให้ไหลลื่นออกไปอย่างรวดเร็ว
 

ส่วนของด้านข้างขนาดของซุ้มล้อที่ใหญ่ ทำให้รถดูดุดันขึ้น การวางเส้นสายข้างตัวรถเน้นอากาศพลศาสตร์เป็นสำคัญ แต่ที่ผมชอบมากๆ คือ การวางตำแหน่งที่เปิดประตูบานหลัง ที่วางอยู่ในตำแหน่งใกล้กับเสา C ในแบบเรียบเนียนกับตัวรถ ด้านท้ายเด่นด้วยไฟท้ายแดงแบบเปลือยโคมสีดำ ส่วนฝากระโปรงด้านท้ายมีปุ่มสัมผัส ทำให้ใช้งานอย่างง่ายดาย โดยรวมเท่าที่ผมนั่งสังเกตอยู่หลายวัน นอกจากความสวยงามแล้ว ในเรื่องของเส้นสายตัวรถที่คอยบังคับทิศทางของลมที่ไหลผ่านทำได้ต่อเนื่องมากๆ จึงมีผลต่อการลดการหมุนวนของลม จึงสามารถเดินทางได้เร็วขึ้น แรงปะทะกับลมก็ต่ำลงจึงช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
 

 

 

น้องๆ สปอร์ตสุดร้อนแรง
 

มาดูที่ภายในต่อ แค่เปิดประตูมาพบกับสีทูโทนส้มดำที่ตัดกันในสไตล์ของรถสปอร์ตราคาแพงก็ทำให้ผมสนใจ Sonic มากขึ้นเป็นพิเศษ พอนั่งลงที่เบาะผมก็รู้สึกกระชับพอสมควร แถมมีที่วางแขนซ้ายแบบพับเก็บได้ให้คนขับด้วย การออกแบบของคอนโซลนอกจากความงามที่เข้ากันดีกับตัวรถแล้ว ยังมีฟังก์ชั่นการเก็บของต่างๆ ที่อเนกประสงค์ดีมาก ถ้าดูซ้ายมือฝั่งคนนั่งจะเป็นเก๊ะเก็บของแบบ 2 ชั้นโดยชั้นบนจะมีช่องเสียบ USB & AUX ที่มีการเว้าช่องทางเดินของสายเสียบ มาดูที่กลางคอนโซลบนสุดจะมีลักษณะคล้ายถาดสามารถวางแว่นตา มือถือได้สบาย ขยับลงมาเป็นส่วนของช่องแอร์และระบบเครื่องเสียงที่สามารถเล่น MP3 ได้
 

ส่วนความโดดเด่นสุดๆ ต้องยกให้เรือนไมล์ในสไตล์ Super Bike โดนใช้เข็มวัดรอบเป็นตัวเรียกความเร้าใจ แสดงความเร็วด้วยดิจิตลอล ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านที่มีฟังก์ชั่นการสั่งงานที่ก้านด้านขวาของพวงมาลัย ด้านหลังแม้จะเป็นรถในสไตล์ Hatch Back แต่สามารถบรรจุของได้ไม่น้อย เพราะคุณสามารถเปิดถาดชั้นบนขึ้นมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ส่วนสูงให้กับที่เก็บของ หรือคุณพับเบาะเพื่อเพิ่มความยาวของห้องเก็บสัมภาระก็ได้ครับ โดยรวมแล้วต้องบอกว่าดีไซน์เลิศ การใช้งานง่าย แต่ที่ชอบคือ “Quiet Ride” หรือระบบการเก็บเสียงภายในรถที่ตอบโจทย์ความเงียบในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี

 

 

ความแรงเหมาะสมชีวิตคนเมือง
 

เครื่องยนต์เบนซิน ECOTEC พัฒนาล่าสุด แบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผัน Double CVC หัวฉีดมัลติพอยท์ซีเควนเชียล (MPFI) ปริมาตรความจุ 1,398 ซีซี 100 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 130 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เสื้อสูบเหล็กหล่อพร้อมการออกแบบเพิ่มความสมดุล ด้วยโซ่สายพานไทม์มิ่ง (Silent Chain) เงียบและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน พร้อมด้วยระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แบบ DSC (Driver Shift Control) ซึ่งมีน้ำหนักเบา เครื่องยนต์บล็อคนี้เมื่อวางตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแนวเดียวกับเพลาขับ (On-Axis Design) ทำให้การขับเคลื่อนราบเรียบและไม่มีการการบั่นทอนกำลังที่เสียไปจากมุมองศาของเกียร์กับเพลาที่ไม่ตรงกัน ทำให้การตอบสนองของอัตราเร่งดีกว่า แต่ถ้าคุณอยากสนุกในสไตล์เกียร์ธรรมดา เพียงคุณขยับเกียร์มาที่ตัว “M” แล้วใช้ปุ่มปรับเปลี่ยนเกียร์ (Toggle Switch) ในการขึ้น-ลงของเกียร์ แม้จะเป็นรถพิกัดแค่ 1.4 ซีซี. แต่ความเร็วในการเดินทาง 120 กม./ชม. ทำได้ดีมากๆ แต่พอเกิน 150 กม./ชม. ไล่ไปจนถึง 175 กม./ชม. อาจต้องใช้ระยะทางและเวลามากสักหน่อย เพราะต้องเข้าใจว่าเครื่องแค่ 1.4 ลิตรเอง ส่วนเรื่องอัตราการใช้น้ำมันผมเดินทางไปกลับเขาใหญ่ระยะทางประมาณ 376 กม. ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 110 กม./ชม. ใช้เงินเติมน้ำมันไป 894 บาท (น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 ลิตรละ 38.08 บาท) แต่รุ่นนี้สามารถใช้ e 20 ได้นะครับ ในความรู้สึกผมเครื่องยนต์บล็อคนี้ทำงานประสานกับเกียร์ได้ลงตัว ทำให้อัตเร่งช่วงต้นๆ ตอบสนองได้สนุกสนาน เหมาะที่จะใช้งานในเมืองโดยแท้
 

โดดเด่นดีเกินตัว
 

ในส่วนของระบบช่วงล่างเรื่องนี้ขอยกนิ้วให้ก่อนบรรยายเลยครับ เพราะแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง ช็อคอัพแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงในด้านหน้าทำงานประสานกับทอร์ชั่นบีมรูปตัววี คอยล์สปริง ช็อคอัพแก๊สในด้านหลังทำให้การเข้าโค้งถือว่าแม่นยำมากๆ ความนิ่มนวลในการเดินทางอยู่ในเกณฑ์ดี ในส่วนนี้ผมยกให้เลยครับ ถือว่าโดดเด่นกว่าการออกแบบซะอีก ส่วนระบบเบรกเป็นดิสท์ในคู่หน้า พร้อมระบบเบรก ABS ป้องกันล้อล็อกทำให้การหยุดรถมีความน่าไว้วางใจมากขึ้น

  CHEVROLET Sonic HB 1.4 AT LTZ AT ในราคาค่าตัว 687,000 บาท ความครบถ้วนขององค์ประกอบทั้งในเรื่องการออกแบบที่ไม่ซ้ำใคร โดดเด่นทั้งภายนอกภายใน สมรรถนะเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับการเป็น City Car และความโดดเด่นของช่วงล่างที่ดีเกินตัว ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่เรื่องความน่าไว้วางใจในเรื่องของ After Service ต่างหากที่ทำให้เราต้องกลับไปคิดว่าจะซื้อหรือไม่
 

{gallery}/article/2013/iamtest/chevrolet-sonic-hatchback{/gallery}


ตารางราคารถยนต์ล่าสุด

AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN |  DFSKFerrari | Honda (ฮอนด้า) |